เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1756 เจ้ายังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ

บทที่ 1756 เจ้ายังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1756 เจ้ายังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ

ฟางหยวนกําลังรอคอย

เขายังมีเวลาอีกมาก

แม้เขาจะสังหารเฉิงตู้กับเจ้าหญิงนิทราไปแล้วและกระทั่งไปยังสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงรวมถึงยึดครองวิญญาณอมตะปาจากภาคใต้ แต่เขายังมีเวลาอีกสองสามวันก่อนที่จางจื่อจะนําเพลิงชีวิตออกมาขายในสวรรค์สีเหลือง

ในชีวิตก่อนหน้า ข้าใช้เวลาสองสามเดือนเพื่อคิดค้นท่าไม้ตายอมตะราชันภูต

แต่ตอนนี้ข้าลงมือทําทันที ข้าสามารถประหยัดเวลาและความพยายามอย่างมาก

หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนไม่ได้ทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางไปทั้งห้าภูมิภาคเพื่อเก็บเกี่ยวทรัพยากรจากร่องลึกใต้พิภพ นั่นทําให้เขาได้รับกําไรมหาศาล

ท่ามกลางทรัพยากรเหล่านั้น เขาได้รับวิญญาณอมตะปาระดับหกจํานวนสามดวง

โชคของฟางหยวนแย่กว่าชีวิตก่อนห้าแต่เขาก็ยังสามารถทํากําไรเพราะเขามีข้อมูลที่ชัดเจน

ร่องลึกใต้พิภพเกิดขึ้นจากเจตจํานงสวรรค์ ไม่มีผู้อมตะคนใดสามารถทํานายมันได้ล่วงหน้า นอกจากนั้นมันยังยากที่จะสํารวจ

กระทั่งกองกําลังใหญ่ก็ยังประสบปัญหาในการสํารวจร่องลึกใต้พิภพและไม่สามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรได้ในระยะเวลาสั้นๆ

แต่ฟางหยวนรู้ว่าสถานที่ใดมีทรัพยากรชนิดใด นั่นทําให้เขาสามารถเดินทางไปยังจุดหมายที่เขาต้องการได้โดยตรง

ทั้งหมดต้องขอบคุณข้อมูลที่เขารวบรวมในชีวิตก่อนหน้า

“ในชีวิตก่อนหน้า ข้าไม่สามารถสํารวจร่องลึกใต้พิภพ ด้วยความแข็งแกร่งของข้าเพียงลําพัง ข้าไม่สามารถแข่งขันกับกองกําลังใหญ่

สิ่งสําคัญที่สุดคือวังสวรรค์กดดันข้าเป็นอย่างมาก ข้าต้องต่อต้านพวกเขาขณะเดียวกันก็ต้องค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้าไม่มีเวลาหรือพลังงานพอที่จะสนใจร่องลึกใต้พิภพ

“แต่ตอนนี้ดูเหมือนร่องลึกใต้พิภพจะมีค่าจริงๆ มันสามารถกระตุ้นความโลภของผู้คนได้โดยไม่ยาก

และนี่ยังเป็นเพียงสถานการณ์ในเวลานี้ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าร่องลึกใต้พิภพจะยิ่งสร้างความโกลาหลมากขึ้น ทรัพยากรจะปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

“การปะทุขึ้นของทรัพยากรจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้อมตะและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นก็จะกระตุ้นความทะเยอทะยานของพวกเขาต่อไป ในชีวิตก่อนหน้า ทรัพยากรเหล่านี้มีบทบบาทสําคัญที่ทําให้ผู้อมตะของทั้งสี่ภูมิภาคบุกโจมตีภาคกลาง ในชีวิตแรกของข้า สาเหตุหลักๆที่ทําให้เกิดสงครามห้าภูมิภาคก็มาจากทรัพยากรและอาณาจักรแห่งความฝันที่ปรากฏขึ้น”

บางเวลาฟางหยวนจะวิเคราะห์สถานการณ์และปรับปรุงแผนการของเขา

การกําเนิดใหม่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนหน้า

สิ่งสําคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งและอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของเขาเกินกว่าการกําเนิดใหม่ครั้งก่อนๆ

ด้วยความแข็งแกร่งและอิทธิพล ปรากฏการณ์หยดหมึกจากการกําเนิดใหม่ของเขาจะมีความสําคัญมากขึ้น

ฟางหยวนดําเนินการตามแผนของตนเองและเตรียมพร้อมสําหรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

เป็นไปตามความคาดหมาย ปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ

ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนตรวจสอบสวรรค์สีเหลืองแต่ยังไม่พบร่องรอยของจางจื่อ

ในชีวิตก่อนหน้า จางจื่อนําเพลิงชีวิตออกมาขายในเวลานี้

ฟางหยวนเร่งตรวจสอบ โชคดีที่ข้อมูลของจางจื่อหาไม่ยาก

ผู้อมตะจางจื่อแห่งนิกายวิหารสวรรค์สีดําพ่ายแพ้ให้กับผู้อมตะกังหยางของนิกายกระเรียนอมตะในการประลอง เมื่อพวกเขาพบเพลิงชีวิต มันจึงตกอยู่ในมือของผู้อมตะกังหยาง”

นิกายกระเรียนอมตะและนิกายวิหารสวรรค์สีดําเป็นส่วนหนึ่งของสิบนิกายโบราณ

ในแง่ของความแข็งแกร่ง นิกายกระเรียนอมตะด้อยกว่านิกายวิหารสวรรค์สีดํา แต่ในแง่ของพลังการต่อสู้ส่วนบุคคล ผู้อมตะกังหยางเหนือกว่าผู้อมตะจางจือ

จางจื่อเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขาธรรมดามาก กังหยางเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงมานานหลายปี เขายังเคยร่วมเดินทางไปยังภาคเหนือกับคณะเดินทางของฟงจิวเก้อเพื่อตรวจสอบการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง

ข่าวเรื่องจางจื่อพ่ายแพ้ให้กับกังหยางแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนไม่ต้องเดาก็รู้ว่านี่เป็นการกระทําของนิกายกระเรียนอมตะ

นิกายกระเรียนอมตะอ่อนแอกว่านิกายวิหารสวรรค์สีดํา พวกเขาต้องใช้ทุกโอกาสเพื่อเพิ่มชื่อเสียง ชัยชนะครั้งนี้เป็นโอกาสที่พวกเขารอคอย

ชัยชนะของกังหยางไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งที่ฟางหยวนสนใจคือเหตุใดกังหยางจึงปรากฏตัวขึ้น

ในชีวิตก่อนหน้ากังหยางไม่ปรากฏตัว นั่นทําให้จางจื่อได้รับเพลิงชีวิตโดยไร้สิ่งกีดขวาง

“นี่ไม่ใช่เรื่องดี”

“แตกต่างจากจางจื่อ กังหยางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไฟ เพลิงชีวิตมีประโยชน์กับเขา

“แม้มันจะไร้ประโยชน์ แต่กังหยางอาจมอบมันให้นิกายกระเรียนอมตะ เขาแตกต่างจากจางจื่อ เขามีความแข็งแกร่งและสถานะที่สูงกว่า หากเขามอบมันให้นิกาย เขาจะได้รับรางวัลไม่น้อย”

ฟางหยวนรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย

ตอนนี้แผนการรวบรวมเพลิงชีวิตของเขาพบปัญหา เขาต้องหามันจากแหล่งอื่น

อย่างไรก็ตามกังหยางกลับนําเพลิงชีวิตออกมาวางขายในสวรรค์สีเหลืองโดยไม่คาดคิด

ฟางหยวนตกใจเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจเจตนาของกังหยาง

กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือมันเป็นความตั้งใจของนิกายกระเรียนอมตะ

นิกายกระเรียนอมตะเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดี พวกเขาต้องการกระจายข่าวและเพิ่มชื่อ เสียงการนําเพลิงชีวิตออกมาขายจะทําให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย นี่เหมือนกับฟางหยวนที่ขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

หลังจากเข้าใจเรื่องนี้ ฟางหยวนก็กลายเป็นหนึ่งในลูกค้าของกังหยาง

เพลิงชีวิตเป็นทรัพยากรอมตะหายาก ราคาของมันสูงแต่ไม่ถึงกับไร้สาระ

ในชีวิตก่อนหน้า จางจื่อไม่รู้คุณค่าของมัน ดังนั้นฟางหยวนจึงซื้อมันได้ในราคาต่ำ แต่ครั้งนี้ทั้งหยางรู้คุณค่าของเพลิงชีวิต เขาขายมันในราคาที่เหมาะสม

“ดูเหมือนข้าต้องจ่ายราคาที่สูงขึ้น

ฟางหยวนเตรียมพร้อมทางจิตใจมาแล้วแต่การแข่งขันทําให้ราคาของเพลิงชีวิตพุ่งขึ้นไปถึงระดับที่ไร้สาระ

ฟางหยวนตระหนักว่านี่เป็นการแสดงละครของนิกายกระเรียนอมตะ พวกเขาตั้งใจปั่นราคา

ยิ่งราคาของเพลิงชีวิตสูงเท่าใด ข่าวก็จะแพร่กระจายออกไปมากเท่านั้น

เมื่อผู้คนพูดถึงเพลิงชีวิต พวกเขาจะละเลยกังหยางและนิกายกระเรียนอมตะได้อย่างไร?

ฟางหยวนทําได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขึ้นกับเรื่องนี้

เพลิงชีวิตสําคัญกับเขามาก แม้ราคาจะสูง แต่เขาก็ต้องซื้อ

ท้ายที่สุดวิธีอื่นไม่น่าเชื่อถือ เวลาเป็นสิ่งสําคัญ หากเขาใช้เวลามากเกินไป แผนการของเขาจะถูกทําลาย

เมื่อได้รับเพลิงชีวิต ฟางหยวนส่งมอบทรัพยากรหลักทั้งหมดให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทันที

หลังจากเตรียมการมาหลายวัน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็นํากลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนและฟางหยวนเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาว

“เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่ยอดเยี่ยม!” ฟางหยวนยกย่อง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “ทั้งค่ายกลวิญญาณอมตะและเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะต่างยอดเยี่ยม ผู้อาวุโสฟางหยวน เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะของเจ้าช่างน่าเหลือเชื่อนัก ด้วยการประเมินของข้า เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนนี้มีโอกาสประสบความสําเร็จสี่สิบส่วน!”

ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “ถูกต้อง นี่คือเหตุผลที่ข้าต้องการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้เพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้และจัดการวงสวรรค์ เอาล่ะ มาเริ่มกันเถอะ”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขมวดคิ้ว “ผู้อาวุโสฟางหยวน เจ้าขาดประสบการณ์ในการหลอมรวมวิญญาณ เจ้าจะหลอมรวมมันด้วยตนเองจริงๆงั้นหรือ?”

ฟางหยวนพยักหน้า “การหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้มีความสําคัญมากโดยเฉพาะกับข้า ข้าต้องลงมือด้วยตนเอง แม้มันจะล้มเหลว ข้าก็จะไม่เสียใจ อย่ากังวล ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ข้าจะไม่ขัดขวางท่าน ข้ารู้ขีดจํากัดของตนเอง”

“เมื่อเจ้ายืนยันเช่นนี้ เราก็จะทํามัน” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจก่อนจะเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมในฐานะผู้รับผิดชอบหลัก

จากนั้นผมที่สาม ผมที่สี่ ผมที่หก ผมที่เจ็ด และผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆก็ตามเข้าไป ฟางหยวนเป็นคนสุดท้าย

ค่ายกลวิญญาณอมตะเริ่มทํางาน

แสงสว่างขึ้น ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทุกประเภทถูกใช้งาน กระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและง่ายดาย

เพลิงชีวิตและวิญญาณใบมีดถูกปรับแต่งเป็นอันดับแรก ติดตามมาด้วยทรายโลหิต เลือดจากหัวใจ และวัสดุอื่นๆ

ในกระบวนการนี้ฟางหยวนทําหลายสิ่งแต่พวกมันล้วนเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ

หลายวันต่อมาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนต่างแสดงออกด้วยความยินดี

วิญญาณอมตะเริ่มก่อตัวขึ้น

พวกเขาอยู่ห่างจากความสําเร็จเพียงไม่กี่ก้าว

ทันใดนั้นแสงสว่างกลับปะทุขึ้น ฝุ่นควันลอยออกมา กลิ่นเหม็นไหม้ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ การหลอมรวมวิญญาณประสบปัญหา

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและคนอื่นๆตกใจมาก พวกเขาพยายามกอบกู้สถานการณ์ด้วยความวุ่นวาย

ฟางหยวนแนะนําให้สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะชั่วคราวเพื่อช่วยสนับสนุนการหลอมรวมและกําจัดสิ่งสกปรกทั้งหมด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีทางเลือกและต้องยอมรับข้อเสนอของฟางหยวน

เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะใหม่ถูกสร้างขึ้น ฟางหยวนกล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งโปรดเข้าสู่ค่ายกล!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีข้อสงสัย ในสถานการณ์นี้มีเขาเพียงผู้เดียวที่สามารถทําได้

แต่เมื่อเขาเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ เขากลับถูกกดขี่ “ฟางหยวน เจ้าพยายามทําสิ่งใด?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทั้งโกรธและตกใจมาก

“จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เจ้ายังไม่เข้าใจอีกขั้นหรือ?” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท