เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1755 วิญญาณอมตะป่า

บทที่ 1755 วิญญาณอมตะป่า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1755 วิญญาณอมตะป่า

ฟางหยวนมาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง เขาพบถ้ำและจัดตั้งค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์ก่อนจะเข้าสู่การบ่มเพาะอย่างเงียบๆ

อิงอู่เซียและคนอื่นๆยังอยู่บนเกาะบัวหินเพื่อฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต

ด้วยการกําเนิดใหม่ ฟางหยวนจึงสามารถข้ามขั้นตอนนั้น

ความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตสําหรับฟางหยวนไม่ใช่การบ่มเพาะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดแต่เป็นวิญญาณท่องแดนอมตะ

ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถเดินทางข้ามภูมิภาค

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเข้าไปในสถานที่เช่นถ้ำสวรรค์วาฬมังกรฟ้า

วิญญาณอมตะทุกดวงมีเพียงหนึ่งเดียว ตอนนี้วิญญาณท่องแดนอมตะที่แท้จริงอยู่ในมือของฟงจิวเก้อ แต่ผู้อมตะสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะเลียนแบบพลังอํานาจของวิญญาณอมตะดวงอื่นๆด้วยการใช้วิญญาณอมตะชนิดอื่นทดแทน

นี่คือความลึกซึ้งของการใช้วิญญาณ

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอาบแห่งแสงปัญญาและอนุมานอย่างต่อเนื่อง

ภารกิจหนึ่งของเขาคือการดัดแปลงท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตโดยเพิ่มผลกระทบบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไป

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนมีเวลาน้อยเกินไป เขาต้องบ่มเพาะ จัดการมิติช่องว่าง วางแผนต่อต้านวังสวรรค์ และค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เขาอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันมาก

ในสถานการณ์ดังกล่าว ฟางหยวนสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะราชันภูต ตราประทับเหล่าโป หมื่นภูตมังกร และอื่นๆ นั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

โดยทั่วไปผู้อมตะมักใช้เวลาสามถึงสี่ปีเพื่อคิดค้นท่าไม้ตายอมตะ แต่ฟางหยวนมีวิญญาณสติ ปัญญา เขามีความได้เปรียบในแง่มุมนี้

สําหรับตอนนี้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากชีวิตก่อนหน้าเพื่อยกระดับท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้น

สนามรบราชันภูตเป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและเส้นทางแห่งทาส

“เส้นทางแห่งทาสมุ่งเน้นเรื่องการลดทอนกําลังของฝ่ายตรงข้าม บุตรแห่งภูตไม่กลัวความตาย พวกมันสามารถระเบิดตัวเอง ก่อนที่พวกมันจะตาย พวกมันจะทําให้ศัตรูสูญเสียทรัพยากรและพลังการต่อสู้

เส้นทางแห่งจิตวิญญาณมีความได้เปรียบด้านการสังหาร ท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขตแดน

เขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตมีลักษณะเด่นสองประการนี้แต่อย่างหลังอ่อนแอกว่า ความเร็วในการเปลี่ยนบุตรแห่งภูตไม่สูงนัก หากฟางหยวนเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลัง ข้อได้เปรียบนี้จะมีประโยชน์ไม่มากนัก

“หากข้าเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไป สนามรบราชันภูตจะมีลักษณะเหมือนเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา”

เขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลามีความสามารถในการเปลี่ยนความเร็วของเวลา ตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดคือการขยายเวลาในเขตแดน หนึ่งวันของโลกภายนอกอาจเท่ากับหนึ่งเดือนของโลกภายใน นั่นจะทําให้ผู้ใช้งานมีเวลามากขึ้นในการสังหารศัตรูในเขตแดน

หากศัตรูติดอยู่ในเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เมื่อพันธมิตรของพวกเขารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติและต้องการช่วยเหลือ พันธมิตรของพวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้านาทีก่อนจะมาถึง แต่ภายในเขตแดนอมตะ สามวันอาจผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าของเขตแดนอาจกําจัดศัตรูไปแล้วก่อนที่พันธมิตรของพวกเขาจะมาถึง

ในชีวิตก่อนหน้า แม้ฟางหยวนจะสามารถกักขังฟงจิวเก้อไว้ในสนามรบราชันภูตและกระทั่งขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่เขาก็ไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้าม เหตุผลก็คือฟงจิวเก้อมีวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตา มันสามารถถ่วงเวลากระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยสามารถอนุมานและทําลายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต

หากเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตของฟางหยวนมีพลังอํานาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขาจะสามารถขยายเวลาภายในเขตแดน แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะสามารถอนุมานและทําลายมันได้ในที่สุด แต่นางก็จะได้รับเพียงศพของฟงจิวเก้อเท่านั้น

ฟางหยวนดัดแปลงเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตด้วยความคาดหวัง

โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นกิ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันไม่ยากที่จะเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไป

เขาบ่มเพาะหลายเส้นทาง มันมีประโยชน์อย่างมากเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น ท่าไม้ตายอมตะหมื่นภูตมังกรเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

ในการเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายอมตะผสมผสานหลายเส้นทาง ผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางสายเดียวจะไม่สามารถอนุมานหรือป้องกันพวกมันได้โดยง่าย

ฟางหยวนอยู่ในหุบเขาไร้นามเป็นเวลาสี่วันห้าคืน ในที่สุดเวลาที่เขารอคอยก็มาถึง

“ครืน…”

ในเวลากลางวัน แผ่นดินสั่นสะเทือน รอยแยกปรากฏขึ้น

หุบเขาพังทลาย ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง ฟางหยวนต้องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

รอยแยกบนพื้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และกลืนหุบเขาเข้าไปทั้งหมด ร่องลึกใต้พิภพก่อตัวขึ้นต่อหน้าฟางหยวน

กําแพงภูมิภาคกําลังหดตัว เส้นโลหิตปฐพีของห้าภูมิภาคค่อยๆหลอมรวมเป็นหนึ่ง

เมื่อเส้นโลหิตปฐพีสั่นไหว ร่องลึกใต้พิภพจํานวนมากจึงก่อตัวขึ้น ภาคใต้มีปราณพิภพหนาแน่นที่สุด นั่นทําให้เกิดร่องลึกใต้พิภพขึ้นมากที่สุดเช่นกัน

ฟางหยวนรอคอยการถือกําเนิดของร่องลึกใต้พิภพแห่งนี้อย่างอดทนและเริ่มออกสํารวจเมื่อมันปรากฏขึ้น

ร่องลึกใต้พิภพจะนําทรัพยากรและวิญญาณปาขึ้นมาจากใต้ดิน

หลังจากสํารวจ ฟางหยวนพบสมบัติล้ำค่ามากมาย

เพียงไม่นานเขาก็พบศพของสัตว์อสูรเดียวดายตัวหนึ่ง

ศพของสัตว์อสูรเดียวดายเป็นทรัพยากรอมตะระดับหก แม้มันจะได้รับความเสียหาย แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า

ฟางหยวนเก็บซากศพของมันอย่างง่ายดาย

สิ่งที่ทําให้เขามีความสุขก็คือซากศพของสัตว์อสูรตัวนี้มีดวงวิญญาณอยู่ภายใน มันสามารถเปลี่ยนเป็นบุตรแห่งภูต

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบเพื่อค้นหาสมบัติและได้รับกําไรมากขึ้นเรื่อยๆ

“เหตุใดข้ายังไม่พบมัน? ข่าวลือไม่ใช่เรื่องจริงงั้นหรือ?”

“หากตระกูลลั่วจงใจสร้างข่าวปลอม การเดินทางครั้งนี้ของข้าจะล้มเหลว

หลังจากสิบห้านาที ฟางหยวนเริ่มกังวล

ร่องลึกใต้พิภพแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของตระกูลลั่ว เมื่อเวลาผ่านไปผู้อมตะตระกูลลั่วจะมาถึง พวกเขาอาจนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาด้วย ท้ายที่สุดร่องลึกใต้พิภพก็เป็นแหล่งทรัพยากรที่ล้ำค่า

ป้าหมายและ

แม้ฟางหยวนจะไม่กลัวแต่เขาไม่ต้องการสร้างปัญหา เขาเพียงต้องการ จากไปอย่างเงียบๆ

“มันไม่อยู่ที่นี่จริงๆงั้นหรือ?”

“ข้าพลาดสิ่งใดหรือไม่? เป็นเพราะโชคของข้าแย่มาก มันจึงส่งผลกระทบต่อการเดินทางครั้งงั้นหรือ?”

ขณะที่ฟางหยวนกําลังสงสัยในตัวเอง ดวงตาของเขากลับส่องประกายขึ้นอย่างกะทันหัน

“ข้าพบบางอย่าง!”

เขาเคลื่อนที่อย่างระมัดระวังและพบเต่าเพชรบรรพกาลตัวหนึ่ง

ในไม่ช้าความปิติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

เขาพบวิญญาณอมตะบนตัวเต่าเพชรบรรพกาลตัวนี้

“เป็นเช่นนี้”

วิญญาณอมตะเป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของฟางหยวน

ฟางหยวนลงมือทันทีโดยใช้สนามรบราชันภูต

เมื่อฟางหยวนเคลื่อนไหว กลิ่นอายของเขาจะรั่วไหลออกมา แม้เต่าเพชรบรรพกาลจะมีสติปัญญาไม่สูงนัก แต่สัญชาตญาณทําให้มันคํารามและพยายามหลบหนี

แต่ฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว เขาใช้บุตรแห่งภูตต่อสู้กับเต่าเพชรบรรพกาล อย่างไรก็ตาม ฟางหยวนยังเกรงว่าการต่อสู้จะทําให้วิญญาณอมตะได้รับความเสียหาย ดังนั้นเขาจึงต้องควบคุมพลังการต่อสู้ให้เหมาะสม

แม้บุตรแห่งภูตจะตายแต่พวกมันก็ไม่ระเบิดตัวเอง

แม้เขาจะประสบความสูญเสีย แต่เป้าหมายของเขาในการลดความแข็งแกร่งของเต่าเพชรบรรพกาลก็ประสบความสําเร็จ

หลังจากกักขังเต่าเพชรบรรพกาลไว้ในเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต แม้ผู้อมตะตระกูลลั่วจะมาที่นี่ มันก็มีโอกาสน้อยที่พวกเขาจะค้นพบเขตแดนอมตะนี้

ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่ไม่สามารถหลบหนีจากเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตโดยไม่ต้องกล่าวถึงสัตว์อสูรบรรพกาล

ฟางหยวนไม่กังวลและไม่ลําพอง เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังและรักษาพลังงานอมตะเอาไว้ เขาไม่ได้ใช้กระทั่งมือปีศาจปล้นวิญญาณ

โชคในปัจจุบันของเขาไม่ดีนัก เขาอาจขโมยได้เพียงวิญญาณระดับมนุษย์

ด้วยความช่วยเหลือจากบุตรแห่งภูต เต่าเพชรบรรพกาลอ่อนแอลงจนถึงจุดต่ำสุด ฟางหยวนสามารถจับมันทั้งเป็น

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดตกเป็นของฟางหยวนเช่นกัน

“ดีมาก! ด้วยสิ่งนี้ข้าจะสามารถตอบโต้วิญญาณท่องแดนอมตะ!” ฟางหยวนมีความสุขมาก

หลังจากเก็บเต่าเพชรบรรพกาลและวิญญาณอมตะปา ฟางหยวนลบเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตออกไป

เมื่อกลับมายังร่องลึกใต้พิภพ ผู้อมตะตระกูลลั่วก็มาถึงแล้ว พวกเขามองร่องลึกใต้พิภพด้วยความโกรธ มันถูกปล้นไปแล้ว!

นี่เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลลั่ว

ฟางหยวนมองคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลลั่วก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ

หลังจากเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง ฟางหยวนก็ใช้วิญญาณท่องแดนอมตะในอนาคตเพื่อกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฟางหยวนทําให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง

เขาเดินเข้าไปหาฟางหยวนก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจและยินดี “ฟางหยวน เจ้าชิงวิญญาณท่องแดนอมตะมาจากพวกเขางั้นหรือ?”

หากวังสวรรค์ไม่มีวิญญาณท่องแดนอมตะ มันจะเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

แต่ฟางหยวนส่ายศีรษะ “นี่เป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะ ท่านพร้อมหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนหรือยัง?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผิดหวังกับคําตอบของฟางหยวนแต่เขายังตอบกลับ “เราเกือบพร้อมแล้ว พวกเขาฝึกซ้อมกันทั้งกลางวันและกลางคืน ทรัพยากรอื่นๆพร้อมแล้ว เจ้ารวบรวมทรัพยากรอมตะระดับแปดทั้งหมดยัง?”

ฟางหยวนสายศีรษะ “ข้ารวบรวมมาได้สามชิ้น แต่ไม่จําเป็นต้องรีบร้อน เรายังมีเวลา”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวล “ผู้อาวุโสฟางหยวน นั่นไม่ใช่ทัศนคติที่ถูกต้องวังสวรรค์ สามารถบุกเข้ามาได้ทุกเมื่อ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แล้ว หากเรากระทําการโดยประมาท เราจะประสบปัญหาใหญ่”

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งอย่ากัวล ข้ารู้ว่ากําลังทําสิ่งใดอยู่”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท