เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1753 รับมรดกของเทพปีศาจบัวแดงอีกครั้ง

บทที่ 1753 รับมรดกของเทพปีศาจบัวแดงอีกครั้ง

บทที่ 1753 รับมรดกของเทพปีศาจบัวแดงอีกครั้ง

ทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า

แสงลึกลับส่องประกายบนท้องฟ้าก่อนที่ผู้อมตะสี่คนจะปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาคือฟางหยวน อิงอู๋เซีย เทพธิดาเมี่ยวหยิน และเทพธิดากระต่ายขาว

ตอนนี้เทพธิดาเมี่ยวหยิน เทพธิดากระต่ายขาว และผมที่หกยังไม่ตาย พวกเขายังมีชีวิตอยู่

“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปฝึกฝนได้” ฟางหยวนส่งผู้อมตะทั้งสามเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

สมาชิกนิกายเงาทั้งหมดฝึกฝนอยู่ในมิติซ่องว่างของฟางหยวน

ฟางหยวนนําพวกเขาออกมาเพียงเพื่อใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะทองรอบทิศ นี่เป็นวิธีเคลื่อนย้ายสถานที่ระยะไกลในพริบตาของเขาในขณะนี้

หลังจากฟางหยวนสูญเสียวิญญาณท่องแดนอมตะ ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเข้ามาแทนที่ มันช่วยให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายมาได้หลายต่อหลายครั้ง

“แต่วิญญาณท่องแดนอมตะยังสะดวกกว่าในการใช้งาน” ฟางหยวนถอนหายใจ

ฟางหยวนเดินทางไกลมายังอีกมุมหนึ่งของภาคเหนือ แต่กลิ่นอายของค่ายกลวิญญาณอมตะท่องรอบทิศไม่สามารถปกปิด มันจะดึงดูดผู้คน ดังนั้นฟางหยวนจึงปรากฏตัวขึ้นในสถานที่รกร้างว่างเปล่าและห่างไกลจากผู้คนเพื่อหลีกเลี่ยงกองกําลังใหญ่

หากเขามีวิญญาณท่องแดนอมตะ มันจะไม่ลําบากมากนัก

ฟางหยวนคิดต่อ “แน่นอนว่าวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดเหมาะสมกับข้ามากกว่า”

“ตอนนี้ฟงจิวเก้อจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดอยู่ในการครอบครองหรือยัง?”

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดจากฟงจิวเก้อโดยใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

วิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์มากสําหรับฟางหยวน

แม้หลังจากกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดแล้ว วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดก็ยังสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายทองแดนอมตะเพื่อนําฟางหยวนเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง

ค่ายกลวิญญาณทองรอบทิศด้อยกว่าวิญญาณท่องแดนอมตะ มันไม่สามารถนําผู้ใช้งานข้ามกําแพงภูมิภาค นอกจากนั้นมันยังมีข้อจํากัดด้านจํานวนคน

“ในชีวิตก่อนหน้า ข้าโชคดีที่สามารถขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะโดยใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณ แต่วิธีนี้ไม่น่าเชื่อถือ มันพึ่งพาโชค ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะในครั้งนี้

ฟางหยวนเกิดใหม่โดยพึ่งพาวิญญาณกาลเวลา เขานําข้อมูลล้ำค่า ระดับความสําเร็จ และท่าไม้ตายอมตะกลับมาด้วย แต่โชคของเขาลดลงอย่างมาก

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อเพิ่มโชคของตนเองอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามวิธีบนเส้นทางแห่งโชคของเขาไม่มีประสิทธิภาพมากนัก

“ในการต่อสู้ครั้งก่อน เฉิงตูและเจ้าหญิงนิทราอ่อนแอกว่าข้า แม้โชคของข้าจะไม่ดีนัก แต่การกําจัดพวกเขาก็ไม่ใช่ปัญหา

ฟางหยวนค่อนข้างพอใจกับการต่อสู้สองครั้งก่อนหน้า

สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา

ในชีวิตก่อนหน้า เขาขาดวิธีโจมตีที่ทรงพลังเช่นท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป เขาทําได้เพียงใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณและบุตรแห่งภูตเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม

ยังบังคับให้ฟางหยวนต้องหลบหนี

ถระเบิดตัวเอง นอ ออกจากการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนเสี่ยงมาก เขาใช้ความพยายามและเวลามากมายในการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปและประสบความสําเร็จก่อนการต่อสู้บนเทือกเขาห้าภูมิภาคเท่านั้น เขาใช้มันจับกุมผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์จวินเฉินกวงและทําให้วหยงตกตะลึง

ครั้งนี้เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปตั้งแต่เริ่มต้นขณะที่ผลลัพธ์ของมันชัดเจนมาก

หลังจากสังหารเฉิงตูและเจ้าหญิงนิทรา ฟางหยวนได้รับทรัพยากรหลักในการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนสามชิ้นแรกมาแล้ว สําหรับทรัพยากรชิ้นสุดท้าย มันคือเพลิงชีวิต

จากประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนไม่จําเป็นต้องค้นหาเพลิงชีวิตด้วยตนเอง อีกไม่นานผู้อมตะจางจื่อจะนํามันออกมาวางขายในสวรรค์สีเหลือง เมื่อเวลานั้นมาถึงฟางหยวนจะสามารถซื้อมันจากเขา

ฟางหยวนมายังทุ่งหญ้ารกร้างแห่งนี้เพื่อจุดประสงค์อื่น

เขาบินลงสู่พื้นก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ผลาญวิญญาณระเบิดโชค!

“รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าไม่สูงนัก ข้าต้องระวังการใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค แต่คราวนี้ข้ากําลังจะเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา เพื่อความปลอดภัย ข้าต้องใช้มัน” ฟางหยวนถอนหายใจ

ท่าไม้ตายอมตะราชันภูตพึ่งพารากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเช่นกัน แต่ฟางหยวนต้องใช้มันเพื่อป้องกันการอนุมานจากศัตรู

ตอนนี้ฟางหยวนยังมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเหลืออยู่ในคลังสมบัติแต่การบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาต้องหยุดลงเนื่องจากภูเขาตงฮันพึ่งถูกจุดชนวนระเบิดในมือของเทพธิดาจื่อเว่ย ฟางหยวนต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อกู้คืนมัน

หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค โชคของฟางหยวนพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตามมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้าในช่วงเวลาเดียวกันนี้

ข้อเสียของวิญญาณกาลเวลายิ่งใหญ่มาก ยิ่งการบ่มเพาะของผู้ใช้งานสูงเท่าใด โชคของพวกเขาก็ยิ่งลดลงเท่านั้น ฟางหยวนไม่รู้ว่าเทพปีศาจบัวแดงจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

ฟางหยวนเดินไปรอบๆและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกซ่อนไว้

จากนั้นเขาก็เข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะและหายตัวไปจากจุดนั้น

นี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกทิ้งไว้โดยนิกายเงา มันใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จากสภาพแวดล้อมเพื่อปกปิดตัวมันเอง

ฟางหยวนมองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบางท่า

นี่เป็นท่าไม้ตายที่เขาพึ่งคิดค้นขึ้นและยังไม่ได้ตั้งชื่อ จุดประสงค์หลักของมันคือการปกปิดตัวตนและป้องกันการอนุมาน

หลังจากใช้ท่าไม้ตายนี้ ฟางหยวนสูดหายใจลึกและกระโดดลงไปในสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

เขาเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาสายหลักอย่างรวดเร็ว

ไกลออกไปคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังหนึ่งลอยอยู่เหนือสายธารแห่งกาลเวลา

มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะวิหารอดีตปัจจุบัน

มีผู้อมตะสี่คนอยู่ในวิหารอดีตปัจจุบัน สามชาย หนึ่งหญิง

พวกขาคือสี่ขุ่นจือจากนิกายผีเสื้อจิตวิญญาณ ทั้งสี่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด

ฟางหยวนใช้เกาะบัวหินที่ครองครองโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณสังหารหงซื่อของวังสวรรค์และทําให้พวกเขาประสบปัญหาขาดแคลนผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

แม้สี่ซุนจือจะไม่ใช่สมาชิกของวังสวรรค์แต่พวกเขามีความแข็งแกร่งและภักดี เทพธิดาจื่อเว่ยส่งพวกเขามาปกป้องสายธารแห่งกาลเวลาพร้อมกับวิหารอดีตปัจจุบัน หากฟางหยวนเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา พวกเขาจะสังเกตเห็นทันที

“หือ?” จางซุนจือรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เกาซุนจือถาม

จางซุนจือชี้ไปยังหน้าจอแสดงภาพที่อยู่ในวิหารอดีตปัจจุบันและกล่าวด้วยความลังเล “ข้าคิดว่าข้าเห็นระลอกคลื่นที่ผิดปกติก่อนหน้านี้”

“เช่นนั้นเราไปตรวจสอบกันเถอะ” เกาซุนจือกล่าว

สี่ชุนจือกระต้นใช้งานวิหารอดีตปัจจุบันและตรวจสอบพื้นที่หลายสิบครั้งแต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ

“ข้าอาจมองผิดไป ฮ่าฮ่าฮ่า” จางซุนจ่อหัวเราะด้วยความเขินอาย

“พี่ใหญ่อย่าประหม่าเกินไป ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเราทั้งสี่สามารถเอาชนะเขาแม้จะไม่มีวิหารอดีตปัจจุบันก็ตาม” จงซุนจือปลอบโยน

วังสวรรค์เข้าใจพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของฟางหยวนเป็นอย่างดี

เกาซุนจือหัวเราะคิกคัก “อย่ากังวล อย่ากังวล แม้พวกท่านจะตาย ตราบเท่าที่ข้ารอดชีวิต พวกท่านก็สามารถฟื้นคืนชีพ”

“ฮืม เจ้ากําลังสาปแช่งพี่ชายของเจ้างั้นหรือ?”

“เห้อ…”

“เจ้าช่างซุกซนนัก!”

“ท่านพี่ ปล่อยข้า…”

ภายในวิหารอดีตปัจจุบันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

ทั้งสี่ล้อเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่รู้ตัวเลยว่าฟางหยวนมาถึงสายธารแห่งกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว

ในชีวิตก่อนหน้า วิหารอดีตปัจจุบันค้นพบคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ของฟางหยวน แต่ชีวิตนี้แตกต่างออกไป

ประการแรก ฟางหยวนพบเพียงวิหารอดีตปัจจุบันเท่านั้น วังสวรรค์ยังไม่ได้ส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสามหลังออกมา

ประการที่สอง ฟางหยวนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิหารอดีตปัจจุบัน เขาทําลายมันมาแล้วถึงสองครั้งในชีวิตก่อนหน้า สี่ซุนจือเสียชีวิตในมือของฟางหยวน เขายังจับและค้นวิญญาณของสามซุนจือ นั่นทําให้เขาสามารถเรียนรู้ความลับเกี่ยวกับวิหารอดีตปัจจุบัน

ประการสุดท้าย ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหลายดวงหลังจากกําเนิดใหม่ หนึ่งในนั้นเป็นวิญญาณอมตะซ่อนเวลาระดับเจ็ด มันอนุญาตให้ผู้ใช้งานปกปิดร่องรอยของพวกเขา ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นสามารถหลบหนีจากการตรวจสอบของวิหารอดีตปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดวิหารอดีตปัจจุบันจึงไม่พบการคงอยู่ของฟางหยวน

ฟางหยวนเคลื่อนที่ไปในสายธารแห่งกาลเวลาอย่างรวดเร็ว

เขาเผชิญหน้ากับอุปสรรคและปัญหาบางอย่าง

น้ำพุกะทันหันสามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด นอกจากนี้ยังมีอสูรปี

โชคดีที่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชคมาแล้ว นั่นทําให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงพวกมันและไม่ทําให้เกิดความโกลาหล

หากการต่อสู้ปะทุขึ้น มีโอกาสสูงที่วิหารอดีตปัจจุบันจะค้นพบเขา

ตอนนี้ฟางหยวนยังไม่มีสระแก่นแท้ปี โดยปราศจากมัน เขาก็ไม่สามารถรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิด

ในที่สุดวิญญาณกาลเวลาก็เริ่มสั่นสะเทือน หลังจากไม่นานฟางหยวนก็พบเกาะบัวหิน!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท