เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1757 ตอบแทนความเมตตาด้วยแผนร้าย

บทที่ 1757 ตอบแทนความเมตตาด้วยแผนร้าย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1757 ตอบแทนความเมตตาด้วยแผนร้าย

“ฟางหยวน เจ้าช่างกล้าหาญนัก เจ้าทั้งโง่เขลาและกล้าหาญเกินไป! เจ้าคิดร้ายต่อข้าในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาข้าจะทําให้เจ้าเข้าใจว่าความผิดของเจ้าร้ายแรงเพียงใด!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องด้วยความโกรธ เขาเหมือนภูเขาไฟที่กําลังจะระเบิด

แต่ในวินาทีต่อมา การเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับหยุดลงอย่างกะทันหันความโกรธบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นความตกใจ

“เหตุใดข้าจึงไม่สามารถขยับร่างกาย? การเชื่อมต่อของข้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเกือบถูกตัดขาด!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง

ฟางหยวนยิ้ม ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ฟางหยวนต้องการยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาตั้งแต่แรก

ผ่านไปหลายปีในที่สุดความคิดนี้ก็เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้และออกดอกออกผลพร้อมเก็บเกี่ยว

ฟางหยวนมองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและกล่าวด้วยความมั่นใจ “ไร้ประโยชน์ เจ้าไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างเราเลย”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่เขาเหมือนมดที่ถูกภูเขากดทับ

เขาพยายามอย่างหนักแต่พบว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ตรงข้าม เขาถูกกดขี่มากขึ้นเรื่อยๆ

“เป็นไปไม่ได้!” เขามองฟางหยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ฟางหยวนยิ้ม “ดูเหมือนเจ้าจะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างเราแล้ว”

ความแตกต่างดังกล่าวก็คือความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวนเหนือกว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา!

ในชีวิตก่อนหน้า ความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวทําให้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาบรรลุระดับถึงปรมาจารย์สูงสุด สําหรับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามันเป็นเพียงเจตจํานงของบรรพชนผมยาว แม้มันจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ไม่ธรรมดาแต่มันยังห่างไกลจากระดับถึงปรมาจารย์สูงสุด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลระดับสามัญขณะที่ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล

สิ่งสําคัญที่สุดคือฟางหยวนมีความชํานาญและประสบการณ์ในการจัดตั้งค่ายกล เขาสามารถดัดแปลงมันได้ตามความต้องการ

“สมกับเป็นเจ้า ฟางหยวน! เจ้าเป็นจักรพรรดิปีศาจที่แท้จริง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากําหมัดแน่น ใบหน้ากลายเป็นบิดเบี้ยว ดวงตาของเขาแทบสามารถพ่นไฟออกมา

เขากัดฟันกล่าว “นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผ่นการของเจ้า! เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมีข้อบกพร่องแต่ข้าไม่สังเกตเห็น ปัญหาเกิดขึ้นระหว่างการหลอมรวมวิญญญาณ เจ้าฉวยโอกาสนี้สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะและหลอกให้ข้าเข้ามา แท้จริงแล้วมันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่อ้างอิงมาจากท่าไม้ตายอมตะแสงโลหิตใช่หรือไม่?”

“นี่หมายความว่าทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเลือดถูกใช้เพื่อสิ่งนี้!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยความมั่นใจขณะที่อารมณ์ของเขาเริ่มสงบลง

ฟางหยวนไม่ตอบ การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเริ่มขมวดคิ้ว เขามองเห็นรอยยิ้มในดวงตาของฟางหยวน

ความตื่นตระหนกพุ่งผ่านดวงตาของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่เขารีบซ่อนมันอย่างรวดเร็ว

“ข้าต้องใจเย็น ข้าไม่สามารถตื่นตระหนก ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นค่ายกลระดับสูงสุดของร่างหลัก ฟางหยวนจะเข้าใจมันในระยะเวลาสั้นๆได้อย่างไร? เมื่อค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทํางาน ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดนี้จะถูกทําลาย เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะสามารถหลบหนี

“ตราบเท่าที่ข้าสามารถหลบหนี แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะถูกควบคุมโดยข้าอีกครั้ง ข้าจะสามารถกระจายข่าวของฟางหยวนพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จะยืนอยู่เคียงข้างข้า!”

“เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะทําให้ฟางหยวนเสียใจ!”

“อา…”

“บัดซบ! เหตุใดข้าต้องตะโกนความคิดของตนเองออกมา!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกอยากฆ่าตัวตาย

ฟางหยวนยิ้ม “อย่ากังวล เมื่อเจ้าสามารถคิดถึงสิ่งเหล่านี้ แล้วเหตุใดข้าจะไม่สามารถคิด?”

“อันใด!? เจ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วงั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึงแต่แสร้งทําเป็นสงบ

เขาหัวเราะ “แม้เจ้าจะรู้แล้วอย่างไร? เจ้าเข้าใจค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้นั้นหรือ?”

ฟางหยวนลูบจมูกของเขา “ความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ลึกซึ้งกว่าเจ้า แน่นอนว่ามันยังห่างไกลจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอีกครั้ง “ถูกต้อง เพียงรอก่อน ฟางหยวน เมื่อข้าออกไปข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงผลที่จะตามมาของการทรยศนิกายหลางหยาของข้า!”

แต่สิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารอคอยไม่เกิดขึ้น

หลังจากไม่นานค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดก็ยังมั่นคงและมีเสถียรภาพ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารอคอยต่อไป แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาวก็ไม่เกิดความโกลาหลใดๆ นอกจากนี้ร่างกายของเขายังถูกย้อมด้วยแสงสีเลือด

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าทําสิ่งใดลงไป!?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก

ฟางหยวนยิ้มแต่ไม่ตอบ

เขาเข้าใจค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้มากกว่าที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดเพราะเขามีประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้า

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนผมยาวในอดีต

ด้วยรากฐานในปัจจุบันของฟางหยวน มันยากที่เขาจะสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะในระดับเดียวกันนี้ อย่างไรก็ตามการทําความเข้าใจมันเป็นอีกกรณีหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงฟางหยวนไม่ใช่ผู้สร้างผลงานศิลปะ แต่มันไม่ยากที่จะวิจารณ์ผลงานชิ้นนี้

เขาเป็นเพียงผู้เสพผลงาน เขาไม่สามารถทําความเข้าใจความลึกซึ้งของมันได้อย่างสมบูรณ์

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะผมที่หกเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้ไว้แล้ว

ด้วยความช่วยเหลือจากผมที่หก ฟางหยวนมั่นใจว่าค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาวจะไม่รบกวนค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดของเขา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรู้ตัว ฟางหยวนวางแผนมาอย่าง พิถีพิถันเขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีก

โดยไม่มีทางเลือก จิตวิญญาณแผ่นดินหางหยาผมดําถูกแสงสีเลือดกัดเซาะจนหมดและต้องปล่อยให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวปรากฏตัวขึ้นเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์

แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวปรากฏขึ้น เขาถูกกดขี่โดยค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดทันที

“เจ้าปีศาจไร้ยางอาย!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวถูกกดขี่และไม่สามารถขยับเขยอนเขาทําได้เพียงส่งเสียงออกมาเท่านั้น

เขาตําหนิฟางหยวนอย่างรุนแรง ฟางหยวน คนไร้ยางอาย คนเจ้าเล่ห์ คนเลว!”

“เจ้ามาถึงจุดนี้ได้เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาให้ความช่วยเหลือเจ้ามาตลอด!”

“ก่อนที่เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะ ข้าช่วยเจ้าไว้หลายครั้ง ในที่สุดเจ้าก็สามารถทําลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง!”

“เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อมตะ ข้าทําธุรกรรมกับเจ้า เจ้าได้รับหินวิญญาณอมตะจากการพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะให้ข้า นั่นคือจุดเริ่มต้นของเจ้า!”

“ข้ายังช่วยเจ้าหลอมรวมวิญญาณอมตะนับครั้งไม่ถ้วน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนใดที่ไม่เคยช่วยเจ้าหลอมรวมวิญญาณ!”

“เมื่อเจ้าพบปัญหา เราให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะและวิญญาณอมตะเพื่อก้าวข้ามความยากลําบาก”

“ข้ามอบท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติให้เจ้ารวมถึงท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น”

“เจ้าต้องการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว เราก็ให้เจ้ายืมวิญญาณอมตะและวิธีการที่จําเป็น”

“เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ไปหูถูกโจมตี เราช่วยลดความสูญเสียให้เจ้า!”

“ข้าเลี้ยงดูวิญญาณสติปัญญาของเจ้าโดยใช้วิญญาณอายุยืนของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”

“เมื่อภูเขาตงฮันถูกฉกชิงไป ข้าชดเชยให้เจ้าตามข้อตกลงแม้เราจะต้องสูญเสียความหมายที่แท้จริงของร่างหลักก็ตาม!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวทั้งโกรธและโศกเศร้า ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงขณะกล่าวถ้อยคําเหล่านี้ออกมา

แตกต่างจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมดําที่เข้มแข็ง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวสนใจเพียงการหลอมรวมวิญญาณและพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาอื่นๆทั้งหมด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมดําเป็นคนหัวรุนแรงขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวเป็นคนรักสงบ

“ฟางหยวน จิตสํานึกของเจ้าอยู่ที่ใด!”

“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี แต่เจ้ากลับตอบแทนความเมตตาด้วยแผนร้าย!”

“เจ้าไม่สามารถท่องเที่ยวอยู่ที่โลกภายนอก แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังเป็นสถานที่หลบภัยให้กับเจ้า!”

“เจ้าเป็นมนุษย์แต่ข้ากับผมดํายังยอมรับเจ้า เราตั้งเจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกและมอบหมายหน้าที่สําคัญให้กับเจ้า เราปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะหนึ่งในพวกเรา!”

“แต่นี่คือวิธีการที่เจ้าปฏิบัติต่อพวกเรางั้นหรือ?”

“เจ้ารู้สึกผิดบ้างหรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องและร้องไห้

ฟางหยวนตอบอย่างไร้อารมณ์ “ไม่”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “…”

ผ่านไปชั่วครู่เขาก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “เจ้าทําเช่นนี้กับผู้มีพระคุณ สหาย และ ครอบครัวมโนธรรมของเจ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยงั้นหรือ?”

ฟางหยวนตอบ “ไม่ แท้จริงแล้วข้าค่อนข้างตื่นเต้น”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโกรธมาก เขาต้องการฉีกร่างของฟางหยวนออกเป็นชิ้นๆ “ฟางหยวน ปีศาจชั่ว เจ้าไร้ยางอายเกินไป!”

“เดรัจฉาน! สารเลว! วายร้าย! ไร้ยางอาย! มนุษย์! เจ้าจะไม่สามารถหัวเราะได้นานนัก!”

“คนเช่นเจ้าจะไม่ตายดี ข้าตาบอดจริงๆที่หลงเชื่อเจ้า! สวรรค์จะไม่ปล่อยเจ้าไป!”

“หากข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้าตั้งแต่แรกเห็น ข้าจะสับร่างเจ้าเป็นล้านชิ้นและเผาทําลายให้กลายเป็นจุล!”

“โอ้” ฟางหยวนยิ้มและส่ายศีรษะ “น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสนั้น”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นพูดไม่ออก เขาต้องการฉีกรอยยิ้มบนใบหน้าของฟางหยวนแต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหว

เขาทําได้เพียงสาปแช่งเพื่อระบายความโกรธเท่านั้น

แต่ต่อหน้าคนเช่นฟางหยวนที่ไม่มีความละอายใจหรือศีลธรรมใดๆ ความโกรธของจิต วิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไร้ความหมาย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท