เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1759 ข้ากําลังรออยู่

บทที่ 1759 ข้ากําลังรออยู่

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1759 ข้ากําลังรออยู่

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ารู้สึกราวกับโลกกําลังหมุน หลังจากชั่วครู่ วิสัยทัศน์ของนางก็กลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง

แทบจะในทันที นางหายตัวไปจากวังสวรรค์และมาถึงพื้นที่ขนาดใหญ่

“หือ?” นางเห็นฟางหยวนยืนอยู่ด้านหน้า

“ฟางหยวน ดี!” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าคํารามเสียงดังด้วยดวงตาสีแดงเลือด

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มกว้าง “จักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ข้ากําลังรอเจ้าอยู่”

หลังกล่าวจบคํา ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปพุ่งเข้าไปหาจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าทันที

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าต้องการหลบ แต่พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะส่งผลกระทบต่อนางแล้ว

การเคลื่อนไหวของนางช้ามาก นี่ทําให้นางตกใจและโกรธจัด

นางไม่สามารถหลบท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปของฟางหยวน

เกราะสีดําที่น่าขนลุกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเผยให้เห็นร่างกายที่แท้จริงของนาง

การประสานงานระหว่างท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป และค่ายกลวิญญาณอมตะทําลายการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าในครั้งเดียว

นางไม่ถอยแต่กรีดร้องและพุ่งเข้าหาฟางหยวน

นี่เป็นกลยุทธ์ที่ฉลาด

หากนางล่าถอย มันจะทําให้ฟางหยวนสามารถควบคุมสถานการณ์

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ามีทั้งประสบการณ์และความกล้าหาญ นางบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่กลับถูกซุ่มโจมตี นางกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่มันไม่สามารถทําลายความกล้าหาญและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนาง

ไพ่ตายใบสุดท้ายของนางคือการระเบิดตัวเองไปพร้อมกับศัตรู แม้นางจะตาย นางก็จะลากศัตรูลงนรกไปพร้อมกัน นี่คือธรรมชาติที่แท้จริงของนาง

แต่ฟางหยวนรู้จักไพ่ตายใบนี้ของนางแล้ว

เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางหยวนก็เช่นกัน

ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะไม่เตรียมวิธีรับมือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเอาไว้ได้อย่างไร?

เป็นเช่นที่ฟางหยวนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เขากําลังรออยู่

ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต!

หลังจากกําหราบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ก็ตกเป็นของฟางหยวน นั่นทําให้ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะที่มีวิญญาณอมตะขโมยชีวิตเป็นแกนกลาง

แม้ฟางหยวนจะไม่มีพลังงานอมตะระดับแปด แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถทํา แทนเขาเพราะจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีพลังงานอมตะของบรรพชนผมยาว

ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตไม่ได้ถูกใช้โดยฟางหยวนแต่เป็นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

จุดแสงสีแดงปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

การเคลื่อนไหวของนางหยุดลง

นางแก่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยวพริบตานางเปลี่ยนจากเด็กหญิงตัวเล็กที่น่ารักเป็นหญิงชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น

นางพยายามยกนิ้วชี้ที่เที่ยวแห้งขึ้นมาและกล่าวอย่างยากลําบาก “เจ้า…ทําได้อย่างไร…”

นี่เป็นคํากล่าวสุดท้ายของนาง

นางเสียชีวิตทันที

นางเสียชีวิตด้วยความเสียใจและความเกลียดชัง

แม้นางจะตายไปแล้วแต่ดวงตาของนางยังเบิกกว้าง

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตกสู่ความโกลาหล

“เกิดสิ่งใดขึ้น? นางตายแล้วงั้นหรือ?”

“เราฆ่าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!”

“มันง่ายเกินไปหรือไม่?”

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ต่างตกตะลึง

หลังจากสงบสติอารมณ์ พวกเขาเริ่มวิเคราะห์

“มันเป็นเพราะแผนการของท่านฟางหยวน”

“ถูกต้อง จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าตกลงสู่หลุมพรางของเรา นางไม่มีทางตอบโต้”

“แม้นางจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เปรียบเทียบกับท่านฟางหยวน นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใด”

“ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าเหตุใดผู้อมตะเผ่ามนุษย์จึงพยายามไล่ล่าท่านฟางหยวน…”

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ถอนหายใจและมองฟางหยวนด้วยความหวาดกลัว ชื่นชม และเคารพ

ในความเป็นจริงการสังหารจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าไม่ใช่เรื่องง่าย

ประการแรก ความสามารถของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาคือการวางแผน ด้วยข้อมูลที่เพียงพอ พวกเขาสามารถจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะหลังจากฟางหยวนกําเนิดใหม่ เขารู้จักไพ่ตายของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

ประการที่สอง ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับเปลี่ยนค่ายกลวิญญาณอมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเป็นหนึ่งในวิญญาณที่เขาเพิ่มเข้าไป

ทั้งหมดต้องขอบคุณความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลและแสงแห่งปัญญาที่ทําให้เขาบรรลุสิ่งนี้

วิธีการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าคือเกราะจิตวิญญาณและการระเบิดตัวเอง

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปทันที ท่าไม้ตายนี้สามารถจัดการเกราะจิตวิญญาณของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

โดยปราศจากเกราะจิตวิญญาณ เมื่อนางเสียชีวิต นางจะไม่สามารถระเบิดตัวเอง

นอกจากนั้นฟางหยวนยังใช้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต

สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตสามารถแยกแยะมิตรและศัตรู

อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะขโมยชีวิตยังใช้งานได้เพียงสามครั้ง ฟางหยวนไม่สามารถลบข้อจํากัดนี้

แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็ไม่ลังเลที่จะใช้หนึ่งในสามครั้งเพื่อสังหารจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ามีพลังการต่อสู้สูง ยิ่งนางอยู่ที่นี่นานเท่าใด ภัยคุกคามต่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็ยิ่งมากเท่านั้น

หากนางสามารถระเบิดตัวเอง การสูญเสียจะรุนแรงมาก

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องฆ่านางก่อนที่นางจะสามารถตอบสนอง

วังสวรรค์

เฉินอี้มองเสาแสงและกล่าว “ให้ข้าไป”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า

ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีกระดานหมากรุกกลุ่มดาว เทพธิดาจื่อเว่ยเข้าใจความคิดของเฉินอี้ไม่มากก็น้อย

หลังจากได้รับอนุญาตจากเทพธิดาจื่อเว่ย เฉินอี้บินเข้าไปในเสาแสงด้วยความกังวล

“ข้าต้องรีบเคลื่อนไหว!”

“ด้วยพลังการต่อสู้ของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ยิ่งข้าช้าเท่าใด โอกาสสร้างผลงานของข้าก็ยิ่งน้อยเท่านั้น ตอนนี้นางอาจสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไปบ้างแล้ว

“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้ามาแล้ว!”

เฉินอี้เข้าไปในเสาแสงด้วยความตื่นเต้น

ในเวลาต่อมา เขาปรากฏตัวขึ้นในค่ายกลวิญญาณอมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

“นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยางั้นหรือ? คือ?” ร่างของเฉินอี้แข็งค้าง รูม่านตาของเขาหดเล็กลงจนเหลือขนาดเท่าปลายเข็ม

เขาเห็นศพของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!

ฟางหยวนเพิ่มความสามารถบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ นั่นทําให้เวลาเดินช้าลง

แต่ที่วังสวรรค์เวลายังเดินตามปกติ

หลังจากจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเข้ามา เฉินอี้ก็ตามเข้ามาแทบจะพร้อมกัน

เมื่อฟางหยวนสังหารจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและจับกุมดวงวิญญาณของนาง เฉินอี้ก็ปรากฏตัวขึ้น

“เจ้าค่อนข้างเร็ว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

เฉินอี้มองศพของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและตะโกน “ผู้อาวุโส!?”

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าไม่ตอบ

นางตายแล้วอย่างไม่สามารถปฏิเสธ

“นี่เป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นไปได้อย่างไร?” เฉินอี้รู้สึกราวกับถูกน้ําเย็นราดลงกลางศีรษะ

ความจริงก็คือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิตขณะที่ฟางหยวนยังสามารถเผยรอยยิ้มโดยปราศจากบาดแผลใดๆ

ผู้ใดจะสามารถคาดคิดถึงสถานการณ์นี้

เฉินอี้กระพริบตาก่อนคําราม “ปีศาจ เจ้าสร้างภาพลวงตานี้และทําให้ข้าเกือบถูกหลอก!”

หลังกล่าวจบคํา เฉินอี้เร่งใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน

เขาไม่รีบโจมตีแต่ยืนปกป้องเกลียวแสงสีดําที่อยู่ข้างหลัง

ในเวลาต่อมาเฉินอี้เริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกต “หือ? พลังอํานาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลากําลังส่งผลกระทบต่อข้า!”

ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของเขาเกิดขึ้นช้ามาก

วังสวรรค์

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวกับฟงจิวเก้ออย่างสงบ “ไปได้”

ฟงจิวเก้อพยักหน้าและบินเข้าไปในเสาแสง

“ด้วยความแข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ เขาสามารถป้องกันตัวเอง เราต้องอาศัยโชคของผู้พิทักษ์เต๋า นี่เป็นวิธีเดียวที่เราจะสามารถต่อต้านฟางหยวน”

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

หลังจากฟังจิวเก้อก็เป็นนาง

แต่ในจังหวะที่นางกําลังจะเข้าไปในเสาแสง

เสาแสงกลับระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน

เทพธิดาจื่อเว่ยตกตะลึง “”

ผู้อมตะของวังสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังนาง “”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท