เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1765 รับมนุษย์กลายพันธุ์

บทที่ 1765 รับมนุษย์กลายพันธุ์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1765 รับมนุษย์กลายพันธุ์

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

สวรรค์สีขาวน้อย ทวีปเมฆา

“เป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนตัดสินใจหรือยัง?” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกําลังเผชิญหน้าอยู่กับกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

คนเหล่านี้ประกอบด้วยผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินซื่อจง ซื่อ เฉิง และผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกโม่ฉีอี้

ด้วยการวางแผนของฟางหยวน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงเหลือเพียงคนทั้งสี่

สามวันก่อนหลังจากฟางหยวนสามารถหลบหนีจากองค์ชายฟงเซี่ยน เขาปล่อยให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่ตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการเข้าร่วมนิกายหลางหยาหรือไม่ พวกเขามีเวลาสามวันในการพิจารณา

ตอนนี้ถึงเวลาที่กําหนดแล้ว

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนและจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามารวมตัวกัน

ปิงหยวนและคนอื่นๆแสดงออกด้วยความลําบากใจ

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากันเสียงเย็นอยู่ภายในแต่ภายนอกยังยิ้มแย้มแจ่มใสและกล่าวอย่างอบอุ่น “ทุกคน พวกเจ้าสามารถบอกข้าได้ว่าพวกเจ้ามีปัญหาใด เราเป็นพันธมิตร เราคือครอบครัว! แม้ตอนนี้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับแปดแต่ข้าก็ไม่เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อพวกเจ้า”

ฟางหยวนใช้ทั้งไม้และแครอท เขาชี้ให้เห็นถึงการบ่มเพาะระดับแปดของเขาด้วยรอยยิ้ม มีความหมายลึกซึ้งอยู่เบื้องหลังคํากล่าวและการกระทําของเขา

ได้ยินคํากล่าวของฟางหยวน ใบหน้าของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่กลายเป็นยิ่งน่าเกลียด

ฟางหยวนขายกระดูกซี่โครงของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ต้องให้ความสําคัญกับเขา

ตอนนี้เขาสามารถเอาชนะวังสวรรค์ เขาสังหารสองผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ต่อหน้าทุกคน

ชื่อเสียงของฟางหยวนเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยเท่า เขาเหมือนภูเขาสูงที่ยืนอยู่ต่อหน้าคนเหล่านี้

คํากล่าวของเขามีความหมายแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงหลังการต่อสู้ครั้งนี้

ทุกถ้อยคําของฟางหยวนเหมือนภูเขาที่กดทับหัวใจของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

เมื่อเห็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เงียบ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอีกครั้ง “ข้ากําลังพยายามช่วยพวกเจ้า พวกเจ้ามีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่ผ่านมา ฟงจิวเก้อสามารถหลบหนี เขาจะเปิดเผยข้อมูลนี้ออกไป ด้วยความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของวังสวรรค์ พวกเขาจะอนุมานข้อมูลของพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย การพักอยู่ที่นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่มองหน้ากันด้วยความขมขื่น

ฟางหยวนกล่าวถูกต้อง

อย่างไรก็ตามหากพวกเขาเข้าร่วมนิกายหลางหยา พวกเขาจะสูญเสียอิสรภาพ

สิ่งนี้แตกต่างจากข้อตกลงพันธมิตรก่อนหน้านี้

ผู้ใดจะต้องการสูญเสียอิสรภาพ?

ฟางหยวนกล่าวถ้อยคําที่น่าฟังและขอให้พวกเขาเข้าร่วมนิกายหลางหยา แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสีรู้ว่านิกายหลางหยาถูกกลืนกินโดยฟางหยวนไปแล้ว การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมันก็คือการยอมจํานนต่อฟางหยวนและกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

มันไม่เป็นไรหากฟางหยวนเป็นมนุษย์ขน แต่ความจริงก็คือเขาเป็นมนุษย์!

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่ไม่ต้องการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อมตะเผ่ามนุษย์

แต่สถานการณ์ค่อนข้างแปลก พวกเขาไม่มีทางเลือกและไม่สามารถกล่าวออกมาโดยตรง

การปฏิเสธคําขอของฟางหยวนจะส่งผลกระทบที่น่ากลัว

รอยยิ้มของฟางหยวนค่อนๆจางลง เขากระตุ้นฝ่ายตรงข้ามเสียงเรียบ “ทุกคน พวกเจ้าคิดมากเกินไป หากข้าต้องการทําร้ายพวกเจ้า ข้าสามารถฆ่าพวกเจ้าได้ทันที พวกเจ้าจะต่อต้านข้าได้อย่างไร?”

ฟางหยวนข่มขู่อย่างเปิดเผย การแสดงออกของสี่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เปลี่ยนไปทันที

พวกเขาไม่สามารถตําหนิฟางหยวน

ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขายังมียักษ์สวรรค์ ขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินมีเพียงมังกรหินแรกกําเนิด แล้วพวกเขาจะต่อต้านฟางหยวนได้อย่างไร?

ฟางหยวนมองพวกเขาและกล่าวต่อ “แม้ข้าจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายปีศาจ แต่นั่นเป็นเพราะข้าไม่มีทางเลือก วังสวรรค์ต้องการฆ่าข้า แล้วข้าจะทําสิ่งใดได้? พวกเจ้าเป็นสหายและครอบครัวของข้า ข้าจะไม่ทําร้ายพวกเจ้า หลังจากพวกเจ้าเข้าร่วมนิกายหลางหยา เราจะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น หากพวกเราแยกย้ายกันไป วังสวรรค์หรือถ้ําสวรรค์นิรันดรอาจสร้างปัญหากับพวกเจ้า นั่นจะทําให้พวกเราทุกคนอ่อนแอลง!”

ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจังและทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่สงบลงเล็กน้อย

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิด การแสดงของนายท่านฟางหยวนไร้ที่ติจริงๆ แผนการต่อต้านผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ของนายท่านบังคับให้พวกเขามาถึงจุดนี้

“หากพวกเขารู้ความจริง ข้าสงสัยนักว่าพวกเขาจะแสดงออกอย่างไร?

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่ไม่ได้โง่เขลา พวกเขาค่อนข้างฉลาด ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นผู้นําของเผ่าพันธุ์และสามารถรอดชีวิตมานานหลายปี

พวกเขาสงสัยฟางหยนวแต่พวกเขาไม่สามารถแสดงออก

ฟางหยวนแข็งแกร่งเกินไป

เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาสามารถท่องเที่ยวไปทั่วโลกโดยไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวาง

กระทั่งวังสวรรค์ยังไม่สามารถหยุดเขา

ลืมราชันมังกรไปก่อน เขาเป็นกรณีพิเศษ

แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่จะหวาดกลัวแต่พวกเขาก็รู้สึกว่าฟางหยวนเป็นคนที่พวกเขาสามารถพึ่งพา

“หากเราเข้าร่วมนิกายหลางหยา ชีวิตของเราจะมีเสถียรภาพมากกว่านี้หรือไม่?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่กําลังคิดถึงคําถามนี้

หากพวกเขาสามารถพึ่งพาร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มันจะเป็นผลดีต่อพวกเขา

การยอมจํานนต่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์อาจมีอันตราย แต่พวกเขารู้สึกว่าฟางหยวนเป็นตัวเลือกที่ดี

อย่างไรก็ตามหากพวกเขารู้ว่าฟางหยวนจะบุกวังสวรรค์ ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร

“เนื่องจากท่านฟางหยวนเชิญพวกเราด้วยความจริงใจ พวกเราเผ่ามนุษย์หิมะก็จะเชื่อในตัวท่าน พวกเราจะเข้าร่วมนิกายหลางหยา!” หลังจากนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ คนแรกที่เปิดปากกล่าวก็คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะปิงหยวน

นี่คือผู้อมตะระดับเจ็ดซึ่งเป็นย่าของเซี่ยเอ๋อคู่หมั้นของฟางหยวน

ด้วยสายสัมพันธ์ดังกล่าว นางจึงสนิทกับฟางหยวนมากที่สุด

หลังจากนั้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อีกสามคนก็ตกลงเข้าร่วมนิกายหลางหยาเช่นกัน

นี่ค่อนข้างคล้ายกับชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เข้าร่วมนิกายหลางหยาในท้ายที่สุด

แต่คราวก่อนพวกเขาถูกบีบบังคับโดยถ้ําสวรรค์นิรันดร พวกเขาไม่ลังเลที่จะเข้าร่วม แต่ครั้งนี้พวกเขาถูกบีบบังคับโดยฟางหยวน พวกเขาต้องใช้เวลาสามวันในการไตร่ตรอง

หลังจากการเจรจาสิ้นสุดลง ร่างหลักของฟางหยวนก็เดินทางไปยังแดนน้ําแข็งของภาคเหนือและเมืองหมึกเพื่อจับมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมด เดี๋ยว! ไม่ เขากําลังช่วยเหลือเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์โดยการนําพวกเขาไปอยู่อาศัยในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

มิติช่องว่างจักรพรรดิในวันรุ่งขึ้น

ภาคเหนือน้อย

หนึ่งผู้อมตะชายและหนึ่งผู้อมตะหญิงลอยอยู่บนท้องฟ้าและมองลงไปบนพื้น

ใบหน้าของผู้อมตะชายเรียบเฉย ดวงตาของเขาดําสนิทราวกับขุมนรก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา เขาก็คือร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน

ผู้อมตะหญิงเป็นเด็กสาวที่งดงาม นางดูมีชีวิตชีวา ดวงตาและเส้นผมของนางเป็นสีฟ้า นางคือผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะเซี่ยเอ๋อคู่หมั้นของฟางหยวน

“เซี่ยเอ๋อ ร่างหลักของข้าไม่สามารถมาที่นี่ มีเพียงร่างแยกเช่นข้าที่สามารถอยู่กับเจ้า เจ้าจะโทษข้าหรือไม่?” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากล่าวด้วยน้ําเสียงอบอุ่น

เซี่ยเอ๋อกระพริบตาหลายครั้งก่อนจะกล่าวอย่างรวดเร็ว “ฟางฟางหยวน อย่ากังวล ท่านเห็นข้าเป็นเด็กเล็กๆงั้นหรือ? มีร่างแยกของท่านอยู่เคียงข้าง ข้าก็มีความสุขมากแล้ว”

เซี่ยเอ๋อต้องกดตนเองให้ต่ํา

แม้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจะมีการบ่มเพาะระดับหก แต่ร่างหลักของเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด!

ตอนนี้เผ่ามนุษย์หิมะต้องพึ่งพาฟางหยวน กระทั่งย่าของนางก็ยังกลายเป็นลูกน้องของเขา

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเห็นทัศนคติของเซี่ยเอ่อและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

เชี่ยเอ๋อถาม “ข้ามีคําถาม เหตุใดท่านถึงพาข้ามาที่นี่?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ามีของขวัญจะมอบให้ เซี่ยเอ่อ ดูข้างล่าง” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากล่าวและโบกมือ

พลังงานความเย็นแผ่กระจายออกมาขณะที่ภูเขาน้ําแข็งปรากฏขึ้น

เซี่ยเอ๋ออ้าปากค้างด้วยความตกใจ “อา…นี่คือ…”

“นี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็ง ข้าใช้ผลึกแก่นแท้น้ําแข็งรวมถึงวิญญาณบนเส้นทาง แห่งหิมะและน้ําแข็งจํานวนมากเพื่อสร้างมันขึ้นมา จากนี้ไปเผ่ามนุษย์หิมะของเจ้าจะอาศัยอยู่ที่นี่” ฟางหยวนอธิบาย

ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็งปกคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ มันเหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์หิมะ

“เซี่ยเอ๋อ เราหมั้นกันแล้ว เผ่ามนุษย์หิมะมีความใกล้ชิดกับข้ามากกว่าเผ่าอื่นๆ หลายวันที่ผ่านมาข้าครุ่นคิดว่าจะดูแลพวกเจ้าอย่างไร”

“หลังจากไตร่ตรอง ในที่สุดข้าก็สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็งนี้ขึ้นมา มันมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมที่สุดสําหรับการอยู่อาศัยของพวกเจ้า”

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามองเซี่ยเอ๋อด้วยสายตาอ่อนโยน

เซี่ยเอ๋อมีความสุขมาก ดวงตาของนางสองประกายสว่างไสว “ฟางหยวน ท่านเอาใส่ใจพวกเราจริงๆ ท่านเติมเต็มความคาดหวังของข้า กล่าวตามตรง เมื่อวานท่านย่ายังกังวลว่าพวกเราจะดูแลเผ่ามนุษย์หิมะอย่างไร”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและจับไหล่ของเซี่ยเอ๋อ

ร่างของเซี่ยเอ๋อสั่นสะท้านขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกของนาง!

ฟางหยวนกล่าว “เซี่ยเอ๋อ หลังจากนี้เจ้าจะเป็นเจ้าของค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็ง เจ้าสามารถดูแลเผ่ามนุษย์หิมะ เจ้าต้องพัฒนามันให้ดี ทําให้แน่ใจว่าเผ่ามนุษย์หิมะจะขยายเผ่าพันธุ์ได้มากกว่าเผ่ามนุษย์ขน!”

ใบหน้าและดวงตาของเซี่ยเอ๋อกลายเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น “ฟางหยวน ขอบคุณมาก ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งเผ่ามนุษย์หิมะจะสามารถพัมนาได้อย่างเปิดเผย ข้าจะไม่ทําให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน! ท่านย่าและท่านปิงเจาจะมีความสุขมากหากพวกเขารู้ว่าท่านจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ให้”

ฟางหยวนใช้โอกาสนี้กอดนาง

คราวนี้ร่างกายของเซี่ยเอ๋อกลายเป็นแข็งทื่อ นางจับหน้าอกของฟางหยวนด้วยใบหน้าแดงก่ํา

ฟางหยวนกล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก “ในความเป็นจริงโลกทั้งใบกําลังเข้าใจข้าผิด พวกเขา เรียกข้าว่าไร้ยางอาย เย็นชา และไร้หัวใจ แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต้องการวิญญาณอมตะและความทรงจําอันล้ําค่าของข้า พวกเขาตําหนิข้าเพราะความโลภและเห็นแก่ตัวของพวกเขา มันคือข้ออ้างของฝ่ายธรรมะ!”

“ประสบการณ์ของข้าก็ไม่ต่างจากเผ่ามนุษย์หิมะ ดังนั้นข้าจึงเข้าใจพวกเจ้า”

“เห้อ…แท้จริงแล้วข้าทําได้มากกว่านี้ ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ําแข็งนี้ยังไม่ดีพอ ข้ามผลึกแก่นแท้น้ําแข็งเพียงชิ้นเดียวและมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ําแข็งน้อยเกินไป หากข้าสามารถหาได้มากกว่านี้ ข้าจะวางพวกมันทั้งหมดไว้ที่นี่”

คํากล่าวของฟางหยวนทําให้เซี่ยเอ๋อมีความสุขมาก

นางคิดก่อนกล่าว “อย่ากังวล ฟางหยวน เผ่ามนุษย์หิมะของเรามีผลึกแก่นแท้น้ําแข็งสองชิ้น และวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ําแข็งอยู่ในคลังสมบัติ เมื่อท่านย่าได้ยินเรื่องนี้ นางจะมอบมันให้ท่านเพื่อพัฒนาบ้านของพวกเราอย่างแน่นอน”

“โอ้ หากเป็นเช่นนั้นมันจะยอดเยี่ยมมาก” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความประหลาดใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน

เซี่ยเอ๋อปิดเปลือกตา เผยรอยยิ้ม กอดฟางหยวน และจมอยู่ในความสุข

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท