เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1766 ถอยหนึ่งก้าวเพื่อขยายทะเลและท้องฟ้า

บทที่ 1766 ถอยหนึ่งก้าวเพื่อขยายทะเลและท้องฟ้า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1766 ถอยหนึ่งก้าวเพื่อขยายทะเลและท้องฟ้า

ท้องฟ้าสดใส เมฆสีขาวราวหิมะ

สายลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดมาภายใต้แสงแดด ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเหลือง มีเมืองสีดําขนาดใหญ่ตั้งอยู่

เมืองแห่งนี้เป็นรูปหกเหลี่ยม กําแพงเมืองยาวกว่าสองร้อยเมตร สูงสามสิบเมตร และหนาสิบเมตร มันเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่

เมืองแห่งนี้มีผู้คนมากกว่าแปดแสนคนอาศัยอยู่ ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้มีผู้ใช้วิญญาณจํานวนมาก

มันเต็มไปด้วยร้านค้าและบ้านเรือน ผู้คนและรถม้าสัญจรอยู่รอบๆ มีกิจกรรมมากมายและมีเสียงดังตลอดเวลา มันเป็นภาพที่มีชีวิตชีวา

สิ่งที่ทําให้มันดูพิเศษที่สุดคือประชากรของเมืองนี้เป็นมนุษย์หมึก

นี่คือเมืองหมึก

“ครืน…”

เป็นเพียงเวลานี้เมื่องหมักเกิดแผ่นดินไหว ความสงบสุขถูกรวบกวน

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“แผ่นดินไหวงั้นหรือ? ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีข่าวลือว่าแผนดินแยกตัวและทําให้เกิดร่องลึกใต้พิภพจํานวนมากบนโลกใบนี้!”

“ช่วยข้าด้วย!”

“ท่านแม่!”

ความโกลาหลปะทุขึ้นทันที

หลังจากชั่วครู่เมืองหมึกก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

“โอ้ สวรรค์ เมืองหมึกกําลังบิน มันกําลังบินอยู่งั้นหรือ?”

“ข่าวมลือเป็นจริง! เมืองหมึกเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์!”

“สวรรค์ มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณที่ใหญ่โตที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา!”

ผู้คนในเมืองหมึกตกใจมาก

ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็แผ่พุ่งเข้าปกคลุมเมืองหมึกทั้งหมด

“พักผ่อนเถอะ” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางขณะลอยอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆ

ด้านข้างเขาคือผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก

เขาเป็นราชาของเมืองหมึก ผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์หมึก โม่ตันซาง

เขาเป็นหนึ่งในสองผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกที่เหลืออยู่

ด้วยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน เขาทําให้มนุษย์หมึกในเมืองหมึกนอนหลับ

เมืองหมึกหดเล็กลงและบินเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวน

“เมืองหมึกมีประชากรประมาณแปดแสนคน ภาคกลางมีเมืองจักรพรรดิเป็นเมืองอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์ การครอบครองเมืองหมีกไม่ต่างจากการครอบครองครึ่งหนึ่งของเมืองจักรพรรดิ”

ฟางหยวนจะไม่ละทิ้งสมบัติชิ้นใหญ่ชิ้นนี้

“หลังจากนี้เจ้าจะเป็นเจ้าเมืองต่อไป พัฒนาและเลี้ยงดูผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกให้มากขึ้น มิติช่องว่างของข้ามีพื้นที่เพียงพอให้เจ้าแสดงความสามารถ” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและกล่าวกับโม่ตันซาง

โม่ตันซางคุกเข่าลงแสดงความเคารพด้วยความตื่นเต้น “ข้าโม่ตันซางยินดีช่าวยเหลือท่านฟางหยวน ข้าจะพยายามพัฒนาเมืองหมีกอย่างเต็มที่!”

“อืม เจ้าก็เข้าไปด้วย” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มกว้าง

โม่ตันซางเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างเชื่อฟัง

เขาติดตามเมืองหมึกเข้าไปและลงจอดที่ทะเลทรายตะวันตกน้อย

ฟางหยวนเลือกสถานที่แห่งนี้ให้พวกเขา

เมื่อเมืองหมึกมาถึง มนุษย์หมึกที่หลับใหลก็เริ่มตื่นขึ้น โม่ตันซางออกคําสั่งอย่างพิถีพิถัน เขาสามารถควบคุมสถานการณ์และรักษาความสงบของเมืองหมึก

ตอนนี้โม่ต้นซางรู้สึกซับซ้อนมาก

เขารู้จักฟางหยวนมานานแล้ว ก่อนหน้านี้โม่ตันซางยังเคยขายท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเมฆาให้กับไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ตอนนี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงตายแล้ว ขณะที่ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด

ฟางหยวนมาเพื่อนําเมืองหมึกกลับไป เรื่องนี้โม่ตันซางรู้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ฟางหยวนยิ้ม “โม่ตันซางเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง”

“ในชีวิตแรกของข้า คนผู้นี้สามารถบ่มเพาะผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกได้เป็นจํานวนมาก เขาร่วมมือกับหม่าหงหยุนด้วยสถานะเท่าเทียม ในสงครามห้าภูมิภาค เขาสามารถยกระดับการบ่มเพาะของตนและขยายเมืองหมึกไปทั่วทั้งภาคเหนือ”

“มีเขาปกครองเมืองหมึกอยู่ในทะเลทรายตะวันตกน้อยที่ไร้คู่แข่ง อนาคตของพวกเขาจะสดใสมาก”

โม่ตันซางเป็นผู้นําที่มีความสามารถ นอกจากเขาจะมองการณ์ไกลและกล้าหาญ เขายังสามารถก้มศีรษะยอมจํานนในเวลาที่จําเป็น เขาไม่ใช่ตัวตนที่สามารถดูแคลน

ตราบเท่าที่เขามีโอกาส เขาจะสามารถพลิกสถานการณ์และสร้างปาฏิหาริย์ให้กับตนเอง

ในแง่มุมนี้เขาเหมือนวหยงที่อ่อนแอกว่า

ฟางหยวนไม่กังวลเกี่ยวกับการเติบโตของโม่ตันซาง เขามีความสุขที่จะได้เห็นมันเกิดขึ้น

นี่คือความเอื้อเฟื้อของผู้ยิ่งใหญ่ นี่คือความมั่นใจของฟางหยวน

ไม่ว่าโม่ตันซางจะเติบโตขึ้นมากเพียงใด ฟางหยวนก็มั่นใจว่าเขาสามารถควบคุมและจัดการคนผู้นี้

แท้จริงแล้วมีความเสี่ยงในการย้ายเมืองหมึก

วังสวรรค์อาจซุ่มโจมตีพวกเขาระหว่างกระบวนการนี้ หากเทพธิดาจอเว่ยอนุมานต้นกําเนิดของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก นางอาจรู้ว่าฟางหยวนจะไปยึดครองเมืองหมึก

แม้วังสวรรค์จะไม่เคลื่อนไหวด้วยตนเอง แต่เทธิดาจื่อเว่ยอาจแจ้งข่าวกับถ้ําสวรรค์นิรันดรและยืมมือพวกเขาเพื่อสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน

แต่โชคดีที่ฟางหยวนสามารถนําเมืองหมึกมาได้อย่างราบรื่นโดยปราศจากปัญหา

ร่างหลักของฟางหยวนหายตัวไปขณะที่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอยู่กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมกําลังทํางานอยู่ในเวลานี้

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาควบคุมมันด้วยตนเองและรายงานร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา “อีกหนึ่งเดือนผนึกแกนกลางต้นกําเนิดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะถูกปลดออกอย่างสมบูรณ์”

ฟางหยวนพยักหน้าเบาๆ

ไม่ว่าจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์ พวกมันจะมีแกนกลางที่เป็นต้นกําเนิดของทุกสิ่ง

แกนกลางต้นกําเนิดของมิติช่องว่างเป็นรากฐานของมัน

การพัฒนามิติช่องว่างหรือการกลืนกินมิติช่องว่างอื่นๆจะช่วยส่งเสริมแกนกลางต้นกําเนิดของมิติช่องว่างนั้นๆ

หากแกนกลางต้นกําเนิดถูกดึงออกมา มิติช่องว่างจะได้รับความเสียหายร้ายแรงหรืออาจพังทลายลง

แกนกลางต้นกําเนิดของมันเหมือนน้ําพุจิตวิญญาณธรรมชาติที่ผู้อมตะสามารถดึงพลังงานของมันออกมาใช้งาน

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเคยเป็นถ้ําสวรรค์ระดับแปดมาก่อน

หลังจากบรรพชนผมยาวเสียชีวิต จิตวิญญาณสวรรค์หลางหยาแทบไม่สามารถต่อต้านภัยพิบัติระดับแปด ดังนั้นจิตวิญญาณสวรรค์หลางหยาจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอลางต้นกําเนิดระดับเจ็ด

จิตวิญญาณสวรรค์หลางหยากลายเป็นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

ด้วยวิธีนี้ภัยพิบัติจึงลดความรุนแรงลง

หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนถือเป็นผู้อมตะระดับแปดเทียม เนื่องจากแกนกลางต้นกําเนิดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังเป็นแกนกลางต้นกําเนิดระดับเจ็ด

หากแกนกลางต้นกําเนิดของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากลับสู่ระดับแปด มันจะทําให้ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง

วิธีผนึกแกนกลางต้นกําเนิดเป็นสมบัติล้ําค่าและสําคัญมาก

โดยทั่วไปผู้อมตะส่วนใหญ่มักจะตกตายเพราะภัยพิบัติ ผู้อมตะไป่หูเป็นหนึ่งในกรณีดังกล่าว นางเสียชีวิตจากภัยพิบัติมนุษย์เงาสายฟ้าและทิงแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไว้เบื้องหลัง

หากผู้อมตะคนใดสามารถครอบครองวิธีการดังกล่าว พวกเขาจะสามารถสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวต่อภัยพิบัต

ฟางหยวนมีความสุขมากที่ได้รับวิธีนี้ เขาต้องยกย่องจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ซ้ําแล้วซ้ําอีก

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบอกเขาว่า “ในความเป็นจริงร่างหลักของข้าได้รับวิธีนี้มาจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ขณะที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ได้รับวิธีนี้มาจากเทพปีศาจไร้ขอบเขต เดิมทีมันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่มีชื่อว่า ถอยหนึ่งก้าว หลังจากนั้นเทพปีศาจปล้นวิญญาณก็ปรับเปลี่ยนมันจนกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่เรียกว่า ขยายทะเลและท้องฟ้า ข้าเพียงปรับมันให้เป็นท่าไม้ตายเดิมเท่านั้น นี่ไม่สามารถถือว่าเป็นการพัฒนาหรือดัดแปลง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถตั้งชื่อมันด้วยตนเอง ข้าทําได้เพียงนําชื่อเดิมทั้งสองของมันมารวมกันและเรียกมันว่า ถอยหนึ่งก้าวเพื่อขยายทะเลและท้องฟ้า”

ฟางหยวนถอนหายใจ นี่เป็นท่าไม้ตายที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าประทับใจ

ท่าไม้ตายอมตะถอยหนึ่งก้าวเพื่อขยายทะเลและท้องฟ้า!

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะสายสนับสนุน มันมีไว้เพื่อจัดการมิติช่องว่างโดยเฉพาะและไม่มีพลังโจมตีใดๆ

แต่คุณค่าของมันกลับไม่สามารถคิดคํานวณ หากวิธีนี้รั่วไหลออกไป ผู้อมตะทั้งโลกจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากมัน จํานวนผู้อมตะของโลกใบนี้จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า

จากแง่มุมนี้ ฟางหยวนสามารถมองเห็นความสามารถอันยิ่งใหญ่ของเทพปีศาจไร้ขอบเขตและเทพปีศาจปล้นสวรรค์

“นี่หมายความว่าเทพปีศาจไร้ขอบเขตและเทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถสะสมร่อง รอยของพลังงานแห่งเต๋าได้เท่ากับผู้อมตะระดับเก้าก่อนจะกลายเป็นเทพปีศาจ” ฟางหยวนกล่าว

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับบอกเขาว่า “นายท่าน ท่านประเมินผู้อมตะระดับเก้าต่ําเกินไป ตามคําบอกเล่าของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ในช่วงเวลาที่เทพปีศาจไร้ขอบเขตยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ เขาก็สามารถสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋แล้ว เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับหก เขาก็มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเท่ากับผู้อมตะระดับแปดแล้ว”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท