เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1769 มรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

บทที่ 1769 มรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

บทที่ 1769 มรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

จื่อชิวหยูแก่มากแล้วแต่เขายังต้องดูแลตระกูลจืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สําหรับยุคที่ยิ่งใหญ่ เขายังต้องทํางานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูผู้สืบทอดที่ขาดความสามารถของเขา

ในความเป็นจริงชีวิตของจื่อชิวหยูไม่ง่ายเลย นอกจากนั้นข่าวลือที่เกิดขึ้นยังทําลายชื่อเสียงของเขา

จื่อซิวหยูโกรธมาก เขากัดฟันขณะรอให้ฟางหยวนปรากฏตัวอีกครั้ง

ในฐานะคนร้ายตัวจริง ฟางหยวนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขามีช่วงเวลาที่ดีมาก

เขาใช้เวลาจัดการมิตช่องว่างจักรพรรดอย่างมีความสุข

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกกลืนกินและทําให้ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด

เขาปล่อยให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทํางานเพื่อเปลี่ยนข้อตกลงพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ ข้อตกลงใหม่เข้มงวดมาก นั่นทําให้ฟางหยวนมั่นใจว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ของเขา

มีกฏข้อหนึ่งกล่าวว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ตกตายจะต้องมอบมิติช่องว่างของพวกเขาให้กับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ดังนั้นฟางหยวนจึงได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่เสียชีวิตด้วยน้ํามือของเฉินอี้ระหว่างการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกใจกับสิ่งนี้ แต่ด้วยความร่วมมือของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผมที่หก พวกเขาจึงสามารถยอมรับได้อย่างรวดเร็ว

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เผ่าอื่นๆไม่เต็มใจเช่นกัน แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านฟางหยวนและต้องยอมรับเท่านั้น

อย่างไรก็ตามความสามารถทางการเมืองของฟางหยวนไม่ด้อยกว่าวหยง

เขาตั้งกฏสําหรับตนเองในข้อตกลงพันธมิตรว่าเขาจะดูแลเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อย่างเต็มที่โดยไม่เลือกปฏิบัติ หลังจากสร้างข้อตกลง เขามอบผลประโยชน์มากมายให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมด

ในความเป็นจริงเขากระทั่งส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ส่วนหนึ่งไปยังเกาะบัวหินเพื่อฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าฟางหยวนได้รับการสนับสนุนจากเทพปีศาจบัวแดง

นี่ทําให้พวกเขาสูญเสียความคิดที่จะทรยศไปอย่างสมบูรณ์

ด้วยการใช้ไม้และแครอท ฟางหยวนสามารถทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ก้มศีรษะลงและยอมรับชะตากรรมของพวกเขา

ความจริงก็คือฟางหยวนต้องการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้

ประการแรก ยิ่งมีมนุษย์กลายพันธุ์มากเท่าใด วิญญาณอายุยืนก็จะยิ่งปรากฏขึ้นมากเท่านั้น ฟางหยวนกําลังเตรียมการสําหรับอนาคต

ประการที่สอง ฟางหยวนพยายามทําความเข้าใจเส้นทางมนุษย์ ยิ่งเขาเลี้ยงดูมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์มากเท่าใด เขาก็จะยิ่งเข้าใจเส้นทางมนุษย์มากเท่านั้น

ประการที่สาม มันเกี่ยวกับมรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์

ย้อนกลับไปในยุคบรรพกาลเมื่อเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ถูกปราบปรามโดยเผ่ามนุษย์ พวกเขาร่วมมือกันสร้างมรดกของตนเองและซ่อนไว้ให้กับคนรุ่นหลัง

ตามความเข้าใจของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ วิญญาณชะตากรรมกําหนดให้เผ่ามนุษย์ปกครองโลก แต่สิ่งนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป

เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์คิดไม่ผิด แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าเทพอมตะกลุ่มดาวจะหน้าด้านหลอมรวมตนเองเข้ากับเจตจํานงสวรรค์

สิ่งนี้ส่งผลให้เผ่ามนุษย์สามารถปกครองโลกมาอย่างยาวนาน เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตกตะลึงและถูกกดขี่มาจนถึงบัดนี้

แต่เรื่องนี้มีประโยชน์สําหรับฟางหยวนเช่นกัน

ตามข้อมูลจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เมื่อประชากรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บรรลุถึงจุดหนึ่ง มรดกของเผ่าพันธุ์จะปรากฏขึ้นด้วยตัวของมันเอง มันจะช่วยให้พวกเขาเติบโตและพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว

ในประวัติศาสตร์ เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่เคยลุกขึ้นมา ดังนั้นมรดกของเผ่าพันธุ์จึงไม่ปรากฏขึ้น

ตามการคาดเดาของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มรดกของเผ่ามนุษย์ขนคือมรดกไร้ที่ติ

แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติอยู่บนภูเขาขนดก แม้วังสวรรค์จะพบมัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถยึดครองมัน

วังสวรรค์ทําได้เพียงใช้วิธีบนเส้นทางมนุษย์เพื่อดึงความมั่งคั่งบางอย่างออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่มีผู้อมตะของวังสวรรค์คนใดสามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ที่ติด ไม่มีผู้ใดรู้ว่าด้านในเป็นอย่างไร

ในชีวิตก่อนหน้า แม้ฟางหยวนจะทําลายภูเขาขนดก แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติก็ยังอยู่

เหตุการณ์ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความพิเศษของแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ สิ่งนี้พิสูจน์ว่ามรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มีความพิเศษและลึกลับเพียงใด

นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนไม่ได้ไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติแม้เขาจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะก็ตาม

ตามความทรงจําในชีวิตก่อนหน้า เวลานี้วังสวรรค์ยังไม่ได้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบไว้บนภูเขาขนดก

อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะต้องการโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ เขาก็ยังไม่สามารถทําสิ่งใด

“ดูเหมือนวังสวรรค์จะพบวิธีทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ แต่ข้าไม่สามารถทําสิ่งใดในเวลานี้”

“แม้ข้าจะลงมือ แต่เทพธิดาจอเว่ยจะไม่ป้องกันงั้นหรือ? การลอบโจมตีเสี่ยงและไร้ประโยชน์”

หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนปัดความคิดที่จะโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติทิ้งไป

หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยา ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่

ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด ข้อมูลที่เขาได้รับก็มีประโยชน์มากแล้ว

มรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มันคงอยู่มานานกว่าสามแสนปี

กล่าวถึงฟางหยวน เขาบ่มเพาะมานานเท่าใด แม้จะรวมห้าร้อยปีในชีวิตแรก เขาก็ยังบ่มเพาะมาไม่ถึงหกร้อยปี

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ความลับทางประวัติศาสตร์มากมาย ก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยาถูกกลืนกิน เขาไม่ได้บอกข้อมูลทั้งหมดกับฟางหยวน แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเก็บมันไว้กับตนเอง

หลายวันต่อมา

ภาคใต้ เหนือทะเลสาบสัมผัสใจ

ไข่มุกแสงสีเขียวหยกส่องประกายขึ้นบนท้องฟ้า กลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแผ่กระจายออกไป

“กลิ่นอายนี้?” ผู้อมตะระดับหกของตระกูลจือที่ปกป้องทะเลสาบสัมผัสใจตระหนักถึงบางสิ่ง

ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสนอง ไข่มุกหยกก็ระเบิดแสงสีเขียวออกมาและเผยให้เห็นคนผู้หนึ่ง

เขาอยู่ในชุดคลุมเขียว เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา ผิวขาวราวหิมะ ดวงตามีดมิดดังขุมนรก เส้นผมสีดําเหมือนน้ําตกที่ทิ้งตัวลงมาจากถึงเอว

ผู้อมตะระดับหกของตระกูลจือจํารูปลักษณ์ของคนผู้นี้ได้ “ฟางฟางหยวน!?”

ตั้งแต่ฟางหยวนหลบหนีจากจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและขายกระดูกซี่โครงของนางในสวรรค์เหลือง ชื่อเสียงของเขาเหนือกว่าฟงจิวเก้อไปแล้ว เขาได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด

ภายหลังการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา วังสวรรค์พ่ายแพ้ แม้เทพธิดาอเว่ยจะปกปิด เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า แต่นางยังรับผิดชอบความล้มเหลวของตนด้วยการประกาศความพ่านแพ้ของวังสวรรค์ในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาออกไป

ฟงจิวเก้อถูกไล่ล่าโดยฟางหยวนและถูกขโมยวิญญาณอมตะ นางแสดงภาพเหตุการณ์ไว้ในสวรรค์สีเหลือง

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณท่องแดนอมตะ นอกจากนั้นเขายังกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและมีวิธีขโมยวิญญาณอมตะ

หลังจากเอาชนะฟงจิวเก้อ ชื่อเสียงของฟางหยวนพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง เขาเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุด

เมื่อผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อเห็นฟางหยวน แล้วเขาจะกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร?

“เร็วขึ้น เร็วอีก!” เขารีบกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะขนส่งเพื่อรักษาชีวิต

ฟางหยวนเดินทางมาที่นี่โดยใช้ท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก

หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับแปด วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดเพียงดวงเดียวยังไม่เพียงพอที่จะขนส่งเขา นั่นทําให้เขาต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะที่มีวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นแกนกลาง

ในชีวิตก่อนหน้า เขาคิดค้นท่าไม้ตายท่องแดนอมตะ แต่ชีวิตนี้เขาสร้างท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก

ท่าไม้ตายท่องแดนอมตะในชีวิตก่อนหน้าเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งห้วงมิติแต่ท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยกในชีวิตนี้เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งห้วงมิติและเส้นทางแห่งการหลอมรวม

สาเหตุหนึ่งคือท่าไม้ตายท่องแดนอมตะในชีวิตก่อนหน้าถูกสร้างขึ้นหลังจากฟางหยวนรีดไถทรัพยากรจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้และได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่เฉพาะเจาะจง แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้รับทรัพยากรเหล่านั้น

ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะส่วนใหญ่มาจากคลังสมบัติของนิกายหลางหยา มันไม่เหมาะสมที่จะสร้างท่าไม้ตายท่องแดนอมตะ

ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพื่อปรับเปลี่ยนท่าไม้ตายท่องแดนอมตะเป็นท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก

ฟางหยวนมองลงไปด้านล่างที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ

เขาชี้นิ้วและส่งฝูงมังกรดาบบรรพกาลออกไป

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน ตอนนี้เขาต้องใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อส่งฝูงมังกรดาบบรรพกาลออกมา

ฝูงมังกรดาบบรรพกาลทําลายการป้องกันของค่ายกลวิญญาณอมตะได้อย่างง่ายดาย

คล้ายกับชีวิตก่อนหน้า ผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อหลบหนีไปแล้ว

ฟางหยวนยิ้ม นี่อยู่ในความคาดหวังของเขา เขาจงใจเปิดเผยตัวตนเพื่อสิ่งนี้

ในชีวิตก่อนหน้า เขาเรียนรู้ความขี้ขลาดของผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อมาแล้ว คราวนี้เขาประสบความสําเร็จอย่างมากจากการทําซ้ําสิ่งเดียวกัน

ฟางหยวนต้องเปิดเผยตัวตนเพราะวิญญาณท่องแดนอมตะและท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้ไม่สามารถปิดบังความจริง มันไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามปกปิดตัวตนของเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท