บทที่ 1769 มรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์
จื่อชิวหยูแก่มากแล้วแต่เขายังต้องดูแลตระกูลจืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สําหรับยุคที่ยิ่งใหญ่ เขายังต้องทํางานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูผู้สืบทอดที่ขาดความสามารถของเขา
ในความเป็นจริงชีวิตของจื่อชิวหยูไม่ง่ายเลย นอกจากนั้นข่าวลือที่เกิดขึ้นยังทําลายชื่อเสียงของเขา
จื่อซิวหยูโกรธมาก เขากัดฟันขณะรอให้ฟางหยวนปรากฏตัวอีกครั้ง
ในฐานะคนร้ายตัวจริง ฟางหยวนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขามีช่วงเวลาที่ดีมาก
เขาใช้เวลาจัดการมิตช่องว่างจักรพรรดอย่างมีความสุข
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกกลืนกินและทําให้ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด
เขาปล่อยให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทํางานเพื่อเปลี่ยนข้อตกลงพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ ข้อตกลงใหม่เข้มงวดมาก นั่นทําให้ฟางหยวนมั่นใจว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ของเขา
มีกฏข้อหนึ่งกล่าวว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ตกตายจะต้องมอบมิติช่องว่างของพวกเขาให้กับมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ดังนั้นฟางหยวนจึงได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่เสียชีวิตด้วยน้ํามือของเฉินอี้ระหว่างการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกใจกับสิ่งนี้ แต่ด้วยความร่วมมือของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและผมที่หก พวกเขาจึงสามารถยอมรับได้อย่างรวดเร็ว
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เผ่าอื่นๆไม่เต็มใจเช่นกัน แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านฟางหยวนและต้องยอมรับเท่านั้น
อย่างไรก็ตามความสามารถทางการเมืองของฟางหยวนไม่ด้อยกว่าวหยง
เขาตั้งกฏสําหรับตนเองในข้อตกลงพันธมิตรว่าเขาจะดูแลเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อย่างเต็มที่โดยไม่เลือกปฏิบัติ หลังจากสร้างข้อตกลง เขามอบผลประโยชน์มากมายให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมด
ในความเป็นจริงเขากระทั่งส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ส่วนหนึ่งไปยังเกาะบัวหินเพื่อฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต
ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าฟางหยวนได้รับการสนับสนุนจากเทพปีศาจบัวแดง
นี่ทําให้พวกเขาสูญเสียความคิดที่จะทรยศไปอย่างสมบูรณ์
ด้วยการใช้ไม้และแครอท ฟางหยวนสามารถทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ก้มศีรษะลงและยอมรับชะตากรรมของพวกเขา
ความจริงก็คือฟางหยวนต้องการเลี้ยงดูมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้
ประการแรก ยิ่งมีมนุษย์กลายพันธุ์มากเท่าใด วิญญาณอายุยืนก็จะยิ่งปรากฏขึ้นมากเท่านั้น ฟางหยวนกําลังเตรียมการสําหรับอนาคต
ประการที่สอง ฟางหยวนพยายามทําความเข้าใจเส้นทางมนุษย์ ยิ่งเขาเลี้ยงดูมนุษย์หรือมนุษย์กลายพันธุ์มากเท่าใด เขาก็จะยิ่งเข้าใจเส้นทางมนุษย์มากเท่านั้น
ประการที่สาม มันเกี่ยวกับมรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์
ย้อนกลับไปในยุคบรรพกาลเมื่อเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ถูกปราบปรามโดยเผ่ามนุษย์ พวกเขาร่วมมือกันสร้างมรดกของตนเองและซ่อนไว้ให้กับคนรุ่นหลัง
ตามความเข้าใจของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ วิญญาณชะตากรรมกําหนดให้เผ่ามนุษย์ปกครองโลก แต่สิ่งนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป
เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์คิดไม่ผิด แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าเทพอมตะกลุ่มดาวจะหน้าด้านหลอมรวมตนเองเข้ากับเจตจํานงสวรรค์
สิ่งนี้ส่งผลให้เผ่ามนุษย์สามารถปกครองโลกมาอย่างยาวนาน เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตกตะลึงและถูกกดขี่มาจนถึงบัดนี้
แต่เรื่องนี้มีประโยชน์สําหรับฟางหยวนเช่นกัน
ตามข้อมูลจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เมื่อประชากรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์และผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บรรลุถึงจุดหนึ่ง มรดกของเผ่าพันธุ์จะปรากฏขึ้นด้วยตัวของมันเอง มันจะช่วยให้พวกเขาเติบโตและพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว
ในประวัติศาสตร์ เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่เคยลุกขึ้นมา ดังนั้นมรดกของเผ่าพันธุ์จึงไม่ปรากฏขึ้น
ตามการคาดเดาของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มรดกของเผ่ามนุษย์ขนคือมรดกไร้ที่ติ
แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติอยู่บนภูเขาขนดก แม้วังสวรรค์จะพบมัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถยึดครองมัน
วังสวรรค์ทําได้เพียงใช้วิธีบนเส้นทางมนุษย์เพื่อดึงความมั่งคั่งบางอย่างออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่มีผู้อมตะของวังสวรรค์คนใดสามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ที่ติด ไม่มีผู้ใดรู้ว่าด้านในเป็นอย่างไร
ในชีวิตก่อนหน้า แม้ฟางหยวนจะทําลายภูเขาขนดก แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติก็ยังอยู่
เหตุการณ์ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความพิเศษของแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ สิ่งนี้พิสูจน์ว่ามรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มีความพิเศษและลึกลับเพียงใด
นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนไม่ได้ไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติแม้เขาจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะก็ตาม
ตามความทรงจําในชีวิตก่อนหน้า เวลานี้วังสวรรค์ยังไม่ได้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบไว้บนภูเขาขนดก
อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะต้องการโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ เขาก็ยังไม่สามารถทําสิ่งใด
“ดูเหมือนวังสวรรค์จะพบวิธีทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ แต่ข้าไม่สามารถทําสิ่งใดในเวลานี้”
“แม้ข้าจะลงมือ แต่เทพธิดาจอเว่ยจะไม่ป้องกันงั้นหรือ? การลอบโจมตีเสี่ยงและไร้ประโยชน์”
หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวนปัดความคิดที่จะโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติทิ้งไป
หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยา ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่
ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด ข้อมูลที่เขาได้รับก็มีประโยชน์มากแล้ว
มรดกของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มันคงอยู่มานานกว่าสามแสนปี
กล่าวถึงฟางหยวน เขาบ่มเพาะมานานเท่าใด แม้จะรวมห้าร้อยปีในชีวิตแรก เขาก็ยังบ่มเพาะมาไม่ถึงหกร้อยปี
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ความลับทางประวัติศาสตร์มากมาย ก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหยาถูกกลืนกิน เขาไม่ได้บอกข้อมูลทั้งหมดกับฟางหยวน แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเก็บมันไว้กับตนเอง
หลายวันต่อมา
ภาคใต้ เหนือทะเลสาบสัมผัสใจ
ไข่มุกแสงสีเขียวหยกส่องประกายขึ้นบนท้องฟ้า กลิ่นอายของท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแผ่กระจายออกไป
“กลิ่นอายนี้?” ผู้อมตะระดับหกของตระกูลจือที่ปกป้องทะเลสาบสัมผัสใจตระหนักถึงบางสิ่ง
ก่อนที่เขาจะสามารถตอบสนอง ไข่มุกหยกก็ระเบิดแสงสีเขียวออกมาและเผยให้เห็นคนผู้หนึ่ง
เขาอยู่ในชุดคลุมเขียว เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา ผิวขาวราวหิมะ ดวงตามีดมิดดังขุมนรก เส้นผมสีดําเหมือนน้ําตกที่ทิ้งตัวลงมาจากถึงเอว
ผู้อมตะระดับหกของตระกูลจือจํารูปลักษณ์ของคนผู้นี้ได้ “ฟางฟางหยวน!?”
ตั้งแต่ฟางหยวนหลบหนีจากจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและขายกระดูกซี่โครงของนางในสวรรค์เหลือง ชื่อเสียงของเขาเหนือกว่าฟงจิวเก้อไปแล้ว เขาได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด
ภายหลังการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา วังสวรรค์พ่ายแพ้ แม้เทพธิดาอเว่ยจะปกปิด เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า แต่นางยังรับผิดชอบความล้มเหลวของตนด้วยการประกาศความพ่านแพ้ของวังสวรรค์ในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาออกไป
ฟงจิวเก้อถูกไล่ล่าโดยฟางหยวนและถูกขโมยวิญญาณอมตะ นางแสดงภาพเหตุการณ์ไว้ในสวรรค์สีเหลือง
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรู้ว่าฟางหยวนมีวิญญาณท่องแดนอมตะ นอกจากนั้นเขายังกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและมีวิธีขโมยวิญญาณอมตะ
หลังจากเอาชนะฟงจิวเก้อ ชื่อเสียงของฟางหยวนพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง เขาเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุด
เมื่อผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อเห็นฟางหยวน แล้วเขาจะกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร?
“เร็วขึ้น เร็วอีก!” เขารีบกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะขนส่งเพื่อรักษาชีวิต
ฟางหยวนเดินทางมาที่นี่โดยใช้ท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก
หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับแปด วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดเพียงดวงเดียวยังไม่เพียงพอที่จะขนส่งเขา นั่นทําให้เขาต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะที่มีวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นแกนกลาง
ในชีวิตก่อนหน้า เขาคิดค้นท่าไม้ตายท่องแดนอมตะ แต่ชีวิตนี้เขาสร้างท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก
ท่าไม้ตายท่องแดนอมตะในชีวิตก่อนหน้าเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งห้วงมิติแต่ท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยกในชีวิตนี้เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งห้วงมิติและเส้นทางแห่งการหลอมรวม
สาเหตุหนึ่งคือท่าไม้ตายท่องแดนอมตะในชีวิตก่อนหน้าถูกสร้างขึ้นหลังจากฟางหยวนรีดไถทรัพยากรจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้และได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่เฉพาะเจาะจง แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้รับทรัพยากรเหล่านั้น
ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะส่วนใหญ่มาจากคลังสมบัติของนิกายหลางหยา มันไม่เหมาะสมที่จะสร้างท่าไม้ตายท่องแดนอมตะ
ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพื่อปรับเปลี่ยนท่าไม้ตายท่องแดนอมตะเป็นท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก
ฟางหยวนมองลงไปด้านล่างที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ
เขาชี้นิ้วและส่งฝูงมังกรดาบบรรพกาลออกไป
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!
ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน ตอนนี้เขาต้องใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อส่งฝูงมังกรดาบบรรพกาลออกมา
ฝูงมังกรดาบบรรพกาลทําลายการป้องกันของค่ายกลวิญญาณอมตะได้อย่างง่ายดาย
คล้ายกับชีวิตก่อนหน้า ผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อหลบหนีไปแล้ว
ฟางหยวนยิ้ม นี่อยู่ในความคาดหวังของเขา เขาจงใจเปิดเผยตัวตนเพื่อสิ่งนี้
ในชีวิตก่อนหน้า เขาเรียนรู้ความขี้ขลาดของผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อมาแล้ว คราวนี้เขาประสบความสําเร็จอย่างมากจากการทําซ้ําสิ่งเดียวกัน
ฟางหยวนต้องเปิดเผยตัวตนเพราะวิญญาณท่องแดนอมตะและท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้ไม่สามารถปิดบังความจริง มันไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามปกปิดตัวตนของเขา