เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1772 ทําด้วยตัวเอง

บทที่ 1772 ทําด้วยตัวเอง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1772 ทําด้วยตัวเอง

จื่อชิวหยูเดินทางไปยังภูเขาวายุเพลิงด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อเขามาถึง ค่ายกลวิญญาณอมตะก็ถูกทําลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ตอนนี้ฟางหยวนกําลังขโมยวิหคเพลิงจํานวนมาก

นี้ยังไม่ได้จากไป เขาพยายามโจมตีฟางหยวนด้วยค่ายกล

วิญญาณอมตะที่เหลือ

ฟางหยวนสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดายและปล้นสะดมอย่างต่อเนื่อง

“หยุด!” จื่อชิวหยูตะโกนด้วยความตกใจ

“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งมาแล้ว!” ผู้อมตะระดับเจ็ดที่ปกป้องภูเขาวายุเพลิงถึงกับหลั่งน้ํา

เดิมที่เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่หลังจากไม่นานฟางหยวนกลับทําลายมันได้อย่างง่ายดาย เขาทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวัง เขาไม่กล้ากระทําการใดๆ ก่อนที่จื่อชิวหยูจะมา เขาทําได้เพียงป้องกันตนเองและโจมตีเป็นครั้งคราวเท่านั้น

เมื่อจื่อชิวหยูมาถึง ฟางหยวนก็หยุดการกระทําของเขา

“ฟางหยวน เจ้าทําได้ดีมาก!” ดวงตาของจื่อชิวหยูแทบสามารถพ่นไฟออกมา

ภูเขาวายุเพลิงเป็นแหล่งทรัพยากรที่ค่อนข้างพิเศษ

มันเป็นที่อยู่อาศัยของวิหคเพลิง ในแต่ละปีวิหคเพลิงปาจะวางไข่ที่นี่ หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับภูเขาวายุเพลิง ฝูงวิหคเพลิงอาจเลือกวางไข่ที่อื่น ตระกูลจื่อจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่

เปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า ครั้งนี้จื่อชิวหยูโกรธมากกว่าเพราะการปล้นสะดมของฟางหยวนมีประสิทธิภาพขึ้น ความสูญเสียของตระกูลจื่อทําให้จื่อชิวหยูรู้สึกเจ็บปวด

“ผู้อาวุโสจื่อชิวหยู ข้ากําลังรอท่านอยู่ นี่คือท่าไม้ตายของข้า” ฟางหยวนกล่าวและกระตุ้นใช้เขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต

จื่อชิวหยูลังเลแต่ไม่หลบ เขาเข้าสู่เขตแดนอมตะและกล่าว “ให้ข้าดูความสามารถของเจ้า!”

สนามรบราชันภูตก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและแยกพวกเขาออกจากโลกภายนอก

“เป็นเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยม” จื่อชิวหยูยกย่อง

เขายืนอยู่ด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้เขาจะถูกขังอยู่ภายในเขตแดนอมตะ แต่เขากลับไม่กังวล

อย่างไรก็ตามเขายังระวังตัวมาก หลังจากทั้งหมดไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเขตแดนอมตะของฟางหยวนหลุดออกมาก่อนหน้านี้

สิ่งนี้แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า เขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตของฟางหยวนไม่ถูกเปิดเผย

ครั้งก่อนเขาใช้สนามรบราชันภูตกักขังฟงจิวเก้อ นอกจากมันจะถูกเปิดเผย เทพธิดาจื่อเว่ยยังสามารถทําลายมัน

หลังจากการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเผยรายละเอียดของสนามรบราชันภูตและวิธีทําลายมันในสวรรค์สีเหลือง

ในชีวิตนี้ แม้ฟางหยวนจะใช้เขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตหลายครั้ง แต่มันยังถูกเก็บไว้เป็นความลับ

ฟางหยวนประเมินจือชิวหยูและเผยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสจื่อชิวหยู ท่านติดอยู่ในเขตแดนอมตะของข้า เหตุใดท่านไม่พยายามตอบโต้ ดูเหมือนท่านจะต้องการพูดคุย?”

จื่อชิวหยูก่นเสียงเย็น “หยุดเสแสร้ง!”

“ฟางหยวน เจ้าปล้นสะดมไปรอบๆเพื่อดึงดูดความสนใจของข้า”

“เจ้าสามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะได้อย่างง่ายดาย เหตุใดเจ้าไม่คร่าชีวิตผู้อมตะของตระกูลจื่อ? เจ้าทําเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่เจ้าไม่ได้ฆ่าแม้แต่คนเดียว”

“ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบสัมผัสใจ เทือกเขาไผ่เมฆา หรือภูเขาวายุเพลิง แม้เจ้าจะปล้นสะดมทรัพยากรแต่เจ้ายังทิ้งรากฐานของพวกมันเอาไว้”

“วิหารห้วงมิติและข้าถูกแยกออกจากกัน นั่นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเจ้า เจ้าเห็นพวกเราอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเจ้าจึงโจมตีถ้ํายุ่งเหยิงและภูเขาวายุเพลิงพร้อมกันเพื่อแยกพวกเรา”

“เจ้าต้องการพูดคุยกับข้าแต่เจ้าไม่มีโอกาสนั้น”

“บอกมาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด?”

จื่อชิวหยูกล่าวอย่างสงบ เขาสามารถคาดเดาเจตนาของฟางหยวน ความโกรธและความเกลียดชังทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงละคร

การวิเคราะห์ของจื่อชิวหยูถูกต้อง

ในชีวิตก่อนหน้า จ่อชิวหยปกป้องรอยแยกปล้นเงาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพียงเมื่อฟางหยวนโจมตีภูเขาวายุเพลิง เขาจึงปรากฏตัวขึ้น

คราวนี้ฟางหยวนทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของรอยแยกปล้นเงาล่วงหน้า แต่จื่อชิวหยูมาพร้อมกับวิหารห้วงมิติ มันค่อนข้างลําบาก

วิหารห้วงมิติเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ มันสามารถต่อต้านเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต มันกระทั่งสามารถตอบโต้มือปีศาจปล้นวิญญาณ

หากฟางหยวนต้องการพูดคุยกับจือชิวหยูเป็นการส่วนตัว เขาต้องวางแผนบางอย่าง

แต่จื่อชิวหยูคิดผิดเรื่องหนึ่ง

ฟางหยวนไม่ได้ทิ้งรากฐานของแหล่งทรัพยากรเอาไว้โดยเจตนา แต่มันเป็นเพราะเขาไม่มีวิธีปล้นสะดม

จื่อชิวหยูเข้าใจผิดแต่ฟางหยวนจะไม่แก้ไข

ฟางหยวนป้องหมัดขึ้น “มันเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดคุยกับคนฉลาด ผู้อาวุโสจื่อชิวหยูโปรดดูสิ่งนี้”

ฟางหยวนส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจือชิวหยู

แม้ฟางหยวนจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม จื่อชิวหยูต้องระวังตัวและไม่สามารถผ่อนคลาย

แต่ในไม่ช้าการแสดงออกของจื่อชิวหยูกลับเปลี่ยนแปลงไป

เขาเริ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดครื้ม

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณของตระกูลจื่อและวิธีทําลายพวกมัน หนึ่งในนั้นคือค่ายกลวิญญาณอมตะบนภูเขาวายุเพลิง

จากจุดนี้จื่อชิวหยูสามารถมองเห็นความจริงใจของฟางหยวนและสามารถยืนยันการคาดเดาของตน

สิ่งที่ทําให้จื่อชิวหยูตกใจที่สุดคือความจริงที่เขาไม่มีผู้สืบทอด

ฟางหยวนรู้เรื่องนี้ ข้อมูลที่เขามีทั้งละเอียดและชัดเจนมาก มีความเป็นไปได้สูงมากที่ผู้อมตะภาคใต้บางคนจะลอบให้ความช่วยเหลือฟางหยวนอย่างลับๆ

แต่มันคือผู้ใด?

ตระกูลจื่อไม่มีความแค้นกับปีศาจอมตะหรือผู้บ่มเพาะสันโดษมากนักโดยไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงสมาชิกตระกูลจือ

“นอกจากกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะเป็นผู้ใดได้อีก”

จื่อชิวหยูเต็มไปด้วยความโกรธและตกใจ ตระกูลหยางเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง

หากกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ให้ความช่วยเหลือฟางหยวนอย่างลับๆ สถานการณ์จะกลายเป็นซับซ้อนมากขึ้น

“มีความเป็นไปได้ที่สมาชิกตระกูลจือของข้าจะมีคนทรยศเช่นกัน”

“คนทรยศเหล่านี้ล้วนเป็นปรสิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝ่ายธรรมะภาคใต้!”

ความโกรธของจื่อชิวหยูราวกับภูเขาไฟที่กําลังปะทุ

หากฟางหยวนไม่อยู่ที่นี่ ร่างกายของเขาจะต้องสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ภายใน

ข้อมูลเหล่านี้ต้องพึ่งพากําลังคน เวลา และทรัพยากรจํานวนมากเพื่อรวบรวม

ความจริงก็คือมันเป็นข้อมูลที่เขารีดไถ่มาจากกองกําลังพันธมิตรของภาคใต้ในชีวิตก่อนหน้า

ดังคาด เมื่อเขาเปิดไพ่ใบนี้ ผลลัพธ์ปรากฏทันที การแสดงออกของจื่อชิวหยูกลายเป็นมืดครึ้ม เขาไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป

“ข้าแน่ใจว่าตอนนี้จื่อชิวหยูต้องโกรธและเกลียดชังกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้มากว่าข้า”

“นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ เกือบทุกองค์กรมักเกลียดชังคนทรยศมากที่สุด”

“แต่ความจริงก็คือนี่เป็นเพียงผลประโยชน์ในชีวิตก่อนหน้าของข้า ข้าสามารถจับผู้อมตะภาคใต้เนื่องจากอาณาจักรแห่งความฝันที่จ่อชิวหยูมอบให้ แท้จริงแล้วคนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือ ตัวจื่อชิวหยูเอง”

การแสดงออกของจื่อชิวหยูกลายเป็นน่าเกลียด

เขาทําด้วยตัวเองแต่เขาไม่รู้ตัว

ฟางหยวนกล่าว “ผู้อาวุโสจื่อชิวหยู ท่านมีชื่อเสียงและปกครองตระกูลจื่อมาเป็นเวลา นาน ท่านต้องตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูลนี้ กองกําลังที่มอบข้อมูลนี้แก่ข้าไม่เพียงประเมินข้าต่ําเกินไปแต่พวกเขายังประเมินท่านต่ําเกินไปเช่นกัน”

จื่อชิวหยูคิด “ดูเหมือนฟางหยวนจะไม่ชอบที่ถูกใช้ประโยชน์”

ตอนนี้เขาไม่ได้เกลียดฟางหยวนมากเช่นก่อนหน้าอีกต่อไป

ฟางหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ท่านเห็นความจริงใจของข้าแล้วหรือยัง?”

จื่อชิวหยูคิดถึงความสูญเสียของตระกูลจื่อและรู้สึกเจ็บปวด เขามองฟางหยวนและเย้ยหยัน “ฮ่าฮ่า เจ้าหมายความว่าข้าควรขอบคุณที่เจ้ายั้งมืองั้นหรือ?”

ฟางหยวนยิ้ม

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท