เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1771 วิญญาณไผ่เขียว
เทือกเขาไผ่เมฆา
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศ ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสถูกยิงออกไป
จิ้งจอกเมฆาดิ้นรนต่อสู้แต่ไม่นานพวกมันก็หยุดเคลื่อนไหวและก้มศีรษะลง
ฟางหยวนยิ้มและเปิดทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิให้จิ้งจอกเมฆาบินเข้าไป
นอกจากจิ้งจอกเมฆา สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็ไม่สามารถหลบหนีจากกรงเล็บปีศาจของฟางหยวน
เทือกเขาไผ่เมฆาเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสามารถเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรหรือพืชอสูรจํานวนมาก
ฟางหยวนปล้นสะดมทรัพยากรอย่างรวดเร็ว
“ข้ายังเหลือเวลาอีกมาก!” ฟางหยวนคํานวณเวลา
ในชีวิตก่อนหน้า เขาใช้เวลามากมายกับการรวบรวมทรัพยากรเหล่านี้ แต่ตอนนี้เขามีประสบการณ์แล้ว เขาสามารถปล้นสะดมได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถประหยัดเวลาได้มาก
ฟางหยวนค้นพบจิ้งจอกเมฆาเดียวดายตัวหนึ่งและกําลังจะกําหราบมันแต่ในจังหวะนี้เสียงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับดังขึ้น “นายท่าน ข้ารู้ชื่อของวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ดวงนี้แล้ว มันเป็นวิญญาณอมตะระดับหกที่มีชื่อว่าวิญญาณไผ่เขียว”
วิญญาณอมตะไผ่เขียวเป็นสมบัติล้ําค่าที่สุดของเทือกเขาไผ่เมฆา
ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนถูกกีดกันโดยค่ายกลวิญญาณอมตะและไม่สามารถปล้นชิงวิญญาณอมตะได้ทันเวลาก่อนที่ผู้อมตะของตระกูลจือจะทําลายมันและหลบหนีไป
แต่ครั้งนี้ฟางหยวนสามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะได้อย่างรวดเร็ว ผู้อมตะตระกูลจื่อไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงที
นี่ทําให้เขาได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้มาในที่สุด
“ไม่เลว วิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์กับข้า” ฟางหยวนแสดงออกอย่างสนุกสนาน
ฟางหยวนสังหารเฉินอี้ เขาจับและค้นวิญญาณของคนผู้นี้
เฉินอี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม ระหว่างการต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขายังได้รับมรดกที่แท้จริงเพิ่มเติมจากเทพอมตะบัวสวรรค์ นั่นก็คือท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรม
ดังนั้นมรดกที่แท้จริงทั้งสองของเทพอมตะบัวสวรรค์จึงตกอยู่ในมือของฟางหยวนในที่สุด
แต่รากฐานของท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรมคือท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม
วิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะทั้งสองคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฏวิญญาณเหตุ และวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ วิญญาณผล นอกจากนี้มันยังใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งไม้อื่นๆเป็นส่วนสนับสนุน
เฉินอี้เสียชีวิต มิติช่องว่างเทียมของเขาสลายไป เขาทําลายวิญญาณทั้งหมดของตนไปแล้ว ฟางหยวนต้องรวบรวมวิญญาณเหล่านั้นหากเขาต้องการใช้วิธีการของเทพอมตะบัวสวรรค์
วิญญาณระดับมนุษย์หาง่ายแต่วิญญาณอมตะแตกต่างออกไป
วิญญาณอมตะไผ่เขียวเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ มันเหมาะสมสําหรับวิธีการของเทพอมตะบัวสวรรค์
เมื่อจื่อชิวหยูมาถึงเทือกเขาไผ่เมฆา ฟางหยวนก็จากไปแล้ว
ผู้อมตะของตระกูลจือมองเทือกเขาไผ่เมฆาด้วยความงุนงง
หลายคนเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “นี่คือเทือกเขาไผ่เมฆางั้นหรือ? เกิดสิ่งใดขี้นกับมัน!”
บางคนแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ “ข้าเคยมาที่นี่เพื่อพัฒนาเทือกเขาไผ่เมฆา ข้าใช้ความพยายามอย่างมาก แต่หัวขโมยฟางหยวนกลับปล้นสะดมมันไปทั้งหมด! ฟางหยวน ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้า!”
บางคนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เราปลูกไผ่เมฆาจํานวนมากที่นี้ มีเพียงวิธีบนเส้นทางแห่งไม้เท่านั้นที่สามารถดึงพวกมันออกไปได้อย่างรวดเร็ว ฟางหยวนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี!”
ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนขาดวิธีบนเส้นทางแห่งไม้ ไผ่เมฆาจํานวนมากถูกทิ้งไว้บนเทือกเขา แต่ครั้งนี้เขาเตรียมตัวมาแล้ว
ฟางหยวนคิดค้นท่าไม้ตายอมตะมาเป็นพิเศษเพื่อเก็บเกี่ยวไผ่เมฆาเหล่านี้โดยเฉพาะ
ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไม้ของเขาไม่สูง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขายังสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะระดับหก
เขากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้หลายดวง พวกมันล้วนมีประโยชน์สําหรับเรื่องนี้
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาคงอยู่มานานหลายแสนปี จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารวบรวมและหลอมรวมวิญญาณอมตะจํานวนมากและหลากหลายเส้นทางเอาไว้
ครั้งหนึ่งฟางหยวนยังเคยยืมวิญญาณอมตะหน่อไม้เพื่อใช้ปรับแต่งราเรืองแสง
การแสดงออกของจื่อชิวหยูกลายเป็นมืดครึ้ม เขากําหมัดแน่นอยู่ใต้แขนเสื้อ
“ฟางหยวน…” เขากัดฟันแน่น แผนการของเขาพังทลาย
ฟางหยวนเล็งเป้ามาที่ตระกูลจื่อ!
แต่จื่อชิวหยุไม่เข้าใจว่าเหตุใดฟางหยวนจึงทําเช่นนี้
ผู้อมตะภาคใต้เคยไล่ล่าฟางหยวน วูหยงเป็นศัตรูคนสําคัญของฟางหยวน แต่เหตุใดฟางหยวนจึงเลือกโจมตีตระกูลจือ? หากเขาไม่ต้องการยั่วยุกองกําลังที่แข็งแกร่งเช่นตระกูล เหตุใดเขาไม่รังแกกองกําลังที่อ่อนแอกว่าเช่นตระกูลเฉียว?
ตระกูลจื่อไม่อ่อนแอ พวกเขาเป็นกองกําลังระดับแนวหน้าของภาคใต้
ไม่เพียงจื่อชิวหยูแต่ผู้อมตะของตระกูลจือทั้งหมดต่างรู้สึกงุนงงและไม่พอใจ
“ฟางหยวนเล็งเป้ามาที่พวกเราอย่างชัดเจน เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ คําถามคือเขากําลังตามหาสิ่งใด?”
“เราต้องรู้เป้าหมายของเขา นี่เป็นอุปสรรคแรกสําหรับพวกเราในการจัดการฟางหยวน” จื่อชิวหยูคิดและกล่าว
เขายอมแพ้ต่อความคิดก่อนหน้านี้และตัดสินใจจัดการฟางหยวน
หากพวกเขาไม่เคลื่อนไหว จื่อชิวหยูจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับตระกูลของเขา
ฝ่ายปีศาจมักเคลื่อนไหวเพียงลําพัง แต่ฝ่ายธรรมะต้องให้ความสําคัญกับกองกําลังของพวกเขา กระทั่งผู้อมตะระดับแปดเช่นจือชิวหยูยังต้องให้ความสําคัญกับบุตรหลานในสายเลือด
เทือกเขาไผ่เมฆาเป็นเพียงแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ของตระกูลจื่อ แต่มันมีประวัติศาสตร์ และเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงของพวกเขา
ฟางหยวนปล้นสะดมเทือกเขาไผ่เมฆา เขากําลังเหยียบย่ําความภาคภูมิใจและ ประวัติศาสตร์ของตระกูลจื่อ
อย่างไรก็ตาม
“รายงาน! ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาวายุเพลิง ตอนนี้เขากําลังใช้กองทัพมังกรดาบบรรพกาลโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะ”
“รายงาน! ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ถ้ํายุ่งเหยิง เขาถูกขัดขวางโดยค่ายกลวิญญาณอมตะและหายตัวไปอย่างลึกลับ”
แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นสองแห่งพร้อมกัน
ผู้อมตะตระกูลจื่อตกตะลึง
“เหตุใดจึงมีฟางหยวนสองคน? หนึ่งเป็นตัวปลอม อีกหนึ่งเป็นตัวจริงงั้นหรือ?”
“อาจเป็นร่างแยกของฟางหยวน”
“ไม่ ฟางหยวนอาจปรากฏตัวที่ถ้ํายุ่งเหยิงก่อน จากนั้นเขาก็ใช้วิญญาณท่องแดนอมตะไปยังภูเขาวายุเพลิง” จ่อชิวหยวิเคราะห์
“นั่นหมายความว่าตอนนี้ฟางหยวนยังอยู่ที่ภูเขาวายุเพลิง? เราต้องไปที่นั่นทันที!”
“แต่เหตุใดเขาจึงไปที่ถ้ํายุ่งเหยิง? มันจําเป็นงั้นหรือ?”
“บางทีเขาอาจรู้สึกว่าการป้องกันของถ้ํายุ่งเหยิงแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นเขาจึงเลือกภูเขาวายุเพลิงที่ง่ายกว่า?”
“ไม่ ทั้งสองแห่งต่างเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดยักษ์ การป้องกันของมันแข็งแกร่งพอๆกัน” จื่อชิวหยูคิด
เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา “แยกย้ายไปช่วยพวกเขา”
“นั่นเป็นวิธีเดียว! หากแหล่งทรัพยากรขนาดยักษ์ถูกฟางหยวนปล้นสะดม ตระกูลจือของเราจะสูญเสียมากเกินไป”
“แต่นี่อาจเป็นแผนการของฟางหยวน เขาต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา”
“ฟางหยวนแข็งแกร่งขึ้นมาก กระทั่งฟงจิวเก้อยังพ่ายแพ้”
ผู้อมตะตระกูลจื่อลังเล
“เราควรขอกําลังเสริมหรือไม่?” บางคนถาม
ทุกคนที่อยู่ภายในวิหารห้วงมิติเงียบ
นี่คือสิ่งที่ผู้อมตะตระกูลจื่อส่วนใหญ่คิดแต่ไม่กล้ากล่าวออกมา
ท่ามกลางความเงียบ ทุกคนมองไปที่จื่อชิวหยู
จื่อชิวหยูตะโกน “เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด! เราเสียแหล่งทรัพยากรไปเพียงสองแห่ง แต่พวกเจ้าก็โวยวายกันแล้ว พวกเจ้าต้องการขอกําลังเสริมจากภายนอกงั้นหรือ? เราไม่สามารถละทิ้งชื่อเสียง! ตอนนี้มีผู้ใดตายหรือยัง? เราเหลือเพียงคนแก่และเด็กทารกงั้นหรือ? เราจะขอกําลังเสริมโดยไม่ต่อสู้กับฟางหยวนแม้แต่ครั้งเดียวได้อย่างไร? ความกล้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน? ความภาคภูมิใจและความรุ่งโรจน์ของพวกเจ้าในฐานะสมาชิกตระกูลจําอยู่ที่ใด?”
กลุ่มผู้อมตะตระกูลจื่อก้มศีรษะลงเมื่อถูกดุด่าอย่างรุนแรง
หลังจากดุด่า จื่อชิวหยูออกคําสั่ง “ทําตามที่ข้าพูด! ข้าจะไปภูเขาวายุเพลิง พวกเจ้านําวิหารห้วงมิติไปช่วยถ้ํายุ่งเหยิง ดําเนินการอย่างรวดเร็วและอย่าตื่นตระหนก การป้อ งกันของแหล่งทรัพยากรขนาดยักษ์ไม่อ่อนแอ ติดต่อกันตลอดเวลา!”
“รับทราบ!”
ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคําสั่งของจือชิวหยู
ในตําแหน่งปัจจุบัน ภูเขาวายุเพลิงอยู่ใกล้กับเทือกเขาไผ่เมฆามากกว่ายุ่งเหยิง ดังนั้นวิหารห้วงมิติจึงถูกส่งไปยังถ้ํายุ่งเหยิงขณะที่จื่อชิวหยูที่ช้ากว่าจะไปสนับสนุนภูเขาวายุแพลิง