เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1773 ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางมนุษย์

บทที่ 1773 ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางมนุษย์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1773 ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางมนุษย์

ภายในเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต ผู้อมตะสองคนยืนเผชิญหน้ากัน

ฟางหยวนถอนหายใจ “เรามีเวลาจํากัด ข้าจะกล่าวตามตรง ข้าต้องการทําธุรกรรมกับตระกูลจือท่านสนใจงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันของข้าหรือไม่?”

จ่อชิวหยุตกตะลึงก่อนที่สายตาเย็นชาของเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เส้นทางแห่งความฝัน? ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่?” ดวงตาของชื่อชิวหยูเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น

ฟางหยวนมีวิธีเปลี่ยนอาณาจักรแห่งความฝันให้กลายเป็นมนุษย์ เขาเคยใช้มันในการต่อสู้กองกําลังใหญ่ทั้งหมดต่างรู้สึกอิจฉาวิธีการของเขา

ฟางหยวนมีวิญญาณกาลเวลา เขาเดินทางมาจากอนาคต ไม่แปลกที่เขาจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งความฝัน

อาจกล่าวได้ว่างานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกยุคนี้

“หากข้าบอกท่านว่าข้าได้รับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลมาจากอาณาจักรแห่ง ความฝันท่านจะคิดอย่างไร?” ฟางหยวนยิ้มและกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ แต่มันเห มือนหินก้อนใหญ่ที่ถูกโยนเข้าสู่หัวใจของจื่อชิวหยูและทําให้มันเกิดการสั่นไหว

“โอ้ จริงหรือ?” จ่อชิวหยูถูกล่อลวง เขาไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป

ฟางหยวนหัวเราะ เขาสร้างบทสนทนานี้ขึ้นมาเพื่อลดความก้าวร้าวของอชิวหยู เมื่อถึงจุดนี้เขาก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งนี้แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า

ฟางหยวนโยนวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกไปอีกครั้ง “ผู้อาวุโสลองดูนี้”

จ่อชิวหยูรับมันไว้อย่างระมัดระวังราวกับกลัวมันจะบินหนีไป

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันเอาไว้ มันน่าสนใจมาก

จือชิวหยูเลียริมฝีปากและรู้สึกคอแห้ง

เขาประทับใจมาก

จ่อซิวหยูต้องบังคับให้ตนเองสงบลง “เจ้าต้องการทําธุรกรรมใด?”

“ข้าต้องการอาณาจักรแห่งความฝัน มอบอาณาจักรแห่งความฝันให้ข้า แล้วข้าจะมอบงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันให้ท่าน”

จ่อชิวหยูปฏิเสธ “นี่เป็นเรื่องยาก อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้เกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้การคุ้มกันของกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้”

ฟางหยวนยิ้ม “ผู้อาวุโสจือ ข้าต้องการอาณาจักรแห่งความฝันบนภูเขาอี้เทียน ท่านคือผู้รับผิดชอบค่ายกลวิญญาณอมตะ ข้ารู้ว่ามีประตูลับซ่อนอยู่มากมาย มันง่ายสําหรับท่านที่จะขโมยอาณาจักรแห่งความฝันออกมาโดยไม่มีปัญหาใดๆ”

การแสดงออกของจื่อชิวหยูเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน!

ประตูลับบนภูเขาอี้เทียนเป็นความลับและความภาคภูมิใจของชื่อซิวหยู เขาสร้างพวกมันขึ้นมาภายใต้สายตาของกองกําลังใหญ่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ทั้งหมด เขากลั่นแกล้งคนเหล่านั้นที่ขาด ความรู้ความเข้าใจบนเส้นทางแห่งค่ายกล

“ข้าคิดว่าข้าสามารถหลอกทุกคน แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะไม่สามารถหลุดรอดจากสายตาของฟางหยวน

ยืม อาจไม่ใช่เพียงฟางหยวน เห้อ…ข้าประเมินอัจฉริยะของโลกนี้ต่ําเกินไป

จ่อชิวหยูคิด

ในความเป็นจริงฟางหยวนได้รับข้อมูลนี้มาจากจ่อชิวหยูในชีวิตก่อนหน้า

ฟางหยวนคิดถึงคํากล่าวที่ว่าศัตรูตัวฉกาจที่สุดของคนผู้หนึ่งมักเป็นตัวคนผู้นั้นเอง

ฟางหยวนยังกดดันจือชิวหยูต่อไป

การเจรจาคือการต่อสู้ แม้มันจะไม่ตรงไปตรงมาเหมือนการต่อสู้ แต่มันยังเป็นการต่อสู้ในแง่ของไหวพริบและยุทธวิธี

เปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า ตอนนี้ฟางหยวนมีข้อได้เปรียบมากเกินไป เขาแข็งแกร่งขึ้นเพราะข้อมูลที่เขามี เขารู้จักคู่ต่อสู้เป็นอย่างดี นั่นทําให้เขาสามารถวากลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพกระทั่งคนเช่นจือชิวหยูก็ยังตกเป็นเหยื่อ

การเจรจาจบลงอย่างรวดเร็ว ฟางหยวนเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างท่วมท้น

จ่อซิวหยูตกลงทําธุรกรรมแต่สถานะของเขาค่อนข้างน่าขายหน้า

แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น

ประการแรก

มารถทําสิ่งใด มันเสียงเกินไปหากเขาพยายามจัดการฟางหยวน 56N5

ประการที่สอง หากเขาร่วมมือกับฟางหยวน ฝ่ายหลังจะหยุดปล้นสะดมแหล่งทรัพยากรของตระกูลจือเขาจะได้รับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน สิ่งนี้ดึงดูดใจมากเกินไป

ประการสุดท้าย จ่อชิวหยูยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าคนทรยศ เขาต้องการหาคนทรยศเหล่านี้เขาอาจสามารถค้นหาพวกเขาผ่านฟางหยวน

มิติช่องว่างจักรพรรดิ์ ภาคใต้น้อย

ภูเขาที่ว่างเปล่า มันเป็นภูเขาหินที่ไร้พืชพันธุ์

ผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์หินยืนอยู่บนยอดเขาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“หลังจากมิติช่องว่างกลายเป็นถ้ําสวรรค์ มันแตกต่างจากแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก!”

“มันทั้งยิ่งใหญ่และงดงาม ขนาดของมิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินจินตนาการ สมกับเป็นปาฏิหาริย์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ!”

ทุกครั้งที่มองมัน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินชื่อเฉิงต้องถอนหายใจเสมอ

ความยิ่งใหญ่ของมิติช่องว่างจักรพรรดิกทําให้เขาไม่มีความคิดที่จะต่อต้านฟางหยวนแม้แต่น้อย

ด้านหลังเขา กลุ่มผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์หินกําลังพูดคุยกัน

“ หลังจากใช้เวลามากกว่าสิบวัน ในที่สุดพวกเราก็สามารถสร้างภูเขาลูกนี้!”

“ข้ารู้สึกเหนื่อยมาก เราต้องทํางานตั้งแต่เช้าจนถึงดึกทุกวัน”

“ข้าได้ยินมาว่าการสร้างภูเขาลูกนี้เป็นภารกิจที่ได้รับมาจากตัวตนบนจุดสูงสุด”

“เพื่อให้ภารกิจเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว เราต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลและใช้วิญญาณอย่างต่อเนื่องวิญญาณอย่างน้อยสามสิบดวงตายในกระบวนการนี้…”

“เจ้าไม่รู้สึกว่าการหลอมรวมวิญญาณที่นี่มีโอกาสประสบความสําเร็จสูงงั้นหรือ?”

“เห้อ…เราจะได้รับรางวัลเมื่อภารกิจสําเร็จ ข้าหวังว่านายท่านผู้อมตะจะให้รางวัลใหญ่กับพวกเรา”

“หุบปาก! พวกเจ้ามีคุณสมบัติที่จะวิจารณ์นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นงั้นหรือ?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์หินก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

มันคือร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน หัวใจของทุกคนเต้นระรัวขณะที่พวกเขาเร่งคุกเข่าลงแสดงความเคารพ

“ผู้ใต้บังคับบัญชาทักทายนายท่าน!” ชื่อเฉิงทักทายด้วยทัศนคติที่อ่อนน้อมถ่อมตน

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนพยักหน้าและถาม “ภารกิจสําเร็จหรือไม่?”

ภารกิจของฟางหยวนไม่ใช่เพียงการสร้างภูเขาแต่มันยังรวมถึงค่ายกลวิญญาณอมตะภายในภูเขาอีกด้วย

ชื่อเฉิงรายงาน “นายท่าน ข้าจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟตามรูปแบบที่นายท่านมอบให้เรียบร้อยแล้ว นายท่านเพียงต้องกระตุ้นใช้งานมัน”

ฟางหยวนส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปตรวจสอบก่อนจะพยักหน้า เขาค่อนข้างพอใจ

ฟางหยวนเห็นชื่อเฉิงต้องการกล่าวบางสิ่งแต่ไม่กล้าพูดออกมา ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายเปิดปากถาม “เจ้าต้องการกล่าวสิ่งใดกับข้าหรือไม่?”

ชื่อเฉิงกระพริบตา เขาแสดงออกด้วยความไม่สบายใจก่อนจะตัดสินใจกล่าว “ข้าได้ยินมาว่านายท่านต่อสู้และได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ตอนนี้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้กําลังหวาดกลัว กระทั่งจ่อชิวหยูก็ไม่สามารถทําสิ่งใด เขาทําได้เพียงมองนายท่านจากไปเท่านั้น…”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาเข้าใจคํากล่าวของชื่อเฉิง เขาขัดจังหวะ “ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินของเจ้าต้องการให้ข้าหยุดและใช้ชีวิตอย่างสงบสุขใช่หรือไม่?”

“โปรดอภัยด้วย!” ชื่อเฉิงเร่งขอโทษด้วยความหวาดกลัว“นี่เป็นความคิดของข้าเท่านั้น ผู้อาวุโสสูงสุดของเรากําลังฝึกฝนอยู่ที่เกาะบัวหินพวกเขาไม่ทราบ!”

ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ภายใน

เผ่ามนุษย์หินมีความคิดที่แตกต่าง พวกเขาต้องการใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขและพัฒนาไปอย่างช้าๆ พวกเขาเกลียดความเสียง พวกเขารักการซ่อนตัวอยู่ในถ้ําหรือนอนหลับอยู่ใต้ดินเป็นเวลาหนึ่งศตวรษหรือมากกว่านั้น

พวกเขาไม่ต้องการให้ฟางหยวนเสี่ยง หากฟางหยวนตาย มิติช่องว่างจักรพรรดิ์จะถูกเปิดเผยพวกเขาจะมีอันตราย

แต่สิ่งนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?

ฟางหยวนไล่ล่าชีวิตนิรันดร์ เป้าหมายนี้จะเป็นไปได้หลังจากทําลายวิญญาณชะตากรรมเท่านั้นหากวังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม พวกเขาจะไม่ปล่อยฟางหยวนไปและจะฆ่าเขาในวันหนึ่ง

การซ่อนตัวและหยุดชะงักจะนําไปสู่ความสิ้นหวัง มีเพียงช่วงเวลาของการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ภาคกลางถูกโจมตีโดยอีกสีภูมิภาคเท่านั้นที่เขาจะมีโอกาสประสบความสําเร็จ

ความปรารถนาของเผ่ามนุษย์หินจะไม่เป็นจริง ไม่เพียงเท่านั้นแต่พวกเขายังต้องต่อสู้เพื่อฟางหยวนในอนาคต พวกเขาถูกผูกติดอยู่กับฟางหยวนแล้ว พวกเขาไม่สามารถแยกตัวออกไป

แท้จริงแล้วคํากล่าวของชื่อเฉิงเป็นความคิดของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินทั้งหมด เขาเป็นเพียงตัวแทนกล่าวมันออกมาเท่านั้น

นี่เป็นกลยุทธ์ทางการเมือง

ฟางหยวนไม่ปฏิเสธและไม่ตอบรับ เขาโบกมือ “นําทุกคนออกจากภูเขาลูกนี้”

“ทราบแล้ว”

เมื่อเห็นชื่อเฉิงนํากลุ่มมนุษย์หินเดินห่างออกไป ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนเริ่มกระตุ้นการทํางานของค่ายกลวิญญาณอมตะ

ทันใดนั้นอุณหภูมิบนภูเขาพลันพุ่งสูงขึ้น ต่อมาเปลวไฟก็ปะทุขึ้นบนยอดเขาพร้อมกับลาวาที่ไหลลงมาจากยอดเขา

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินที่เฝ้ามองจากระยะไกลอ้าปากค้าง นี่เป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง

หัวใจของชื่อเฉิงสั่นไหวเช่นกัน

แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าเกิดขึ้นหลังจากนี้

มือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันใหญ่โตพอๆกับภูเขา เมื่อนิ้วทั้งห้ากางออก ต้นไม้จํานวนนับไม่ถ้วนก็ถูกโยนลงไปยังภูเขาไฟ

พวกมันถูกปลูกลงในลาวา ต้นไม้เหล่านี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันส่องแสงออกมาราวกับดวงอาทิตย์

มันคือต้นไม้แสง!

ครูต่อมา มือขนาดใหญ่ก็ส่งวิหคเพลิงจํานวนมากลงไปยังภูเขาไฟ

กระบวนการทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน ไม่มีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

ชื่อเฉิงอ้าปากค้าง เขามองฉากเหล่านี้ด้วยความตกตะลึง

แม้เขาจะรู้ว่าฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับแปดแล้ว แต่เขายังไม่รู้สึกตกใจเท่ากับการได้เห็นความอัศจรรย์ด้วยตาของตนเอง

มีวิหคเพลิงบรรพกาลหลายตัวอยู่ท่ามกลางฝูงวิหคเพลิง วิหคเพลิงบรรพกาลเพียงตัวเดียวก็สามารถสังหารชื่อเฉิงได้อย่างไม่มีปัญหา

สุดท้ายฟางหยวนยังทิ้งฝูงนกทุกชนิดบนเส้นทางแห่งไฟเอาไว้บนภูเขา

“จากนี้ไปเรียกมันว่าภูเขาวิหคเพลิง มันจะเป็นแหล่งทรัพยากรของเผ่ามนุษย์หินของพวกเจ้า” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากล่าวกับชื่อเฉิง

ชื่อเฉิงรีบคุกเข่าลงขอบคุณด้วยความตื่นเต้น

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลายิ้ม “ลุกขึ้น ข้าเคยกล่าวไว้แล้วว่าจะช่วยพวกเจ้า แหล่งทรัพยากรขนาดกลางนี้เป็นรางวัลสําหรับการทํางานหนักของพวกเจ้าในการสร้างภูเขา”

“ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้รู้สึกละอายใจนัก” ชื่อเฉิงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เปรียบเทียบกับภูเขาวิหคเพลิงการทํางานหนักที่พวกเขาทุ่มเทไม่ถือว่ามีนัยสําคัญแม้แต่น้อย

วิญญาณและทรัพยากรทั้งหมดที่ใช้สร้างภูเขาวิหคเพลิงล้วนมาจากฟางหยวน นี่คล้ายกับการมอบของขวัญให้กับพวกเขา

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากล่าวเสริม “ข้าจะมอบภารกิจให้กับพวกเจ้าอีกในอนาคตภูเขาวิหคเพลิงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย”

ชื่อเฉิงมีนงง คํากล่าวของฟางหยวนมีความหมายลึกซึ้ง

ต้นไม้แสงและวิหคเพลิงเหล่านี้มาจากที่ใด?

เขาปล้นมันมา

ฟางหยวนกล่าวว่าภูเขาวิหคเพลิงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย นี่หมายความว่าเขาจะปล้นและเสี่ยงต่อไป!

ชื่อเฉิงไม่กล้าโต้แย้ง เขายังรู้สึกยินดีเล็กน้อยหลังจากได้รับของขวัญชิ้นนี้

“ด้วยภูเขาวิหคเพลิง เผ่ามนุษย์หินของข้าจะสามารถลุกขึ้น!”

“ปัญหาของท่านฟางหยวนไม่ใช่ปัญหาของข้า ท่านฟางหยวนมอบหมายหน้าที่ผู้นําเผ่าให้ข้าทรัพยากรเหล่านี้เป็นทรัพยากรในการบ่มเพาะของข้าเช่นกัน ตราบเท่าที่ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดข้าจะสามารถยกระดับการบ่มเพาะได้อย่างแน่นอน!” ชื่อเฉิงรู้สึกเร้าร้อน

เนื่องจากกลยุทธ์ทางการเมืองของฟางหยวน ชื่อเฉิงจึงถูกแยกออกจากกลุ่มผู้อมตะ เผ่ามนุษย์หินคนอื่นๆ

ภูเขาวิหคเพลิงเหมาะสมกับเผ่ามนุษย์หิน พวกเขาสามารถนอนพักอยู่ที่นี่

ฟางหยวนคิด ต่างจากชีวิตก่อนหน้า คราวนี้ข้ารับมนุษย์กลายพันธุ์จํานวนมากเข้ามา ข้าต้องเลี้ยงดูและสนับสนุนพวกเขา ข้าต้องให้ความสนใจและมอบแหล่งทรัพยากรให้กับพวกเขา

ฟางหยวนสามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสเพื่อปราบปรามเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ แต่ในกรณีนั้นเขาจะสูญเสียโอกาสในการเลี้ยงดูพวกเขา

“ข้าต้องการทําความเข้าใจเส้นทางมนุษย์ มันไม่เหมือนเส้นทางแห่งทาส ทุกคนมีความคิดและความปรารถนาของตนเอง เพื่อรักษาองค์กร ข้าต้องพิจารณาความคิดและอารมณ์ของสมาชิกไม่มีบุคคลสองคนที่เหมือนกันอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าพวกเขาจะคล้ายกันมากเพียงใดผู้คนก็ยังแตกต่างกันไปในเส้นทางของแต่ละคน…ดือ?”

ทันใดนั้นแรงบันดาลใจบางอย่างพลันพุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวนราวกับสายฟ้า

มันคือความเข้าใจบนเส้นทางมนุษย์

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน เส้นทางมนุษย์…เป็นเช่นนี้ ข้ามีท่าไม้ตายบนเส้นทางมนุษย์มาตลอด

เป็นเพียงเวลานี้ที่ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญ

ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางมนุษย์!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท