เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1778 วางแผนต่อกันและกัน

บทที่ 1778 วางแผนต่อกันและกัน

บทที่ 1778 วางแผนต่อกันและกัน

ร่างของฟางหยวนเคลื่อนไหวราวกับหมอกควันขณะที่เขาเดินทางผ่านพายุทราย

โอเอซิสขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของเขา

นี่คือโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์

โอเอซิสแห่งนี้เต็มไปด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่ มันเกือบเหมือนทะเลขนาดย่อม

ต้นสนเข็มถูกปลูกไว้รอบๆ

มันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ขาของพวกมันหยั่งลึกลงไปใต้ดิน แขนของพวกมันชี้ขึ้นเหนือศีรษะ

ต้นสนเข็มธรรมดามีมากที่สุด พวกมันมีความสูงประมาณห้าถึงหกเมตรและดูเหมือนยักษ์สีเขียวเข้ม

นอกจากนี้ยังมีต้นสนเข็มเดียวดายอีกหลายร้อยต้น พวกมันมีความสูงประมาณยี่สิบเมตร

ต้นสนเข็มเป็นแนวป้องกันแรกของโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ เมื่อศัตรูโจมตี พวกมันจะโบกมือไปมาและเคลื่อนที่ไปในทะเลทราย พวกมันจะต่อสู้กับศัตรูโดยใช้พละกําลังและเข็มอันแหลมคมบนร่างกายของพวกมัน

นอกจากนั้นร่างกายทุกส่วนของพวกมันยังเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งไม้ที่ล้ําค่า

โอเอซิสน้ําค้างสวรรค์เป็นแหล่งทรัพยากรขนาดยักษ์ มันมีชื่อเสียงเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของทะเลทรายตะวันตก ตระกูลฟางให้ความสําคัญกับมันมาก

แม้ทะเลปลามังกรของฟางหยวนจะเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดยักษ์เช่นกัน แต่มันยังกลายเป็นแคระแกร็นเมื่อเปรียบเทียบกับโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์

ไม่นานมานี้ตระกูลฟางเผชิญหน้ากับการปราบปรามจากกองกําลังอื่นๆของทะเลทรายตะวันตกแหล่งทรัพยากรขนาดเล็กของพวกเขาเริ่มถูกยึดครอง ครั้งนี้โอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ถูกโจมตี ตระกูลฟางจึงไม่สามารถอดทน ฟางกงโกรธมากและต้องการตอบโต้

ฟางหยวนมาถึงโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ในที่สุด

ค่ายกลวิญญาณอมตะของโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ถูกกระตุ้นใช้งานแล้ว มันกําลังต่อต้านผู้บุกรุก

คนผู้นี้เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในชุดคลุมดํา รอบตัวเขาเต็มไปด้วยภูตผีที่ดูเหมือนวิญญาณพยาบาทสีเทาขาวเคลื่อนที่อยู่รอบๆ

เขาเคลื่อนไหวในลักษณะที่แปลกประหลาด ท่าไม้ตายของเขาโดดเด่น การโจมตีแต่ละครั้ง ของเขาจะส่งเสียงแหลมสูงราวกับเสียงกรีดร้องของภูตผีออกมา

ผู้อมตะตระกูลฟางปกป้องโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะ

อย่างไรก็ตามค่ายกลของตระกูลฟางยังด้อยกว่าค่ายกลของตระกูลจือ นอกจากนั้นผู้อมตะลึกลับก็โจมตีด้วยท่าไม้ตายที่แปลกประหลาดและไร้ปรานี ตอนนี้ครึ่งหนึ่งของค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลายไปแล้วเขากําลังอาละวาดอยู่ในโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์

“ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม!”

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน แรงกระแทกระเบิดออกไปรอบๆ คลื่นยักษ์ปะทุขึ้นในทะเลสาบของโอเอซิสอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะตระกูลฟางเร่งติดต่อซวนปู่จินและขอให้เขาช่วยปกป้องโอเอซิส

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งมาก ผู้อมตะของตระกูลฟางเต็มไปด้วยความกัง

ในฐานะซวนซูจิน ฟางหยวนต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณใช้ท่าไม้ตายที่แปลกประหลาดขณะที่ชวนจินใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญาที่งดงาม

ทั้งสองต่อสู้กัน ฟางหยวนค่อยๆกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบและสามารถควบคุมสถานการณ์

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณตะโกน “เจ้าคือผู้ใด? ตระกูลฟางมีคนเช่นเจ้าด้วย งั้นหรือ?”

ฟางหยวนหัวเราะ “ข้าคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ชวนชูจิน ผู้อาวุโสสูงสุดนอกของตระกูลฟางข้าพึ่งเข้าสู่ตระกูลฟางแต่เจ้ากลับวิ่งเข้ามายั่วโมโหข้า เจ้ากล้าดูถูกข้า ข้าจะปลิดชีวิตของเจ้า!”

เจตนาสังหารของฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นขณะที่เขาบังคับให้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณการณ์อันตราย

ผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกหนาวเย็นอยู่ในหัวใจ ผู้อาวุโสสูงสุดนอกคนใหม่ของตระกูลผู้นี้ ไม่ใช่คนใจดีหรือจัดการได้ง่ายอย่างแน่นอน

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความเฉลียวฉลาด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเข้มงวดและเย่อหยิ่ง

เขาสะบัดแขนเสื้อและโจมตีราวกับคลื่นน้ําที่โหมกระหน่ํา การโจมตีของเขาทั้งทรงพลังและน่าตกตะลึง

หลังจากไม่นานผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณก็กระอักเลือดออกมา ดูเหมือนเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับจากท่าไม้ตายอมตะ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว กลิ่นอายของเขากลายเป็นอ่อนแอ

แต่ความเร็วของเขากลับเพิ่มขึ้น เขาบินออกจากสนามรบราวกับลูกศรที่ถูกยิงออกไป

“เจ้ากําลังจะไปที่ใด!” ฟางหยวนตะโกน

ภายใต้สายตาที่คาดหวังของผู้อมตะตระกูลฟาง ฟางหยวนไล่ล่าผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณอย่างไม่ลดละ

ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง

ในห้อง ฟางกงและฟางตี้เฉิงกําลังหารือเกี่ยวกับแผนการของพวกเขาอย่างลับๆ

ทันใดนั้นทั้งสองพลันหยุดการสนทนาพร้อมกัน

“โอ้ ชวนรู้จินบังคับให้ศัตรูที่แข็งแกร่งล่าถอย เขาทํางานได้อย่างรวดเร็ว” ฟางตี้เฉิงยิ้ม

“แต่…” ฟางกงกล่าวเสียงต่ํา “ตามข้อมูล ซวนปู่จินไล่ล่าศัตรูเพียงครึ่งทางก่อนจะย้อนกลับมาเขากล่าวว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูวางกับดักและซุ่มโจมตี เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”

ฟางตี้เฉิงยิ้ม “ชวนรู้จินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเหมือนข้า เขาอาจพบเบาะแสบางอย่างและสัมผัสได้ถึงแผนร้าย หรือบางทีเขาอาจไม่ต้องการใช้ความพยายามมากนักในเรื่องนี้ การบังคับศัตรูให้จากไปเพียงพอแล้วที่จะสร้างผลงาน เขาไม่ใช่คนตระกูลฟาง เขาเข้าร่วมกับพวกเราเพราะรางวัลและเพราะเขาต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทะเลทรายผีเขียว”

การวิเคราะห์ของฟางตี้เฉิงไม่ผิด

ฟางกงพยักหน้า “ชวนรู้จินมีความแข็งแกร่งและมีวิธีการที่หลากหลาย เราควรให้เขาเข้าร่วมในแผนการนี้หรือไม่?”

ฟางตี้เฉิงสายศีรษะ “ข้าไม่แนะนําให้ท่านทําเช่นนั้น เขาพึ่งเข้าร่วมกับพวกเรา เรายังไม่รู้ภูมิหลังของเขามากนักแม้เราจะมีข้อตกลง แต่เรายังไม่สามารถไว้ใจเขามากเกินไปเขาเป็นคนที่ไม่สามารถเชื่อถือ”

ฟางกงไตร่ตรอง “หากเป็นเช่นนั้นก็ลืมมันไปซะ ข้าเพียงรู้สึกว่ามันน่าเสียดาย เขามีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ฟางตี้เฉิงยิ้ม “แม้เขาจะไม่มา แต่การเตรียมการของเราก็เพียงพอแล้ว แม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมในแผนการลับครั้งนี้ของเรา แต่เขาก็ยังสามารถช่วยเหลือพวกเรา”

“เราควรปล่อยให้เขาดูแลโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ ด้วยวิธีนี้เราจะสามารถนําผู้อมตะระดับเจ็ดกลับมาและเข้าร่วมในแผนการของเรา”

“นี่จะแสดงให้เห็นว่าตระกูลฟางของเราเต็มใจให้โอกาสคนนอก เราสามารถใช้ซวนปู่จินเป็นตัวอย่าง เมื่อเราแผยแพร่ข่าวนี้ออกไป เขาจะได้รับชื่อเสียง เขาจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ของฝ่ายธรรมะแห่งทะเลทรายตะวันตก เขาจะช่วยดึงดูดความสนใจไปจากเราได้มาก”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางกงหัวเราะและมองฟางตี้เฉิงด้วยความชื่นชม “เป็นโชคดีของตระกูลฟางที่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่เช่นเจ้า”

วันถัดมา

“ให้ข้าปกป้องที่นั่งั้นหรือ?” ฟางหยวนมองโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์และคิดอย่างรวดเร็ว

“ข้าพึ่งเข้าร่วมกับตระกูลฟางแต่พวกเขาปล่อยให้ข้าปกป้องสถานที่สําคัญโดยลําพัง พวกเขาส่งผู้อมตะระดับเจ็ดคนเดิมไปที่อื่น”

“นอกจากนั้นตระกูลฟางยังเผยแพร่ข่าวการต่อสู้ก่อนหน้านี้ออกไป ฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกต่างให้ความสนใจข้า”

“ตามตรรกะ ตระกูลฟางควรทิ้งผู้อมตะของตระกูลผู้หนึ่งไว้ที่นี่เพื่อจับตาดูข้า แต่พวกเขากลับไม่ทําเช่นนั้น ผู้อมตะของตระกูลฟางถูกเคลื่อนย้ายในลักษณะที่แปลกประหลาดดูเหมือนพวกเขากําลังวางแผนการบางอย่าง

“ในชีวิตก่อนหน้า ตระกูลฟางทําสิ่งใด?”

ฟางหยวนขมวดคิ้ว

ในชีวิตก่อนหน้าตัวตนของซวนปู่จนถูกเปิดเผย ฟางหยวนจึงไม่สนใจตระกูลฟางมากนัก

ฟางหยวนไม่รู้ว่าตระกูลฟางใช้วิธีใดตอบโต้ฝายธรรมะของทะเลทรายตะวันตก เกิดสิ่งใดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นผู้นํากองกําลังผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกบุกโจมตีเมืองจักรพรรดิ

“ฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกร่วมมือกันปกปิดความจริงงั้นหรือ?”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าบางสิ่งในชีวิตนี้เปลี่ยนไปแล้ว ผลกระทบหยดหมึกกระจายมาถึงที่นี่

ตอนนี้ฟางหยวนขาดข้อมูล เขาไม่สามารถวางแผนต่อไปและทําได้เพียงรอดูว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น

“อิงอู่เซี่ย ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด?” ฟางหยวนติดต่ออิงอู่เชี่ย

ในทะเลทรายผีเขียว ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณก้มหน้าลง “รายงานท่านผู้นํา ข้ามาถึงทะเลทรายผีเขียวแล้ว”

มันคืออิงอู่เซีย

ไม่นานมานี้ฟางหยวนนําอิงอู่เซียออกมาจากเกาะบัวหินและมอบร่างของหยางซานมู่ให้เขาพร้อมกับมิติช่องว่าง วิญญาณอมตะ และท่าไม้ตายอมตะ

อิงเซี่ยเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้ว

หากผู้อมตะตระกูลฟางเห็นเขาตอนนี้ พวกเขาจะตะโกนด้วยความโกรธว่า “นี่คือผู้อมตะลึกลับที่โจมตีโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ของเราเมื่อวานนี้!”

“ดีมาก ข้ามอบวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณให้เจ้าแล้ว ตอนนี้ไปทํางานของเจ้า”

“ติดต่อข้าตลอดเวลา”

“ข้ามีท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก ข้าสามารถไปสนับสนุนเจ้าได้ทุกเมื่อ

“อย่าประมาทและจบลงในเขตแดนอมตะหรือค่ายกลวิญญาณอมตะ” ฟางหยวนกล่าวเสริม

“ทราบแล้ว” อิงอู่เชี่ยตอบกลับด้วยความเคารพ “ข้าจะล่าอสูรวิญญาณอย่างไม่หยุดยั้ง!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท