เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1779 ขโมยเต๋า

บทที่ 1779 ขโมยเต๋า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1779 ขโมยเต๋า

ชวนปู้จีนคือฟางหยวน เขารู้ว่าอุปสรรคใหญ่ที่สุดของการเข้าร่วมตระกูลฟางคือฟางตี้เฉิง

เพราะฟางตี้เฉิงคือปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา

โดยปกติแล้วมีเพียงผู้อมตะระดับแปดเท่านั้นที่จะบรรลุระดับปรมาจารย์เอก ตัวตนเหล่านี้รับมือได้ยาก

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนเป็นเพียงปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา

ด้านการอนุมานท่าไม้ตาย ด้วยการใช้แสงแห่งปัญญา เขาถือเป็นตัวตนอันดับหนึ่งของโลกใบ

แต่การรับมือผู้อมตะและต่อต้านผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของฟางหยวน

การเข้าร่วมตระกูลฟางของฟางหยวนอาจทําให้ฟางตี้เฉิงรู้สึกกังวล

สําหรับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หากสภาพจิตใจของพวกเขาได้รับผลกระทบและเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง นั่นหมายความว่าพวกเขากําลังจะพบปัญหา

ดังนั้นฟางหยวนจึงจัดใช้อิงอู่เซียปลอมตัวเป็นปีศาจอมตะของทะเลทรายตะวันตกและโจมตีโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ของตระกูลฟาง

ดังคาด ฟางตี้เฉิงตกหลุมพรางโดยไม่สงสัยฟางหยวน

การโจมตีโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ของอิงอู่เซียมีประโยชน์อีกประการหนึ่ง

มันเป็นการช่วยให้ฟางหยวนผสานตัวเข้ากับตระกูลฟางได้เร็วขึ้น

ชวนปู่จินเคยร่วมงานกับตระกูลฟางในการต่อสู้ชิงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาพึ่งเข้าสู่ตระกูลฟาง ฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกยังไม่คุ้นเคยกับเขา ขณะเดียวกันตระกูลฟางก็ยังสงสัยในความภักดีของเขา

ฟางหยวนสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาเพื่อแสดงความแข็งแกร่งและความภักดีต่อตระกูลฟางในระดับหนึ่ง

“อย่างไรก็ตาม…ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางตี้เฉิงสูงกว่าข้า ยิ่งเรามีปฏิสัมพันธ์กันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งมีโอกาสค้นพบความจริงมากเท่านั้น” ฟางหยวนเตือนตัวเอง

การจัดการปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเรื่องยาก

แม้ฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่เขาก็ยังเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผย

นอกจากนี้ยังมีอีกความเสี่ยงหนึ่ง นั่นคืออิงอู่เซีย

อิงอู่เชี่ยไม่เชี่ยวชาญด้านการปลอมตัว ขณะเดียวกันอสูรวิญญาณในตํานานชิงโจวก็ยังซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายผีเขียว

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่

แต่ฟางหยวนต้องการอสูรวิญญาณจํานวนมากเพื่อยกระดับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เขาเต็มใจรับความเสี่ยงเหล่านี้

“แม้ข้าจะเข้าร่วมกับตระกูลฟางและมีข้อตกลงที่จะจัดการทะเลทรายผีเขียว แต่ตอนนี้พวกเขายุ่งมาก ดังนั้นพวกเขาน่าจะนําแก่นแท้อสูรวิญญาณออกมาจากคลังสมบัติของตระกูลเพื่อมอบให้ข้าเป็นครั้งคราว

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน เขาต้องพึ่งพาตนเองในการจัดการทะเลทรายผีเขียว

ฟางหยวนไม่คิดที่จะพึ่งพาตระกูลฟางในการจับอสูรวิญญาณ ในเวลาเดียวกันตระกูลฟางก็ไม่มีความพยายามที่จะทําสิ่งนี้เพื่อฟางหยวน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนก็ไม่ต้องการให้ตระกูลฟางเข้าควบคุมทะเลทรายผีเขียวมากเกินไปเขาร่วมมือกับตระกูลฟางเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลฟางสร้างปัญหาเท่านั้น

ฟางหยวนไม่สามารถไปประจําการอยู่ในทะเลทรายผีเขียว เขาต้องส่งอิงอู่เซียออกไป ฟางหยวนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระขณะที่อิงอู่เซียมีความคล่องตัวมากกว่า

ฟางหยวนพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่างและตัดสินใจเข้าร่วมกับตระกูลฟางเพื่อเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

จากมุมมองของฟางหยวน การฆ่าเป็นเพียงวิธีการ นอกจากการฆ่ายังมีวิธีอื่นอีกมากมาย

เพื่อบรรลุเป้าหมาย เขาต้องใช้วิธีการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด

สิ่งนี้แตกต่างจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ

เทพปีศาจจิตวิญญาณจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยวิธีเดียว

นั่นคือการฆ่า!

เจ้าไม่ยอม? ฆ่า!

เจ้าเป็นคนตาบอด? ฆ่า!

อารมณ์ของเขาไม่ดี? ฆ่า!

เขาเบื่อ? ฆ่า!

ฟางหยวนเริ่มตรวจสอบโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์

เขาเห็นต้นสนเข็มแล้ว พวกมันอยู่ที่ขอบรอบนอกของโอเอซิส แต่เขาต้องเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อตรวจสอบน้ําในทะเลสาบ

โอเอซิสน้ําค้างสวรรค์มีแหล่งน้ําหลายประเภท

นอกจากน้ําพุจิตวิญญาณธรรมชาติยังมีบ่อน้ําลายคางคกหยก บ่อน้ําหอม บ่อน้ําพลังศักดิ์สิทธิ์ บ่อน้ําขาวดํา และอื่นๆ

มีทรัพยากรระดับสูงมากมายอยู่ที่นี่

ตัวอย่างเช่นบ่อน้ําพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

น้ําในบ่อพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นทรัพยากรอมตะ การดื่มมันโดยไม่ใช้วิธีบนเส้นทางอาหารจะทําให้คนผู้นั้นตาย เว้นเพียงคนผู้นั้นจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

บ่อน้ําขาวดําเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด มันตั้งอยู่ที่จุดศูนย์กลางของโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์

ในเวลากลางวัน น้ําในบ่อจะเป็นสีขาว ในเวลากลางคืน น้ําจะเปลี่ยนเป็นสีดํา

มันจะสร้างหยดน้ําค้างสวรรค์ขึ้นมา นี่คือทรัพยากรอมตะระดับแปด!

ในไม่ช้าฟางหยวนก็พบบ่อน้ําขาวดํา มีหยดน้ําค้างสวรรค์นับร้อยหยกสะสมอยู่ที่นี่

อิงอู่เชี่ยโจมตีสถานที่แห่งนี้แต่เข้ามาไม่ถึงจุดศูนย์กลาง หยดน้ําค้างสวรรค์ที่สะสมมาเป็นเวลาครึ่งปียังอยู่ที่นี่

ฟางหยวนยิ้มและเก็บหยดน้ําค้างสวรรค์ไว้สามสิบหยดโดยไม่ลังเล

นี่คือกฏที่ซ่อนอยู่ของฝ่ายธรรมะ

ผู้อมตะที่มาปกป้องแหล่งทรัพยากรของกองกําลังจะลอบเก็บทรัพยากรส่วนหนึ่งเอาไว้เพื่อตนเอง

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่กฎตายตัว แต่โดยพื้นฐานแล้วกองกําลังเหล่านั้นอนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

การปกป้องแหล่งทรัพยากรเป็นเรื่องยาก มันมีความเสี่ยง หากปราศจากกําไร ผู้ใดจะต้องการทํา?

ห้าร้อยปีในชีวิตแรก ฟางหยวนได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ น้ําค้างสวรรค์สามสิบหยดคือขีดจํากัด หากเขานําไปมากกว่านี้ ตระกูลฟางจะไม่มีความสุข พวกเขาจะกล่าวหาว่าเขายักยอก

“น่าเสียดายที่สวรรค์ทั้งเก้าเหลือเพียงสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดํา

“หากสวรรค์ทั้งเก้ายังอยู่ มันจะไม่ใช่บ่อน้ําขาวดําแต่เป็นบ่อน้ําเก้าสีที่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปด มันจะผลิตหยดน้ําดาราเก้าสวรรค์ทุกปีจากหยดน้ําค้างเก้าสี

หยดน้ําดาราเก้าสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะระดับเก้า

หลังจากตรวจสอบทรัพยากรทั้งหมด ฟางหยวนต้องถอนหายใจด้วยความชื่นชม โอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ถือเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรล้ําค่าสิบอันดับแรกของทะเลทรายตะวันตกอย่างแท้จริง

เขาได้รับมอบหมายให้ดูแลสถานที่แห่งนี้ เขาสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะของที่นี่

ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลและเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถทําความเข้าใจมันอย่างรวดเร็ว

เปรียบเทียบกับตระกูลจือของภาคใต้ การป้องกันของตระกูลฟางไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ

ตระกูลฟางคล้ายกับตระกูลจือ พวกเขาชํานาญด้านค่ายกล

แต่ความแตกต่างคือตระกูลฟางเชี่ยวชาญด้านคฤหาสน์วิญญาณอมตะมากกว่า หลังจากทั้งหมดคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็คือค่ายกลวิญญาณอมตะเคลื่อนที่

สําหรับตระกูลจือพวกเขาเชี่ยวชาญด้านการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะซึ่งเป็นกระ แสหลักบนเส้นทางแห่งค่ายกล

สิ่งสําคัญที่สุดคือจือชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล

ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จากสภาพแวดล้อมเพื่อจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ นอกจากพวกเขาจะสามารถประหยัดวิญญาณอมตะ พวกเขายังสามารถใช้สภาพแวดล้อมเพื่อสร้างแนวป้องกัน

ตระกูลฟางต้องใช้วิญญาณอมตะจํานวนมากเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะที่โอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ แต่จุดประสงค์หลักของพวกเขาคือการเพิ่มผลผลิตน้ําค้างสวรรค์ มันไม่ได้มุ่งเน้นที่การป้องกัน

“แต่ตระกูลฟางก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน

“พวกเขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลัง นอกจากความคล่องตัว พวกเขายังสามารถใช้พวกมันต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด

“หากข้าเป็นผู้นําตระกูลฟาง ในสถานการณ์นี้ข้าจะรวบรวมกําลังคนเพื่อโจมตีศัตรู ด้วยการแสดงทัศนคติที่ดุร้าย เราจะสามารถข่มขู่และหยุดการคุกคามของกองกําลังอื่นๆ

“แต่พวกเขาต้องให้ความสําคัญกับขอบเขตในการเคลื่อนไหวของตนเอง หากพวกเขาทํามากเกินไป พวกเขาจะมีปัญหา หากพวกเขาทําน้อยเกินไป มันจะไร้ประโยชน์

ฟางหยวนคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลฟางและกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตก

เขาต้องฝึกฝน พัฒนาท่าไม้ตาย และใช้เวลาทุกวินาทีให้มีประโยชน์ มันไม่สําคัญว่าเขาจะอยู่ที่ทะเลทรายตะวันตกหรืออยู่ที่ภาคใต้

หลังจากทั้งหมดอีกไม่นานฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะร่วมมือกันไล่ล่าเขา

ทะเลทรายพลิกสวรรค์

คลื่นทรายขนาดใหญ่เคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แสงจันทร์ มันเหมือนคลื่นน้ําสีขาว มันเป็นฉากที่งดงามและเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของทะเลทรายตะวันตก

ผู้อมตะของตระกูลฟางลอบรวมตัวกันที่โอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์ในทะเลทรายพลิกสวรรค์

“ตามข้อมูล ตงลู่เฉินของตระกูลตงมาถึงแล้ว ไปกันเถอะ” ฟางตี้เฉิงถายทอดเสียงอย่างลับๆ

“ดี!” ฟางกงระเบิดพลังออกมาและโจมตีโอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์โดยตรง

ตงลู่เฉินบินขึ้นสู่อากาศและปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมา เขาตะโกนด้วยความโกรธและตกใจ “ฟางกง ข้าไม่ได้สร้างปัญหาให้เจ้าแต่เจ้ากลับมาโจมตีข้า!”

ฟางกงคําราม “เลิกเสแสร้ง มาสู้กัน!”

การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปดปะทุขึ้นทันที

ตงลู่เฉินค่อนข้างถูกจํากัดเพราะโอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์อยู่ด้านหลังเขา

การแสดงออกของตงลู่เฉินกลายเป็นมืดครื้ม “ตระกูลฟาง พวกเจ้ากล้าโจมตีอาณาเขตของกองกําลังฝ่ายธรรมะ พวกเจ้าทําลายกฏ ในไม่ช้ากองกําลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดของทะเลทรายตะวันตกจะลงโทษพวกเจ้า!”

“ไม่ใช่ว่าตระกูลตงของพวกเจ้าปล่อยข่าวลือว่าพวกเขาโจมตีโอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์งั้นหรือ? พวกเจ้าไม่มีหลักฐาน ดังนั้นพวกเราจึงมาที่นี่เพื่อมอบหลักฐานบางอย่างให้พวกเจ้า!” คฤหาสน์วิญญาณอมตะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เสียงของฟางตี้เฉิงดังออกมาจากภายใน

ตงลู่เฉินยิ่งโกรธมากขึ้น “ฟางตี้เฉิง เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เจ้ากล้า…”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค คฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลฟางก็ปล่อยท่าไม้ตายอมตะออกมา

ความโกรธของตงลู่เฉินหายไปทันที มันถูกแทนที่ด้วยความตกใจและหวาดกลัว

“อย่าบอกว่ามันคือ…”

“ถูกต้อง มันคือท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ขโมยเต๋!” ฟางตี้เฉิงตอบ

“ไม่!” ตงลู่เฉินคำรามและหันหน้าไปทางโอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์

ท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋าสามารถขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่อยู่ในสภาพแวดล้อม

ตงลู่เฉินต้องการหยุดพวกเขาแต่มันไร้ประโยชน์

เขามองร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของโอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์ถูกขโมยโดยไม่สามารถทําสิ่งใด

นี่คือพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋า!

ในอดีตหลังจากสร้างท่าไม้ตายนี้ เทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถสะสมรากฐานเพียงพอที่จะสร้างเส้นทางสายใหม่ นั่นคือเส้นทางแห่งการโจรกรรบ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท