เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1781 ยึดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

บทที่ 1781 ยึดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

บทที่ 1781 ยึดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

ปัจจุบันฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกกําลังอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาด

ภายนอกพวกเขายังใส่ร้ายและสร้างข่าวลือเพื่อโจมตีตระกูลฟาง

แต่ความจริงก็คือพวกเขาไม่สามารถทําสิ่งใดนอกจากการเห่าหอน

ท้ายที่สุดกระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ไม่สามารถหยุดท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋าของตระกูลฟาง

“การโจมตีโอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์เริ่มแสดงผลลัพธ์แล้ว” ผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกยินดี

แต่การแสดงออกของฟางตี้เฉิงยังน่าเกลียด “น่าเสียดาย หากสถานการณ์ที่ทะเลทรายหิ่งห้อยไม่เกิดเป็น มันจะสมบูรณ์แบบ เรายังไม่พบเบาะแสของคนร้าย นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างแท้จริง!”

แม้ตระกูลตงจะน่าสงสัยที่สุด แต่ฟางตี้เฉิงกับฟางกงก็ฉลาดพอที่จะไม่ดําเนินการใดๆ

พวกเขาไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลที่จะเคลื่อนไหว นอกจากนั้นมันยังมีโอกาสเป็นกับดัก

ตระกูลฟางไม่เคลื่อนไหว แต่ตระกูลตงค่อนข้างโกลาหล หลายวันที่ผ่านมาตระกูลตงส่งคนออกไปป้องกันสถานที่ต่างๆมากขึ้น

ตงลู่เฉินไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายดาย เขาจะไม่แปลกใจหากมีข่าวว่าตระกูลฟางถูกโจมตีหลังจากนี้

“รีบสืบหาความจริง หาตัวคนร้ายและล้างมลทินให้กับตระกูลตงของข้า!” ตงลู่เฉินตั้งตารอผลการสอบสวนของตระกูลฟาง แต่ภายนอกเขายังแสดงออกแข็งกร้าว เขาเรียกร้องค่าชดเชยจากตระกูลฟางอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับโอเอซิสสมบัติแห่งจันทร์

พวกเขาไม่แก้แค้นแค่ร้องขอค่าตอบแทน นี่เป็นทัศนคติที่ชัดเจน

กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกพยายามเดาว่าผู้ใดคือคนร้าย เห็นได้ชัดว่าแผนการหว่านความไม่ลงรอยประสบความสําเร็จ

ท่ามกลางพวกเขา กองกําลังที่น่าสงสัยที่สุดคือกองกําลังที่มีอาณาเขตติดกับตระกูลฟางและตระกูลตง

กองกําลังเหล่านี้รู้สึกถึงแรงกดดันและต้องการให้ตระกูลฟางค้นหาคนร้ายอย่างรวดเร็วที่สุด

ภายนอก ตระกูลฟางแสร้งค้นหาตัวคนร้ายแต่ในความเป็นจริงพวกเขาไม่ได้ทํางานหนักใดๆ

วิกฤตที่แท้จริงของตระกูลฟางไม่ได้อยู่ที่เบื้องหลังการทําลายทะเลทรายนิ่งห้อยแต่เป็นการปราบปรามของฝ่ายธรรมะทั้งหมด

สถานการณ์ของตระกูลฟางค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

หากพวกเขาพบตัวคนร้าย พวกเขาจะแก้แค้นหรือไม่?

พวกเขาต้องแก้แค้น!

มิฉะนั้นชื่อเสียงของตระกูลฟางจะได้รับผลกระทบ ผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดของตระกูลฟางจะไม่ยอมรับทัศนคติที่เฉยเมย

หากพวกเขาเสียชีวิตและกองกําลังไม่ปกป้องหรือล้างแค้นให้กับพวกเขา แล้วพวกเขาจะเข้าร่วมกับกองกําลังนี้เพื่อสิ่งใด? มันคุ้มค่าที่พวกเขาจะเสี่ยงชีวิตเพื่อกองกําลังเช่นนี้งั้นหรือ?

แต่หากตระกูลฟางแก้แค้นจะเป็นอย่างไร?

พวกเขาจะต่อสู้กับกองกําลังใหญ่อื่นๆจริงๆงั้นหรือ?

ตระกูลฟางมีท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋แต่กองกําลังอื่นก็มีไพ่ตายของตนเองเช่นกัน

สิ่งสําคัญที่สุดหากสองกองกําลังใหญ่ต่อสู้กันอย่างจริงจัง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นกองกําลังอื่น

ผ่านไปหลายวันฟางตี้เฉิงสงบลงแล้ว เขาบอกฟางกงเกี่ยวกับมุมมองของเขาอย่างลับๆ ว่า พวกเขาควรหยุดการสืบสวน สิ่งสําคัญที่สุดคือเวลา พวกเขาจําเป็นต้องซ่อมแซมคฤหาสน์ วิญญาณอมตะทั้งสามหลังและปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถก้าวข้ามอุปสรรคนี้ ความแข็งแกร่งของตระกูลฟางจะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากนั้นไม่ว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกองกําลังใด พวกเขาก็จะมีกําลังมากพอที่จะฉกฉวยผลประโยชน์สูงสุด

ฟางกงเห็นด้วยกับความคิดนี้

ไม่นานหลังจากนั้นฟางกงก็ประกาศต่อสาธารณชนว่าตระกูลฟางจะติดตามเรื่องนี้อย่า จริงจัง ตอนนี้พวกเขามีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ตระกูลฟางจะไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวล แต่พวกเขาก็จะไม่ใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์เช่นกัน

ในวันที่เขาประกาศเรื่องนี้ ตระกูลฟางส่งมอบแก่นแท้อสูรวิญญาณให้กับฟางหยวนเป็นจํานวนมาก หนึ่งในนั้นยังเป็นแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปด

ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อฟางหยวนรีดไถตระกูลฟาง พวกเขาส่งมอบเพียงแก่นแท้อสูรวิญญาณระดับหกและระดับเจ็ดเท่านั้น

“เห็นได้ชัดว่าตระกูลฟางพยายามมัดใจข้า” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

ก่อนหน้านี้ฟางตี้เฉิงเตือนและสั่งให้ฟางหยวนส่งคืนน้ําค้างสวรรค์ยี่สิบหยด หากเหตุร้ายไม่เกิดขึ้นที่ทะเลทรายหิ่งห้อย เรื่องจะจบเพียงเท่านั้น

แต่หลังจากคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในทะลทรายนิ่งห้อย แผนการข่มขู่ของตระกูลฟางจึงมีประสิทธิภาพน้อยลง ฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกยังก่อกวนพวกเขา

ดังนั้นตระกูลฟางจึงต้องทําให้แน่ใจว่าซวนปู่จินจะอยู่เคียงข้างพวกเขา

แต่พวกเขาจะไม่ส่งมอบน้ําค้างสวรรค์ยี่สิบหยด ฟางตี้เฉิงไม่สามารถกลับคําพูดของตน

ดังนั้นพวกเขาจึงมอบแก่นแท้อสูรวิญญาณเป็นการชดเชยและเอาใจซวนปู้จิน

ฟางหยวนเสี่ยงโจมตีทะเลทรายนิ่งห้อยเพราะเขาต้องการผลลัพธ์ดังกล่าว

เขาไม่ต้องการเห็นตระกูลฟางอยู่ในสภาวะที่มั่นคง

หากตระกูลฟางมีเสถียรภาพ พวกเขาจะไม่ต้องการซวนปู้จิน ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขา การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากทะเลทรายผีเขียวจะล่าช้ามาก พวกเขาจะไม่พยายามทําเรื่องนี้

นอกจากนั้นฟางหยวนยังต้องการใช้กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกเพื่อดึงดูดความสนใจของฟางตี้เฉิงและคนอื่นๆ หากพวกเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดาย ฟางที่เฉิงจะให้ความสนใจกับซวนปู้จินและอาจพบสิ่งผิดปกติ

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ตระกูลฟางค่อนข้างโชคร้าย

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนไม่ได้อยู่ที่นี่ ตระกูลฟางจึงประสบความสําเร็จในการข่มขู่กองกําลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดและสามารถก้าวข้ามสถานการณ์อันตราย ในที่สุดพวกเขาก็บรรลุข้อตกลงความร่วมมือบางอย่าง

แต่ตอนนี้เพราะการคงอยู่ของฟางหยวน มันทําให้สถานการณ์ของพวกเขาไม่เสถียร

หลายวันต่อมาฟางหยวนยังฝึกฝนอย่างเงียบๆอยู่ในโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์

ที่ทะเลทรายผีเขียว อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์

สําหรับตระกูลฟาง พวกเขายังส่งมอบแก่นแท้อสูรวิญญาณจากคลังสมบัติของตระกูลให้กับฟางหยวนตามข้อตกลง

ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มนุษย์กลายพันธุ์ทํางานอย่างหนัก

ภายใต้แสงแห่งปัญญา ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอนุมานเกือบตลอดเวลาโดยไม่หยุดพัก

ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม!

ควันสีเขียวลอยขึ้นเหนือศีรษะของฟางหยวนก่อนจะก่อตัวเป็นต้นไม้เล็กๆที่ดูขาดสารอาหาร

หากผู้อมตะของวังสวรรค์เห็นสิ่งนี้ พวกเขาจะตกใจและเดือดดาลด้วยความโกรธ

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมเป็นท่าไม้ตายอมตะเฉพาะตัวของเทพอมตะบัวสวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะจบลงในมือของปีศาจฟางหยวน!

หลังจากสังหารและค้นวิญญาณเฉินอี้ ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์สองชิ้น พวกมันคือท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมและท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรม

ด้วยการพึ่งพาแสงแห่งปัญญา ฟางหยวนสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมระดับหกโดยใช้วิญญาณอมตะไผ่เขียวระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งไม้ดวงอื่นๆเป็นแกนกลาง

เนื่องจากฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎ เหตุ และวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ผล เขาจึงต้องใช้วิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากเพื่อชดเชย

ด้วยเหตุนี้มันจึงต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการกระตุ้นใช้งานและไม่สามารถนํามันไปใช้ในการต่อสู้จริง

‘น่าเสียดายที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไม้ของข้าอยู่ในระดับสามัญ มันไม่แม้แต่จะถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ’

‘แม้วิญญาณอมตะไผ่เขียวจะเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้แต่มันไม่เหมาะสมที่จะเป็นแกนกลางของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม’

‘จากการศึกษาทางชีววิทยาบนโลกมนุษย์ใบเดิม ไผ่ถือเป็นหญ้าชนิดหนึ่ง มันไม่ใช่ต้นไม้’

ด้วยเหตุนี้แม้แกนกลางของมันจะเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดแต่ท่าไม้ตายนี้ยังเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับหก

แม้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมของเฉินอี้จะมุ่งเน้นด้านการป้องกัน แต่มันอยู่ในระดับเดียวกับเกราะหวนคืนหรือเสื้อคลุมเพลิงสุริยัน แต่มันมีศักยภาพสูงกว่า มันสามารถนําไปใช้ในการโจมตี การเคลื่อนไหว และการรักษา

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะเคลื่อนกรรมเป็นวิธีการเคลื่อนไหวที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

ท้ายที่สุดสิ่งประดิษฐ์ของเทพอมตะบัวสวรรค์ก็ไม่ธรรมดา

ฟางหยวนยังห่างไกลจากพลังอํานาจที่แท้จริงของท่าไม้ตายนี้

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมของฟางหยวนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มันทําให้ฟางหยวนสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ท่าใหม่ซึ่งค่อนข้างมีประโยชน์

ท่าไม้ตายนี้มีชื่อว่าหีบไม้ไผ่ มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งไม้ มันใช้วิญญาณอมตะไผ่เขียวเป็นแกนกลางแต่สามารถส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งปัญญา

หลังจากกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ แสงสีเขียวหยกจะส่องประกายขึ้นบนหน้าอกของฟางหยวน

หากเขาประสบความสําเร็จในการอนุมานเรื่องหนึ่ง รอยสักรูปป่าไผ่สีเขียวจะปรากฏ ขึ้นบนหน้าอกของเขา

ท่าไม้ตายนี้มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน

มันเป็นตัวช่วยชั้นยอดในการอนุมานเรื่องๆหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นคือจุดแข็งของมัน

สัญลักษณ์แห่งความสําเร็จคือรอยสักรูปปาไผ่บนหน้าอกของเขา

อย่างไรก็ตามหากการอนุมานไม่สําเร็จ ท่าไม้ตายอมตะหีบไม้ไผ่จะล้มเหลว เขาจะพบกับผลกระทบย้อนกลับ นี่คือจุดอ่อนของมัน

ฟางหยวนตั้งใจทดสอบมัน

แสงสีเขียวหยกส่องประกายขึ้นบนหน้าอกของเขาและสร้างรอยสักรูปป่าไผ่ขึ้นครึ่งหนึ่งก่อนจะเลือนหายไปขณะที่ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับ

จิตใจของเขาไม่ได้รับความเสียหาย นี่ไม่ใช่ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริงแต่มันเป็นเส้นทางแห่งไม้

ดังนั้นท่าไม้ตายอมตะที่บไม่ไผ่จึงมีประโยชน์ในการอนุมานเรื่องที่มีเป้าหมายชัดเจน ความยากของมันต้องไม่สูงนัก มิฉะนั้นท่าไม้ตายจะล้มเหลว ผู้ใช้งานอาจได้รับบาดเจ็บ

นอกจากท่าไม้ตายอมตะหีบไม้ไผ่ ฟางหยวนยังสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอื่น

มันคือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งโชค กลยุทธ์โชค

ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะออกแบบโชคระดับหกเป็นแกนกลาง มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งโชคที่ส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งปัญญา

ท่าไม้ตายอมตะกลยุทธ์โชคจะช่วยผู้อมตะคิดกลยุทธ์การต่อสู้

ผู้อมตะส่วนใหญ่บ่มเพาะบนเส้นทางสายเดียว ดังนั้นมันจึงมีท่าไม้ตายจํานวนมากที่เลียนแบบเส้นทางสายอื่น

แต่พวกเขามักสร้างท่าไม้ตายเหล่านี้ขึ้นมาด้วยรากฐานที่จํากัด แม้พวกเขาจะสามารถคิดค้น แต่พวกมันมักจะมีจุดอ่อนที่ชัดเจน

เปรียบเทียบกับวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง พวกมันยังด้อยกว่า

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท