เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1788 ความยากลําบากของฝ่ายธรรมะ

บทที่ 1788 ความยากลําบากของฝ่ายธรรมะ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1788 ความยากลําบากของฝ่ายธรรมะ

ตระกูล

ในห้องที่มีแสงสลัว

วูหยงนั่งนิ่งราวกับรูปปั้นด้วยการแสดงออกที่มืดครึ้ม

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลยังอยู่ในมือของเขา

ก่อนหน้านี้บรรยากาศในห้องประชุมของฝ่ายธรรมะของภาคใต้ร้อนแรงราวกับตลาดสด ผู้อม ตะตระกูลเซียและตระกูลปากรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและหมดหนทาง

คนส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด พวกเขาต้องการระบายความตกใจและความหวา ดกลัวของตนเอง

“นี่เป็นไปได้อย่างไร!?”

“ฟางหยวนซุ่มโจมตีพวกเราและได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ เขาจับตัวผู้อมตะทั้งหมด!”

“ตอนนี้เราควรทําอย่างไร? สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของภาคใต้”

“หากข่าวหลุดออกไป ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ของเราจะกลายเป็นตัวตลกของทั้งห้าภูมิภาค!”

“ชื่อเสียงไม่สําคัญอีกต่อไป สิ่งสําคัญคือคนของเราอยู่ในมือเขา!”

“ก่อนหน้านี้ฟางหยวนทิ้งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเอาไว้เบื้องหลัง ไม่ใช่ว่าเขากําลังรอ คําตอบจากพวกเรางั้นหรือ?”

“ถูกต้อง แต่เขาไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย เราทําได้เพียงรองั้นหรือ?”

บทสนทนาของคนเหล่านั้นยังดังอยู่ในใจของวูหยง

“ฮีม พวกไร้ประโยชน์ พึ่งจะมาพูดคุยกันตอนนี้!”

รูหยงกันเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ

“นี่ค่อนข้างลําบาก”

“ฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป”

“แม้ข้าจะปฏิเสธการขู่กรรโชกของเขา แต่ตระกูลเซียและตระกูลปาไม่ยอมเพราะผู้อาวุโสสู งสุดลําดับที่หนึ่งของพวกเขาคือคนที่ถูกจับ”

“แผนการของวังสวรรค์ไร้ประโยชน์เช่นกัน ฮีม การติดต่อจื่อเว่ยเป็นความพยายามที่สูญเปล่า อย่างแท้จริง!”

“แต่นี่ไม่ใช่เพราะวังสวรรค์อ่อนแอ มันเป็นเพราะฟางหยวนแข็งแกร่งเกินไป”

“เผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัว มีเพียงจื่อชิวหยูที่สามารถรักษาความสงบ”

วูหยงจําได้อย่างชัดเจน จ่อชิวหยูสงบมาก เขาเป็นคนแรกที่เสนอแผนการไล่ล่าฟางห ยวน นั้นเป็นทัศนคติที่ถูกต้องของสมาชิกฝ่ายธรรมะ

แต่วหยงไม่รู้ว่าจ่อชิวหยูกําลังบังคับให้ตนเองสงบ ในความเป็นจริงเขาตกใจและกังวลเช่นกัน

เขาแสร้งเสนอการไล่ล่าฟางหยวนเพื่อปกปิดความรู้สึกของตนเอง

“ฟางหยวนชนะงั้นหรือ?”

“ไม่เพียงเขาจะได้รับชัยชนะ แต่เขายังจับผู้อมตะระดับแปดสองคนและผู้อมตะระดับเจ็ดอี กมากมาย!”

นี่คือความคิดที่แท้จริงของจือชิวหยู

ก่อนการต่อสู้ครั้งนี้หากบางคนบอกเรื่องนี้กับจือชิวหยู เขาคงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก

แต่ตอนนี้จือชิวหยูกลับไม่สามารถหัวเราะ

จ่อชิวหยุไม่กล้าเชื่อแต่หลักฐานที่ลั่วเว่ยหยินแสดงให้พวกเขาเห็นเป็นสิ่งที่ไม่สา มารถปฏิเสธ เขาต้องยอมรับมันเท่านั้น

ฟางหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เพียงฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะตกสู่ ความโกลาหล กระทั้งจือชิวหยูยังรู้สึกเหมือนตนเองถูกฟางหยวนจับเช่นกัน

ฟางหยวนชนะโดยใช้อาณาจักรแห่งความฝัน

และอาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้ถูกมอบให้เขาโดยจ่อซิวหยู!

อาจกล่าวได้ว่าจือชิวหยูเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวน เขากลายเป็นคนทรยศ ของภาคใต้

ก่อนหน้านี้จือชิวหยูไม่เคยคิดว่าฟางหยวนจะใช้อาณาจักรแห่งความฝันเพื่อจัดการผู้อมตะภาคใต้

เขาไม่สามารถจินตนาการถึงเรื่องนี้

ประการแรก การทําธุรกรรมกับฟางหยวนทําให้ตระกูลจื่อได้รับประโยชน์มากเกินไป ความ โลภทําให้ลื่อชิวหยูตาบอด

ประการที่สอง การต่อสู้ก่อนหน้านี้ฟางหยวนต้องหลบหนีจากการระเบิดของกายาแห่ง ความฝัน จ่อชิวหยูรู้สึกว่ามีโอกาสไม่มากที่ฟางหยวนจะใช้วิธีนี้

“แต่ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะมีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยอดเยี่ยม!”

“หากไม่ใช่เพราะค่ายกลนี้หยุดการเคลื่อนไหวของผู้อมตะ เขาจะประสบความสําเร็จในการใช้ อาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างไร

“ในความเป็นจริงค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือ ความสามารถในการปกปิดของมัน ฟางหยวนไม่เคยใช้งานค่ายกลนี้มาก่อน มันไม่เคยถูกค้นพบ”

จ่อชิวหยูรู้สึกปวดหัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

เขาเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาย่อมเข้าใจเรื่องนี้โดยธรรมชาติ

ค่ายกลในแต่ละเส้นทางมีจุดแข็งและจุดอ่อนของพวกมันเอง ค่ายกลบนเส้นทางแห่งกาลเวลา จะส่งผลกระทบด้านเวลา ฟางหยวนใช้สิ่งนี้เพื่อต่อสู้กับศัตรูทั้งกลางวันและกลางคืนแต่เวลาของ โลกภายนอกผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามค่ายกลบนเส้นทางแห่งกาลเวลามักไม่มีความสามารถในการปกปิด มันไม่เหมือน ค่ายกลบนเส้นทางแห่งความมืด เส้นทางแห่งภูตผี หรือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

เมื่อค่ายกลบนเส้นทางแห่งกาลเวลาถูกจัดตั้งขึ้นในที่โล่ง มันจะถูกค้นพบอย่างง่ายดาย

แต่ฟางหยวนซ่อนสิ่งนี้ไว้ได้อย่างไร

จ่อชิวหยูไม่เข้าใจเรื่องนี้ ในเวลาเดียวกันเทพธิดาจื่อเว่ยที่อยู่ในวังสวรรค์สามารถหาคําตอบ

นางพึ่งสิ้นสุดการอนุมาน

“มันควรเป็นการจัดเตรียมของนิกายเงา”

“นิกายเงากระจัดกระจายอยู่ทั้งห้าภูมิภาค พวกเขาซ่อนตัวอยู่ภายใต้กองกําลังพันธมิตร ผีดิบ พวกเขาพยายามค้นหาสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและใช้ร่องรอยของพลังงานแห่ งเต่ในสภาพแวดล้อมเพื่อจัดตั้งค่ายกล”

“ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนใช้ครั้งนี้มีความสามารถในการปกปิดขณะที่เขาใช้มันได้อ ย่างสมบูรณ์

“เขาเพิ่มเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไปและใช้อาณาจักรแห่งความฝันจับผู้อมตะทั้งหมดในครั้ง เดียว!”

เทพธิดาจื่อเว่ยแสดงออกด้วยใบหน้ามืดครื้ม

ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจ

หากนางรู้เรื่องนี้ นางจะบอกผู้อมตะภาคใต้เกี่ยวกับการตายของเฉินอี้และจักรพรรดินีอลู รสายฟ้า

ตราบเท่าที่ผู้อมตะภาคใต้รู้ถึงการตายของเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า พวกเขาจะระวัง ฟางหยวนมากขึ้น

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเทพธิดาจื่อเว่ยทําผิดเพราะนางต้องพิจารณาภาพรวมอย่างถี่ถ้วน

แรกเริ่มเทพธิดาจอเว่ยยังหวังว่าเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าอาจยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น นางจึงไม่เปิดเผยเรื่องนี้

เมื่อเวลาผ่านไปเทพธิดาอเว่ยตระหนักว่าเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าตายไปแล้วจริงๆ

นางเลือกที่จะปกปิดข้อมูลนี้เพราะนางไม่ต้องการเพิ่มชื่อเสียงให้กับฟางหยวน นางเกรงว่าผู้ อมตะอีกสี่ภูมิภาคจะประนีประนอมกับฟางหยวน

ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด อิทธิพลของเขาสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ

อีกสี่ภูมิภาคไม่เหมือนภาคกลาง พวกเขาไม่สามารถรวมเป็นหนึ่ง มันง่ายที่พวกเขาจะถูก บังคับให้สร้างข้อตกลงหรือทําธุรกรรมลับๆกับฟางหยวน

เทพธิดาจ่อเว่ยคิดไม่ผิด ตระกูลถังของทะเลทรายตะวันตกและตระกูลจื่อของภาคใต้กําลังทํา สิ่งนี้

เทพธิดาจอเว่ยปกปิดข้อเท็จจริงนี้เพื่อให้แน่ใจว่าอีกสี่ภูมิภาคจะต่อต้านฟางหยวนโดยไม่ คํานึงถึงผลลัพธ์ เมื่อทั้งสองฝ่ายพบความสูญเสีย วังสวรรค์จะกลายเป็นฝ่ายที่ได้รับผลประโยชน์

ในเวลาเดียวกันวังสวรรค์จะสามารถอนุมานตําแหน่งของฟางหยวนและดําเนินการกําจัดปีศาจตนนี้

เทพธิดาจื่อเว่ยวางแผนได้ดี นางมองการณ์ไกลและเตรียมตัวสําหรับสงครามห้าภูมิภาค

แต่สถานการณ์กลับไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนาง

ฟางหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ เขาจับผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมด!

“แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาสามารถใช้รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา และครั้งนี้เขายังใช้การจัดเตรียมของนิกายเงา”

“ผลลัพธ์คือชัยชนะที่ท่วมท้นของเขา การเตรียมการของเราไม่แม้แต่จะมีเวลาใช้งาน”

เทพธิดาจื่อเว่ยกัดฟันแน่น

ฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป

การจัดการเขายากลําบากมากขึ้นเรื่อยๆ

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกหมดหนทาง

ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่นางกลับไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขา

เหตุผลหนึ่งคือเขาฝึกฝนหลายเส้นทางเกินไป

กล่าวถึงเส้นทางแห่งปัญญา

ฟางหยวนมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา

แม้เทพธิดาจื่อเว่ยจะอนุมานอย่างเต็มที่แต่นางก็ไม่สามารถสรุปตําแหน่งของฟางหยวน

โดยปกติผู้อมตะที่ไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาจะถูกค้นพบอย่างง่ายดายผ่านการอนุมาน

เส้นทางแห่งการหลอมรวม

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ ไม่ใช่ทุกคนที่ทําได้

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ผู้อมตะจําเป็นต้องมีความสําเร็จบนเส้น ทางแห่งการหลอมรวมอย่างน้อยระดับปรมาจารย์

เส้นทางแห่งความฝัน

ฟางหยวนเดินทางมาจากอนาคต เขามีวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝันมากมาย

ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาใช้วิธีเหล่านี้เพื่อหลบหนีจากอันตรายและเอาชีวิตรอด

เส้นทางแห่งค่ายกล

การซุ่มโจมตีครั้งนี้ ฟางหยวนแสดงให้เห็นถึงความสําเร็จที่น่าทึ่งบนเส้นทางแห่งค่ายกล

เพื่อเพิ่มเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ เขาต้องมีความสําเร็จบนเส้ นทางแห่งค่ายกลอย่างน้อยระดับปรมาจารย์เอก

“แน่นอนว่านี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของการจัดเตรียมของนิกายเงา แต่เหตุใดฟางหยวนจึง ไม่ใช่มันก่อนหน้านี้”

“มีความเป็นไปได้อีกประการ หลังจากฟางหยวนกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หนึ่งในผู้อม ตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่เขารับเข้าไปมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลระดับปรมาจารย์เอก”

“ข้าไม่มีเบาะแสที่เพียงพอ…”

สายตาของเทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นเย็นเยียบ

นางลุกขึ้นและเดินทางไปพบเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ค้นวิญญาณ!

ไม่นานหลังจากนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยก็พยักหน้าพึงพอใจ

นางค้นพบความลับมากมายเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณอมตะของนิกายเงาจากความทรงจําของ เทพปีศาจจิตวิญญาณ

“มันเป็นค่ายกลที่มีความสามารถในการปกปิดที่แข็งแกร่ง แต่มันไม่มีพลังในการอัญเชิญอ สูรปี ฟางหยวนเพิ่มความสามารถนี้เข้าไปในภายหลัง

เทพธิดาจื่อเว่ยคิด

แต่นางไม่รู้ตัวว่าแสงสีดําที่เคยเป็นจุดแสงเล็กๆในดวงตาของนางขยายขอบเขตขึ้นในเวลานี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท