เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1783 การซุ่มโจมตีครั้งที่สอง

บทที่ 1783 การซุ่มโจมตีครั้งที่สอง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1783 การซุ่มโจมตีครั้งที่สอง

ข้อมูลล่าสุดถูกส่งมายังจื่อชิวหยู เขายืนอยู่ที่หน้าต่างและมองไปยังภูเขาด้านนอก

“โอ้ พวกเขาจับฟางหยวนได้แล้วงั้นหรือ? ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะหนีไม่พ้น สายตาของจื่อชิวหยูสั่นไหว

“ฟางหยวนพยายามก้าวข้ามภัยพิบัติที่ภาคใต้และทิ้งร่องรอยไว้เบื้องหลัง แม้เขาจะต้องการก้าวเข้าสู่ระดับแปด นี่ก็ประมาทเกินไป”

“แต่มันช่วยไม่ได้…เขาบังคับให้วังสวรรค์ล่าถอยและทําธุรกรรมกับข้า การเดินทางของเขาราบรื่นมาก เขามีความมั่นใจมากเกินไปและเริ่มดูถูกฝ่ายธรรมะของภาคใต้”

“สิ่งสําคัญคือลั่วเว่ยหยิน หากเขาไม่เข้าร่วมกับฝ่ายธรรมะของภาคใต้ เราจะไม่สามารถจับตัวฟางหยวนได้โดยง่าย สมกับเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาสามารถค้นหาตําแหน่งของฟางหยวนจากปราณพิภพที่ถูกทิ้งไว้ เขาเป็นคนที่น่าประทับใจจริงๆ”

จื่อชิวหยูถอนหายใจ

ลั่วเว่ยหยินเข้าแทรกแซงและทําให้สถานการณ์ของภาคใต้กลายเป็นซับซ้อน

ครั้งนี้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไล่ล่าฟางหยวนโดยมีผู้อมตะระดับแปดจํานวนสามคนรวม ถึงลั่วเว่ยหยิน นี่ทําให้โอกาสประสบความสําเร็จสูงขึ้นอีกมาก

หากพวกเขาทําสําเร็จ ชื่อเสียงของลั่วเว่ยหยินจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจะกลายเป็นบุคคลที่ทุกคนต้องให้ความสําคัญ

ในความเป็นจริงถั่วเว่ยหยินมีปฏิสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้มาก่อนหน้านี้แล้ว

ถ้ําสวรรค์ของเขาเป็นจุดรวมตัวของเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ของภาคใต้ เขานํามนุษย์กลายพันธุ์ที่ถูกข่มเหงโดยมนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ในถ้ําสวรรค์ของเขา

ตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ มนุษย์กลายพันธุ์จํานวนมากกลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว

สิ่งนี้ทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ของภาคใต้ไม่มีความสุขและวิตกกังวล แต่ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาจึงต้องสานต่อเจตนารมณ์และความทะเยอทะยานของเทพอมตะสวรรค์พิภพ ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่สามารถสร้างปัญหาให้กับเขา

ลั่วเว่ยหยินถูกผลักออกจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้มาตลอด นี่เป็นข้อตกลงโดยปริยายของทุกคน

แต่ไม่นานมานี้ถั่วเว่ยหยินมักปรากฏตัวและสร้างชื่อเสียง เขายังอาสาที่จะช่วยตามหาฟางหยวน หากเรื่องนี้ประสบความสําเร็จ ความพยายามของเขาจะไม่สูญเปล่า เขาจะได้รับอํานาจบางอย่างในฝ่ายธรรมะของภาคใต้

จื่อชิวหยูมองสถานการณ์ของฟางหยวนในแง่ร้าย

แม้ฟางหยวนจะสามารถต่อต้านวังสวรรค์และกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่ทุกคนคิดว่า นี่เป็นเพราะวังสวรรค์ประเมินรากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาต่ําเกินไป

สิ่งสําคัญที่สุดคือวังสวรรค์ไม่ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงที่ว่าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและเฉินอี้เสียชีวิต

สิ่งนี้ทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้รู้สึกมั่นใจในตัวเอง

ความมั่นใจของพวกเขาไม่ได้ไร้เหตุผล

พวกเขาเคยไล่ล่าฟางหยวนและทําให้เขาต้องหลบหนีออกจากภาคใต้ราวกับสุนัขที่ถูกทุบตี หากไม่ใช่เพราะการแทรกแซงของฟงจิวเก้อ ฟางหยวนคงตายไปแล้ว

จื่อชิวหยูกังวลและระวังลั่วเว่ยหยินมากขึ้น เขาเริ่มคิดว่าเขาจะจัดการกับผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพผู้นี้อย่างไรในอนาคต

สําหรับฟางหยวน?

จื่อชิวหยูรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

ไม่ว่าฟางหยวนจะอยู่หรือตาย ตราบเท่าที่เขาจบลงในมือของกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ธุรกรรมระหว่างฟางหยวนกับจือชิวหยูจะหยุดลง

สิ่งนี้ขัดต่อผลประโยชน์ของตระกูลจือ

ดังนั้นจื่อชิวหยูจึงรู้สึกเสียใจ

แม้ฟางหยวนจะเคยโจมตีแหล่งทรัพยากรของตระกูลจื่อและทําให้พวกเขาพบกับความสูญเสีย แต่จื่อชิวหยูไม่รู้สึกอุ่นเคืองกับเรื่องนี้

ในความคิดเห็นของเขา งานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันที่เขาได้รับสามารถชดเชยความสูญเสียเหล่านั้น

แม้ฟางหยวนจะนําหลักฐานที่ชัดเจนออกมา แต่มันก็เป็นเพียงการทําธุรกรรมระหว่างจื่อชิวหยูกับฟางหยวน

หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ตระกูลจื่ออาจสูญเสียอาณาเขตเล็กน้อย แต่รากฐานที่แท้จริงของพวกเขาจะไม่สั่นคลอน

ในทางตรงข้ามหากจื่อชิวหยูแจ้งเตือนฟางหยวนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ นั่นจะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป

เขาจะกลายเป็นคนทรยศ!

หากเขาถูกเปิดเผย แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เขาและตระกูลจื่อก็ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากฝายธรรมะของภาคใต้ ตระกูลจื่ออาจถูกลบออกไป

ในฐานะตัวตนระดับสูงของฝ่ายธรรมะของภาคใต้ จื่อชิวหยูมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับจุดยืนของเขาในสถานการณ์นี้

เขาจะไม่ทําเรื่องผิดพลาด

หากเขาบอกฟางหยวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะถูกเปิดเผยหรือไม่ ฟางหยวนก็จะครอบครองหลักฐานที่ว่าจ่อชิวหยูเป็นคนทรยศ

นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางหยวนก็เป็นเพียงใช้ประโยชน์จากกันและกัน พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีมากพอให้จื่อชิวหยูเสี่ยงโดยใช้ตระกูลจือเป็นสิ่งเดิมพัน

จื่อชิวหยูรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“หากฟาหงยวนถูกจับ ข้าหวังว่าเขาจะไม่เปิดเผยงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน ตระกูลจื่อของเราต้องการเวลาสําหรับการพัฒนา”

“กล่าวตามตรง ฟางหยวนมีพรสวรรค์ที่น่าทิ้ง น่าเสียดายที่เขาต้องจบลงเช่นนี้ หากเขาสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ สถานการณ์ของทั้งห้าภูมิภาคจะน่าสนใจมาก”

ตัวตนระดับสูงต้องมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดา

จื่อชิวหยูคิดถึงตอนจบของฟางหยวนที่ใกล้เข้ามาและรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าสมเพช

ในเวลาเดียวกัน ณ ที่ใดที่หนึ่งในภาคใต้

ฟางหยวนถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะภาคใต้

ผู้นํากลุ่มคือผู้อมตะระดับแปดเซี่ยซา นางเผยรอยยิ้มเย็นชา “ปีศาจฟางหยวน ในที่สุดเจ้าก็ตกอยู่ในมือของข้า”

ฟางหยวนมองนางและคิด “ยังกล่าวประโยคเดิมๆ ตามความทรงจําของข้า เขาจะ หัวเราะเป็นรายต่อไป”

เป็นไปตามความคาดหมาย ผู้อมตะตระกูลเฉิง เฉินหูจางที่ยืนอยู่ด้านข้างเซี่ยชาเริ่มหัวเราะ “ท่านลั่วเว่ยหยินช่างยอดเยี่ยมนัก ในที่สุดเราก็พบปีศาจตนนี้!”

ฟางหยวน รอยยิ้มของเขาดูเกินจริงยิ่งกว่าครั้งก่อน”

“ฆ่าปีศาจตนนี้ แก้แค้นให้กับฝ่ายธรรมะของภาคใต้!” ไท่ชิวจงตะโกนเสียงดังด้วยเจตนาสังหาร

ฟางหยวน โอ้ ในที่สุดบางคนก็มีการเปลี่ยนแปลงแต่มันแทบไม่มีความแตกต่าง

“ในที่สุดเราก็สามารถจับฟางหยวน” หลิวห่าวคิด เขาเป็นสายลับของวังสวรรค์ เขามีวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ หากฟางหยวนแสดงสัญญาณที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะเกี่ยวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่มีวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติเป็นแกนกลางทันที

หลิวห่าวรู้สึกประหม่ามากขึ้นหากเปรีนบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า

ในชีวิตก่อนหน้า เขาสามารถใช้วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติโดยตรง แต่ครั้งนี้ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะไข่มุกหยก หลิวห่าวไม่สามารถใช้เพียงวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติตอบโต้ฟางหยวน เขาต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะเท่านั้น

วังสวรรค์ไม่ขาดแคลนท่าไม้ตายเหล่านี้ แม้พวกเขาจะไม่มี เทพธิดาจื่อเว่ยก็สามารถคิดค้น

หลิวห่าวรู้สึกประหม่าเพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายนี้ หากเขาใช้มันระหว่างการต่อสู้ มันอาจล้มเหลว

หากท่าไม้ตายอมตะล้มเหลว เขาจะทําให้วังสวรรค์ผิดหวัง นั่นยังเป็นเรื่องที่น่าละอาย

“อย่ากังวล ข้าอยู่นี่” ผู้อมตะระดับเจ็ดลอบส่งเสียงมาหาหลิวห่าว หลิวห่าวมองไปทางคนผู้นั้น

“อย่ามองข้า!” ผู้อมตะระดับเจ็ดตะโกนเสียงเย็น

หลิวห่าวกลอกตา คนผู้นี้คือผู้อมตะระดับแปดของตระกูลปา ปาซื่อปา ตอนนี้เขาปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

“รวมคนผู้นี้ เราก็มีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญาณอมตะ หากการต่อสู้ปะทุขึ้น ข้าจะมีโอกาสใช้ท่าไม้ตายของข้าอย่างสงบ” หลิวห่าววิเคราะห์อยู่ในใจ

อย่างไรก็ตาม

“ครืน!”

ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นการทํางาน ผู้อมตะภาคใต้ถูกขังอยู่ภายใน

“อันใด!?” ดวงตาของหลิวห่าวแทบหลุดออกมาจากเบ้า เขากรีดร้อง “เหตุใดจึงมีค่ายกลวิญญาณอมตะอยู่ที่นี่!?”

ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนแปลงไป

“นี่คือกับดัก!” บางคนตะโกน

ลั่วเว่ยหยินเงียบขณะที่สายตาของเซี่ยชาเย็นชามากขึ้นเรียอๆ

“ใจเย็น! เรามีความได้เปรียบด้านจํานวน!”

“ถูกต้อง เรามีท่านหญิงเซี่ยชาและท่านลั่วเว่ยหยิน เราไม่จําเป็นต้องกลัวเขตแดนอมตะ!”

หลิวห่าวตกตะลึง “ถูกต้อง ค่ายกลวิญญาณอมตะจะจัดตั้งได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร? มันเร็วเกินไป นี่ต้องเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ แต่ฟางหยวนค่อนข้างโง่ หลังจากใช้เขตแดนอมตะ เขาจะไม่สามารถหลบหนี!”

ผู้อมตะภาคใต้ล้วนเป็นคนฉลาด ไม่นานพวกเขาก็สามารถสงบจิตใจ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ลั่วเว่ยหยินเปิดปากกล่าว “นี่ไม่ใช่เขตแดนอมตะ มันคือค่ายกลวิญญาณอมตะที่ยอดเยี่ยม”

“ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา” เซี่ยชากล่าวเสริม

ริมฝีปากของหลิวห่าวกระตุก เขาคิด “หลังจากพูดคุยกันมานาน มันยังคงเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะ!”

“พวกเจ้าทั้งสองค่อนข้างฉลาด” ฟางหยวนยิ้มก่อนจะสบัดแขนเสื้อ

“โฮก…”

เสียงคํารามดังขึ้นก่อนที่กองทัพอสูรจะพุ่งออกมาจากเกลียวแสงขนาดใหญ่

ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็หายตัวไป

อสูรปีมีสติปัญญาไม่สูงนัก เมื่อพวกมันเห็นกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ พวกเขาพุ่งเข้าโจมตีพวกเข ทันที

“ฆ่าพวกมันให้หมด!” เซี่ยชากล่าวอย่างเย็นชา

ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มต่อสู้กับกองทัพอสูรปี

หลิวห่าวสะบัดมือส่งมีดบินจํานวนนับไม่ถ้วนออกไปแยกร่างอสูรปีออกเป็นชิ้นๆ

ฟางหยวนที่ยืนมองอยู่วิเคราะห์ “สายลับของวังสวรรค์ยังอยู่ที่นี่ ข้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์มากนัก วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติควรจะอยู่ในมือของเขา”

หลิวห่าวคิด “ดูเหมือนจะมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่ ฟางหยวนพยายามใช้วิธีเดิมอีกครั้ง เขาเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่คล้ายกันนี้ต่อสู้กับฟงจิวเก้อ แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท