เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง

บทที่ 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง

บทที่ 1782 เรียนรู้มรดกที่แท้จริง

วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนมีมากมาย เขาไม่ต้องการท่าไม้ตายอมตะหีบไม้ไผ่และกลุยทธ์โชค เขาเพียงฝึกฝนท่าไม้ตายเหล่านี้เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์และมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดเท่านั้น

ในช่วงเวลาเหล่านี้เขายังค้นคว้าเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์และบรรพชนผมยาว

เกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ เขาเริ่มสร้างท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมระดับหก เขาไม่ได้ลงทุนกับเรื่องนี้มากนักเพราะเขาไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่เหมาะสมรวมถึงความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไม้

เขาให้ความสําคัญกับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวรรค์มากกว่า

โชคของตนเองเป็นหนึ่งในสามมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด มันทําให้เขาสามารถควบคุมโชคของตนเอง

แก่นแท้ของมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์คือวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระ ดับแปด ฟางหยวนกําลังพยายามหาวิธีปลดผนึกมัน

ทั้งสองมรดกยังกล่าวถึงรายละเอียดพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนบนเส้นทางแห่งโชคและเส้นทางแห่งการโจรกรรม ด้วยการทําความเข้าใจเส้นทางที่เทพทั้งสองสร้างขึ้น ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์อย่างมาก

‘โชคคือสิ่งใด?’ บางคนถามเทพอมตะตะวันเดือด

เขาตอบ ‘หากกล่าวเรื่องโชคต้องพูดถึงโชคชะตา’

ก่อนหน้าเทพปีศาจบัวแดงไม่มีเส้นทางแห่งโชค

หลังจากเทพปีศาจบัวแดงทําลายวิญญาณชะตากรรม การเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดจึงเกิดขึ้นกับโลกใบนี้

ผู้คนค้นพบโชคครั้งแรกจากปราณมนุษย์

ผู้ใช้วิญญาณต้องสร้างสมดุลระหว่างปราณสวรรค์ ปราณพิภพ และปราณมนุษย์เพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ยิ่งปราณมนุษย์หนาแน่นมากเท่าใด มิติช่องว่างของพวกเขาก็ยิ่งมีศักยภาพมากเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงให้ความสําคัญกับปราณมนุษย์และเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับโชค

ผู้คนค้นพบว่าโชคและโชคชะตามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและตรงไปตรงมา

แต่การเชื่อมต่อของพวกมันคือสิ่งใด?

เทพอมตะตะวันเดือดอธิบายมุมมองของเขาว่า “โชคชะตาคงที่แต่โชคแปรผัน”

โชคดีคือสิ่งใด?

โชคดีเป็นตัวแปรเชิงบวกสําหรับคนผู้หนึ่ง

แล้วโชคร้ายคือสิ่งใด?

โชคร้ายเป็นตัวแปรเชิงลบสําหรับคนผู้หนึ่ง

หากโชคที่อยู่ในปราณมนุษย์เป็นโชคดี คนผู้นั้นจะได้รับประโยชน์ หากโชคที่อยู่ในปราณมนุษย์เป็นโชคร้าย คนผู้นั้นจะประสบความสูญเสีย แต่ไม่ว่าโชคจะดีหรือร้าย พวกมันก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโชคชะตา

โชคชะตาเป็นสิ่งที่แน่นอนและไม่สามารถแก้ไข มันเป็นสิ่งที่คนผู้หนึ่งต้องประสบพบเจออย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง แต่โชคเป็นตัวแปร มันสามารถเปลี่ยนแปลง ผลลัพธ์ที่แท้จริงจะถูกตัดสินหลังจากรวมปัจจัยที่ส่งอิทธิพลอื่นๆเข้าไปทั้งหมด

หากคนผู้หนึ่งโชคร้าย พวกเขาตะต้องมีความแข็งแกร่งและสติปัญญาที่สามารถพลิกสถานการณ์ ด้วยสิ่งเหล่นี้พวกเขายังสามารถบรรลุเป้าหมาย

หากคนผู้หนึ่งโชคดีแต่โง่และอ่อนแอ พวกเขาจะไม่สามารถฉกฉวยโอกาสและจะล้มเหลวในที่สุด

มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือดยังกล่าวถึงรูปร่าง ขนาด และสีของโชคประเภทต่างๆ

บางประเภทโชคดีมาก บางประเภทโชคดีน้อย

โดยปกติยิ่งคนผู้หนึ่งมีระดับการบ่มเพาะสูงและรากฐานแข็งแกร่งเท่าใด โชคของพวกเขาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

สีหลักๆของโชคที่พบบ่อยเจ็ดสีได้แก่ สีดํา สีเทา สีขาว สีแดง สีทอง สีฟ้า และสีม่วง แต่มีบางสีก็ไม่ธรรมดาเช่น สีชมพู หรือสีแดงเลือด

โชคมีรูปร่างและขนาดที่หลากหลาย มันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โชคของมนุษย์ธรรมดามักมีรูปร่างธรรมดาทั่วไปขณะที่โชคของอัจฉริยะจะมีรูปแบบที่หายากกว่า

ตัวอย่างเช่นฟางหยวนเคยมีโชคโลงศพสีดํา โชคของเขาเป็นสีดําเหมือนน้ําหมึก มันรวมตัวกัน และก่อตัวเป็นรูปโลงศพขนาดใหญ่ปกคลุมร่างกายทั้งหมดของเขาเอาไว้ มันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมาและเต็มไปด้วยความโชคร้าย

สําหรับหงอี้ เย่ฟาน และฮันหลี่ คนเหล่านี้มีโชครูปแบบพิเศษเช่นกัน

มรดกโชคของตนเองให้ความสําคัญกับการจัดการโชคของตนเอง มันสามารถเปลี่ยนรูปร่าง ขนาด และสีของโชค

ตัวอย่างเช่นหากคนผู้หนึ่งต้องการโชคเกี่ยวกับเพศตรงข้าม พวกเขาจะสร้างโชคดอกท้อ

หากพวกเขาต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะเช่นหินวิญญาณ พวกเขาสามารถสร้างโชคที่มั่งคั่ง

หากพวกเขาโชคร้าย พวกเขาสามารถใช้วิธีต่างๆเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน

มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือดครอบคลุมมากขณะที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เรียบง่ายและสั้นมาก

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมไม่ใช่การได้มาโดยปราศจากความพยายาม นอกจากนั้นมันยังเป็นเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุด!”

“หากผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะต้องการวิญญาณระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะ ไม่ว่าพวกเขาจะหลอมรวม แลกเปลี่ยน หรือปล้นมันมา วิธีการเหล่านี้ล้วนมีราคาที่ต้องจ่ายและมีความเสี่ยง”

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมมีเป้าหมายที่การขโมยวิญญาณ วิธีนี้สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงแต่มีประสิทธิภาพสูง!”

แก่นแท้ของวิญญาณคือสิ่งใด?

มันคือพลังงานแห่งสวรรค์พิภพ

การขโมยวิญญาณคล้ายกับการขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ดังนั้นท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋าจึงถูกสร้างขึ้น

นอกจากนี้ยังมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต อายุขัยถือเป็นรูปแบบหนึ่งของเต๋ที่อยู่ในร่า งกายวิญญาณอมตะขโมยชีวิตจะขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านั้นออกมาจากร่างกายของคนผู้หนึ่งและลดอายุขัยของพวกเขา

“อย่าคิดว่าเส้นทางแห่งการโจรกรรมไร้ยางอายหรือเลวร้าย”

“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมอง”

“ตัวอย่างเช่นวังสวรรค์บังคับให้สมาชิกของพวกเขามอบมิติช่องว่างให้กับวังสวรรค์ โดยพื้นฐานแล้วมันคือการส่งมอบผลงานของการบ่มเพาะตลอดชีวิต ในแง่มุมของเส้นทางแห่งการโจรกรรม มันหมายความว่าวังสวรรค์ขโมยผลงานของการบ่มเพาะตลอดชีวิตของผู้อมตะ แต่บางคนกลับคิดว่ามันเป็นรูปแบบหนึ่งของความรุ่งโรจน์ พวกเขายอมตายเพื่อให้ได้รับโอกาสนี้”

“มนุษย์ธรรมดาสามารถขโมยผลงานการบ่มเพาะของผู้อมตะได้เช่นกัน เรื่องนี้เห็นได้จากการรับสืบทอดมรดกที่ผู้อมตะทิ้งไว้ แต่โลกใบนี้ถือว่ามันเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นวัฒนธรรมไปในที่สุด”

“การขโมยเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่ง การสร้างองค์กร การ สร้างกฎเกณฑ์ การสร้างเกียรติยศ การใช้อารมณ์ หรือวัฒนธรรม ทุกสิ่งล้วนเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งการโจกรรม”

“วิธีบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมที่ทรงพลังที่สุดคือการดูดซับ”

“เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์ถูกทําลาย ลมมรณะจะพัดมากและเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นความว่างเปล่า ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จะถูกดูดซับโดยสวรรค์พิภพ”

“กล่าวได้ว่าหัวขโมยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือโลกใบนี้นั่นเอง”

“มันขโมยผลงานการบ่มเพาะของอัจฉริยะจํานวนนับไม่ถ้วนจากรุ่นสู่รุ่น มันสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสร้างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ชนิดใหม่ มันกระทั่งขโมยข้ามาจากอีกโลกหนึ่งและทําให้ข้ากลายเป็นปีศาจต่างโลก มันขโมยอายุขัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและ ทําให้แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้จะต้องตาย”

“เส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าคือการเลียบแบบสวรรค์และโลกใบนี้! ใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรวบรวมผลประโยชน์และสนับสนุนตนเอง…”

หลังจากทําความเข้าใจข้อความเหล่านี้ ฟางหยวนรู้สึกถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ภาพลักษณ์ของเส้นทางแห่งการโจรกรรมในใจของเขาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

เทพปีศาจปล้นสวรรค์มีแนวความคิดที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เขาไม่ใช่คนโลกสวยแต่เขามอง โลกจากความเป็นจริง เขาใช้แนวคิดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพื่อทําความเข้าใจโลกใบนี้

เขามีวิสัยทัศน์ที่กว้างใหญ่ เขามีลักษณะเฉพาะตัวในฐานะปีศาจต่างโลก

ผู้ใช้วิญญาณจะเลี้ยงดู ใช้ และหลอมรวมวิญญาณ การบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณก็คือการทําความเข้าใจตนเองและทําความเข้าใจสวรรค์พิภพ

ทุกเส้นทางมีความเข้าใจโลกและตนเองในมุมมองที่แตกต่างกัน

“วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเป็นวิญญาณอมตะดวงแรกของข้า ข้าไม่ได้ปรับแต่งมันด้วยตนเอง”

“ยิ่งข้าใช้มันมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งเข้าใจมันมากเท่านั้น ในที่สุดข้าก็เตรียมการบางอย่างเกี่ยวกับมัน”

“พลังอํานาจของวิญญาณอมตะขโมยชีวิตคือการขโมยอายุขันของผู้อื่น แต่ด้วยท่าไม้ตายที่ข้าสร้างขึ้น มันสามารถเพิ่มอายุขัยของตนเอง แน่นอนว่ามันมีข้อบกพร่อง มันยังด้อยกว่าวิญญาณอายุยืน”

“การใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้ามจะนําอายุขัยของตนเองไปให้เป้าหมาย มันอาจดูโง่เขลาแต่มันมีความหมายที่ลึกซึ้งอยู่ในตัวเอง นั่นคือแก่นแท้ของมรดกที่แท้จริงนี้”

“ผู้สืบทอดของข้า หากเจ้ามีวาสนามากพอที่จะไปถึงขั้นตอนนั้น เจ้าจะสามารถปลดผนึกวิญญาณอมตะขโมยชีวิตของข้าและรับมรดกอื่นๆที่เกี่ยวข้อง”

นี่คือคํากล่าวสุดท้ายของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

ฟางหยวนนิ่งเงียบเป็นเวลานานหลังจากอ่านมัน

แม้เขาจะเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่เขาก็ยังพบปัญหาในการทําความเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคํากล่าวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

ใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้าม?

ฟางหยวนสายศีรษะ เขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับความหมายที่ซ่อนอยู่

จากการอนุมาน เขาต้องการความสําเร็จอย่างน้อยระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพื่อทําความเข้าใจมัน

ก่อนหน้านั้นหากเขาพยายามใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตในทางตรงข้าม มันจะเป็นเพียงการลดอายุขัยของตนเองเท่านั้น

“นอกจากนี้ข้ายังต้องใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเพื่อจัดการผู้อมตะของวังสวรรค์”

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด กระทั่งราชันมังกรยังถูกคุกคามโดยวิญญาณอมตะขโมยชีวิต”

แม้ฟางหยวนจะใช้โอกาสสองครั้งสุดท้ายและทําลายวิญญาณอมตะขโมยชีวิต แต่เขายังมีเคล็ดการหลอมรวมวิญญาณอมตะขโมยชีวิตระดับแปดอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

“แม้ข้าจะใช้โอกาสอีกสองครั้งแต่ข้าก็ยังสามารถหลอมรวมมันขึ้นมาใหม่ในอนาคต”

“อย่างไรก็ตาม”

ฟางหยวนรู้สึกว่าการจัดเตรียมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เกี่ยวกับวิญญาณอมตะขโมยชีวิตมีค่ามาก หากเขาสามารถทําความเข้าใจแก่นแท้ของมัน เขาจะได้รับประโยชน์มหาศาล

ขณะที่ฟางหยวนกําลังฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้กําลังพูดคุยและสร้างข้อตกลง

“เราต้องฆ่าฟางหยวน เขาเป็นปีศาจร้ายที่ไร้กฎเกณฑ์ ครั้งก่อนเขาปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ ตอนนี้เขาปรากฏตัวโดยตรงและทําลายผลประโยชน์ของพวกเรา”

“การแข่งขันชิงทรัพยากรจากร่องลึกใต้พิภพเป็นความขัดแย้งภายในของเรา แต่ฟางหยวนเป็นคนนอก เราต้องร่วมมือกันกําจัดเขา”

“เราต้องระวัง แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาเจ้าเล่ห์และมีรากฐานที่ลึกล้ํา เราไม่สามารถดูแคลนเขา”

“ถูกต้อง โดยเฉพาะหลังจากเขากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าเกรงว่าเขาจะได้รับกองกําลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ ข้าต้องเตือนทุกคนว่าฟางหยวนไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษอีกต่อไป เขามีกองกําลังขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลัง!”

“ผู้อมตะระดับแปดเพียงผู้เดียวยังไม่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัย เราควรส่งผู้อมตะระดับแปดออกไปสองคน”

“ข้าเห็นด้วย”

“ข้าก็เห็นด้วย”

“ตระกูลปาของข้าไม่คัดค้าน”

“ท่านหญิงเซี่ยชาควรเป็นผู้นํากลุ่ม สําหรับผู้อมตะระดับแปดอีกคนควรจะปกปิดตัวตนและให้ความช่วยเหลือในช่วงเวลาสําคัญ”

“เป็นความคิดที่ดี”

“ข้าเห็นด้วย”

“ตกลงตามนั้น”

แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า เนื่องจากฟางหยวนสามารถเอาชนะวังสวรรค์และกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงรู้สึกถึงภัยคุกคามที่มากขึ้นกว่าครั้งก่อน

พวกเขาไม่เพียงส่งเชี่ยชาออกไปแต่ยังส่งผู้อมตะระดับแปดคนที่สองออกไปพร้อมกัน

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่รู้ว่าสิ่งนี้กําลังจะเกิดขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท