เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1789 ข้อสงสัย

บทที่ 1789 ข้อสงสัย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1789 ข้อสงสัย

วังสวรรค์

มันเต็มไปด้วยวิหารจํานวนนับไม่ถ้วน

ด้านหลังวิหารกลางมีหอคอยสูงที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีแสงสีขาว

มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด หอคอยดวงตาสวรรค์

รอบๆหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะหลายคนกําลังจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

ผู้อมตะที่มีร่างกายแข็งแกร่งราวกับเสาหินกําลังเฝ้ามองอยู่ด้านนอก แม้เขาจะกําลังยืนอยู่ แต่เขาให้ความรู้สึกเหมือนเสาที่สามารถค้ํายันท้องฟ้าทั้งหมด

มันคือราชันมังกร!

“ท่านราชันมังกร” เทพธิดาจื่อเว่ยเดินเข้ามาหาราชันมังกร

“ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอยู่ในมือของฟางหยวน นั่นหมายความว่าเขารู้รายละเอียดของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวม ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของวังสววรรค์จําลองมากจากหม้อหลอมรวม ดังนั้นข้าจึงสั่งให้พวกเขาดัดแปลงมัน” ราชันมังกรกล่าว

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบด้วยความรู้สึกผิด “ข้าล้มเหลวในหน้าที่….”

ก่อนที่นางจะกล่าวจบ ราชันมังกรกลับขัดจังหวะ “ไม่จําเป็นต้องโทษตนเอง ข้าเชื่อว่าเจ้าทําอย่างดีที่สุดแล้ว อดีตไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เราควรเผชิญหน้ากับปัจจุบันและวางแผนสําหรับอนาคต”

ราชันมังกรมองเทพธิดาจื่อเว่ยและถอนหายใจ “ตอนนี้วังสวรรค์สามารถควบคุมสถานการณ์ แต่ดูเหมือนการควบคุมของเราจะลดลงอย่างช้าๆ ฟางหยวน ผู้สืบทอดของเทพปีศาจบัว แดงสามารถต่อต้านพวกเรา เขาทําให้เฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิต ตอนนี้เขายังจับผู้อมตะภาคใต้จํานวนมาก แม้เขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่สามารถปฏิเสธจื่อเว่ย เจ้าจะจัดการอย่างไรต่อไป?”

ในชีวิตก่อนหน้าราชันมังกรไม่ได้ให้ความสําคัญกับฟางหยวน เขาคิดว่าฟางหยวนเป็นเพียงแมลงที่น่ารําคาญ

แต่ตอนนี้ชัยชนะของฟางหยวนทําให้ราชันมังกรตื่นตัว

เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและต้องเปิดปากถามแผนการของเทพธิดาจื่อเว่ย

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างใจเย็น “สิ่งแรกคือการค้นหาเขา ตอนนี้ข้าส่งผู้อมตะระดับแปด สามคนไปยังภาคใต้เพื่อค้นหาร่องรอยของเขาแล้ว”

“นอกจากนี้เราจําเป็นต้องตอบโต้วิญญาณท่องแดนอมตะของเขา ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณท่องแดนอมตะ ฟางหยวนสามารถเคลื่อนไหวได้ตามความปรารถนา”

“ข้าเตรียมการหลอมรวมวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติไว้แล้ว”

วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติอยู่กับหลิวห่าวแต่ตอนนี้เขาถูกจับโดยฟางหยวน เทพธิดาจื่อเว่ยมั่นใจว่าวิธีลับของวังสวรรค์จะทําให้วิญญาณผนึกห้วงมิติระเบิดตัวเอง

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ พวกเขาจะสามารถต่อต้านวิญญาณท่องแดนอมตะ

“หลังจากนี้ข้าจะเตรียมตัวป้องกันวิญญาณกาลเวลาของเขา” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างจริง

“ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆว่าฟางหยวนอาจใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกําเนิดใหม่แล้ว”

“การต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา พวกเราแพ้เพราะท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราถูกทําลาย

“เรื่องนี้น่าสงสัยเกินไป ฟงจิวเก้อทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เอาไว้มากมาย เหตุใดฟางหยวนจึงสามารถระบุตําแหน่งและจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อปิดกั้นพวกเรา?”

“ข้าอนุมานเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้งแต่ไม่สามารถหาคําตอบ มีเบาะแสน้อยเกินไป”

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

“วิญญาณกาลเวลาเป็นปัญหาจริงๆ” ราชันมังกรพยักหน้า “เจ้ามีวิธีจัดการกับมันหรือไม่?”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “ท่านราชันมังกร เราจะใช้ท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียมจัดการวิญญาณกาลเวลา แต่วิญญาณอมตะความเมตตาอยู่กับลั่วเว่ยหยิน”

“อืม” ราชันมังกรกล่าวเสียงต่ํา “ฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลา เขาอาจไม่ได้ใช้มันเพียงลําพัง เขาน่าจะมีท่าไม้ตายอมตะ การใช้ท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียมเพื่อจัดการมันเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด”

“ถูกต้อง” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าวางแผนที่จะติดต่อลั่วเว่ยหยินในไม่ช้า ข้าจะขอยืมวิญญาณอมตะความเมตตาจากเขา”

ในช่วงเวลานี้ของชีวิตก่อนหน้า วังสวรรค์ยังไม่ได้ติดต่อลั่วเว่ยหยิน

แต่ผลกระทบหยดหมึกทําให้พวกเขาตัดสินใจเข้าหาลั่วเว่ยหยินล่วงหน้า

ราชันมังกรพยักหน้า “เจ้าต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทดสอบการกําเนิดใหม่ของฟางหยวนใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง หากลั่วเว่ยหยินปฏิเสธ โอกาสที่ฟางหยวนจะกําเนิดใหม่มีสูงขึ้น นั่นเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียมของเราได้ตอบโต้ฟางหยวนไปแล้ว”

“หากลั่วเว่ยหยินตกลง มันหมายความว่าเราจะมีโอกาสใช้ท่าไม้ตายอมตะความเมตตาเท่าเทียม หากฟางหยวนกําเนิดใหม่แล้ว เขาไม่น่าจะอนุญาตให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”

“ในเวลาเดียวกันพวกเราก็สามารถตรวจสอบทัศนคติของผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพรุ่นปัจจุบัน” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างช้าๆ

เมื่อเทพอมตะสวรรค์พิภพถูกกล่าวถึง ราชันมังกรแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน “ทํามัน”

“อย่างไรก็ตามแม้ลั่วเว่ยหยินจะปฏิเสธ เราก็ไม่จําเป็นต้องกังวลว่าเราจะไม่มีวิธีจัดการวิญญาณกาลเวลา”

“ตราบเท่าที่เราสามารถควบคุมสถานการณ์และดําเนินการตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าปีศาจฟางหยวนจะพยายามอย่างไร เขาก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์”

“ย้อนกลับไปกระทั่งเทพปีศาจบัวแดงยังล้มเหลว ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงฟางหยวน”

ราชันมังกรกล่าวด้วยรอยยิ้มมั่นใจ

เทพธิดาจื่อเว่ยลังเลเล็กน้อยก่อนถาม “ท่านราชันมังกร มีบางสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ด้วยรากฐานของวังสวรรค์ เหตุใดเราต้องยืมวิญญาณเพื่อจัดการวิญญาณกาลเวลา เราขาดวิธีจัดการสิ่งนี้เช่นนั้นหรือ?”

รอยยิ้มของราชันมังกรจางหายไป “สาเหตุมาจากเทพปีศาจบัวแดง เขาบอกกับข้าด้วยตนเองว่าเกาะบัวหินจํานวนมากของเขาไม่มีความเชื่อมโยงถึงกัน แต่พวกมันสามารถส่งอิทธิพลพิเศษ และทําให้เกิดเป็นท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง นี่เป็นความภาคภูมิใจของเขา วิธีนี้จะส่งอิทธิพลต่อสายธารแห่งกาลเวลาและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”

ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือวิธีการหรือวิญญาณต่างๆที่สามารถต่อต้านวิญญาณ กาลเวลาจะไม่มีวันจบลงในมือของวังสวรรค์

ผู้อมตะที่สามารถตอบโต้วิญญาณกาลเวลาค่อยๆตีตัวออกห่างจากวังสวรรค์ ผู้อมตะของวังสวรรค์แทบไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านวิญญาณกาลเวลา

“อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปอิทธิพลนี้จะลดลงเรื่อยๆ วังสวรรค์ได้รับวิธีการบางอย่างที่สามารถขัดขวางวิญญาณกาลเวลา เจ้ารู้จักพวกมัน ส่วนใหญ่เป็นวิธีการที่ไม่น่าเชื่อถือและใช้ไม่ได้” ราชันมังกรกล่าว

“เป็นเช่นนั้น” เทพธิดาจื่อเว่ยแสดงออกอย่างสงบแต่นางลอบตกใจอยู่ภายใน วิธีการของเทพปีศาจบัวแดงเกินขีดจํากัดของเส้นทางแห่งกาลเวลาไปแล้ว มันมีร่องรอยของพลังแห่งโชคชะตา

เขาไม่เพียงทําลายวิญญาณชะตากรรม แต่เขายังใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเลียนแบบพลังอํานาจของวิญญาณชะตากรรม

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “ หลังจากนี้ข้าจะปล่อยข่าวว่าฟางหยวนพยายามเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับแปด”

“ในเวลาเดียวกันข้าจะติดต่อวหยงและบังคับให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต่อต้านฟางหยวน”

“สุดท้ายข้าจะเลี้ยงดูฟางเจิ้งอย่างเต็มที่ คนผู้นี้เป็นกุญแจสําคัญในการจัดการฟางหยวนที่สวรรค์ประทาน เขากําลังจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ”

ภาคกลาง

ฟางเจิ้งลอยอยู่ท่ามกลางฝนเลือดที่ค่อยๆสงบลง

เขาประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติและปรับสมดุลพลังปราณทั้งสาม

ทันใดนั้นฟางเจิ้งพลันเปิดเปลือกตาขึ้น เขาสูดหายใจลึกก่อนจะโยนวิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งเลือดเข้าไปในกลุ่มก้อนพลังปราณ

“ยิ้ม!”

กลุ่มก้อนพลังปราณระเบิดออกและกลายเป็นมิติช่องว่างอมตะ

มิติช่องว่างระดับสูง!

วิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งเลือดของเขากลายเป็นวิญญาณอมตะเลือดล้างเลือด

“ฟางเจิ้ง ให้ข้าเข้าไปเร็ว ข้าจะช่วยเจ้าก้าวข้ามภัยพิบัติ!” ฟานซื่อหลิวถ่ายทอดเสียงมายังฟางเจิ้ง

“หือ?” ฟางเจิ้งขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ มิติช่องว่างเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้อมตะ แต่ฟานซื่อหลิวกลับต้องการเข้าไป นี่ทําให้ฟางเจิ้งรู้สึกโกรธ

อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งกลับหยุดขมวดคิ้วอย่างกะทันหันและเปิดทางเข้ามิติช่องว่าง “แน่นอน ฟานซื่อหลิว เชิญเข้ามา”

ฟานชื่อหลิวรู้สึกประหลาดใจ ฟางเจิ้งพึ่งกลายเป็นผู้อมตะ กระบวนการทั้งหมดยังไม่จบสิ้น แต่เขาเปลี่ยนวิธีการพูดและทัศนคติไปแล้วอย่างเป็นธรรมชาติ

“ดูเหมือนวังสวรรค์จะตั้งใจเลี้ยงดูฟางเจิ้งเพื่อจัดการฟางหยวนจริงๆ แท้จริงแล้วข้าค่อนข้างอิจฉา” ฟานซื้อหลิวเต็มไปด้วยความอิจฉา

หลายชั่วโมงต่อมาภัยพิบัติของฟางเจิ้งก็ผ่านพ้นไป ความอิจฉาของฟานซื่อหลิวพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

นั่นเป็นเพราะฟางเจิ้งสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดดวงที่สอง

วิญญาณอมตะเลือดเย็น!

หลังจากนั้นฟานชื่อหลิวก็มอบทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเลือดจํานวนมหาศาลให้กับฟางเจิ้ง

ชัดเจนว่านิกายกระเรียนอมตะใช้ความพยายามอย่างมากในการเลี้ยงดูฟางเจิ้ง

นี่ทําให้ฟางเจิ้งกลายเป็นผู้อมตะระดับหกที่ร่ํารวยที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

“นิกายทุ่มเทกับเจ้าเป็นอย่างมาก ฟางเจิ้ง อย่าทําให้พวกเราผิดหวัง” ฟานชื่อหลิวกล่าวด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง

เพียงเห็นการแสดงออกที่ซับซ้อนของฟานชื่อหลิว ฟางเจิ้งก็เข้าใจและยังตกใจที่เขาได้รับกา รดูแลเป็นอย่างดี

โดยไม่คํานึงถึงแรงจูงใจของพวกเขา ในที่สุดข้าก็กลายเป็นผู้อมตะฟางหยวน ความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้าไม่ใช่ผู้อมตะกับมนุษย์อีกต่อไป”

ฟางเจิ้งส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปตรวจสอบมิติช่องว่างของตน “นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า นี่คือรากฐานของข้า!”

เขารู้สึกถึงอนาคตที่สดใส มันดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่สามารถหยั่งถึง

“ฟางหยวน แม้เจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เจ้าก็ยังถูกบังคับให้หลบหนีออกจากภาคกลาง เจ้าไม่กล้าก้าวเท้าเข้ามาในภาคกลาง

“ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา มันไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะสามารถจัดการเจ้า!”

“แม้ข้าจะเข้าใจเจ้า แต่ข้าจะไม่อภัยให้เจ้า โชคชะตามักล้อเล่นกับผู้คนเสมอ ไม่ว่าอย่างไรเราก็ยังเป็นศัตรู!”

ชีวิตนี้แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้า ฟางเพิ่งได้รับความสนใจและความช่วยเหลือมากขึ้น เขาก้าว เข้าสู่ขอบเขตอมตะเร็วกว่าครั้งก่อน

ในชีวิตก่อนหน้า ทุกคนรู้จักพลังปีศาจของฟางหยวน

แต่ชีวิตนี้วังสวรรค์ปกปิดข้อเท็จจริงเอาไว้ขณะที่สถานการณ์ของภาคใต้ยังไม่ถูกเปิดเผย

ดังนั้นฟางเจิ้งจึงไม่รู้ว่าเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิตไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าผู้อมตะของภาคใต้ถูกจับโดยฟางหยวน

สิ่งนี้ทําให้เขาเกิดความเข้าใจผิด เขาคิดว่าหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับฟางหยวนได้อีกครั้ง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท