เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1799 ซวนปู่จินตกลงสู่กับดัก

บทที่ 1799 ซวนปู่จินตกลงสู่กับดัก

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1799 ซวนปู่จินตกลงสู่กับดัก

ทะเลทรายตะวันตก

ฐานทัพใหญ่ตระกูลฟาง

“พรวด!”

ฟางตี้เฉิงกระอักเลือดออกมาและล้มลงบนพื้น

“ท่านพ่อ!” ฟางหยุนรีบวิ่งเข้าไปสนับสนุน

อาการบาดเจ็บของฟางตี้เฉิงรุนแรงมาก หลังจากเขาตื่นขึ้น เขายังรู้สึกเวียนศีรษะอย่างหนัก

เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตนและเผยรอยยิ้มขมขื่น

สมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือน จิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บ ร่างกายของเขาเรืองแสงสีเขียวและปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางแห่งไม้ออกมา

ฟางตี้เฉิงถอนหายใจและมองไปยังวังขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า

มันคือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะบัวสวรค์ มันไม่มีช่องโหว่ ข้าพยายามอนุมานอย่างจริงจังแต่ยังได้รับผลกระทบย้อนกลับ ข้าประเมินพลังอํานาจของผู้อมตะระดับเก้าต่ําเกินไป ข้ารีบร้อนเกินไป” ฟางตี้เฉิงถอนหายใจ

“ท่านพ่อ สถานการณ์ของตระกูลฟางยังไม่เลวร้ายมากนัก เราสามารถค่อยๆทํามัน” ฟางหยุนปลอบโยน

ฟางที่เฉิงส่ายศีรษะ “แม้สถานการณ์จะมีเสถียรภาพแต่มันยังไม่ดี กองกําลังอื่นหยุดเคลื่อนไหวเพราะการข่มขู่ของเรา แต่พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ เราต้องใช้ทุกวินาทีให้มีประโยชน์”

“ทราบแล้ว”

ฟางตี้เฉิงมองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และถอนหายใจอีกครั้ง “เห้อ..โชคไม่ดีที่ตระกูลฟางของเราไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ แกนกลางของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นวิญญาณอมตะเส้นทางแห่งไม้ หากข้าได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งไม้ มันจะมีความคืบหน้าเร็วขึ้น”

เนื่องจากสภาพแวดล้อมของทะเลทรายตะวันตก ผู้คนจึงไม่นิยมบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้ และเส้นทางแห่งปฐพี

ท่ามกลางห้าภูมิภาค ภาคใต้มีผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้มากที่สุด ขณะที่ทะเลตะวันออกมีผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารมากที่สุด

ฟางหยุนกล่าวหลังจากครุ่นคิด “ตระกูลฟางของเราไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้แต่เรามีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอีกคน”

“เจ้าหมายถึงซวนปูจินเช่นนั้นหรือ?” ฟางตี้เฉิงหรี่ตามอง “เขาขอให้เจ้าแนะนําเขางั้นหรือ?”

ฟางหยุนส่ายศีรษะ “ไม่ ไม่ ข้ากล่าวมันด้วยตนเอง ท่านชวนรู้จินไม่เคยขอร้องข้า แท้จริงแล้วตั้งแต่เขาเข้าร่วมกับตระกูลฟาง เขามักอยู่ข้างนอกและไม่เคยติดต่อกับข้าอีกเลย”

ใบหน้าของฟางตี้เฉิงผ่อนคลายลง “ชวนรู้จินไม่ใช่คนตระกูลฟาง แม้เขาจะเข้าร่วมกับพวกเราแต่เราต้องจําสิ่งนี้เอาไว้”

“ท่านพ่อ ท่านสงสัยความภักดีของท่านซวนจินเช่นนั้นหรือ?” ฟางหยุนเกาศีรษะ

ฟางตี้เฉิงหรี่ตาอีกครั้ง “หากข้าได้รับความช่วยเหลือจากเขา ภารกิจนี้จะมีความคืบหน้าอย่างแน่นอน แต่รู้หน้าไม่รู้ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าสมบัติล้ําค่าเช่นวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แม้เขาจะไม่แสดงเจตจํานงนี้ออกมา แต่เมื่อเขาอยู่ใกล้ชิดกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ทั้งกลางวันและกลางคืน มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะไม่มีความโลภ”

ฟางตี้เฉิงหยุดก่อนถาม “ระยะนี้มีการเคลื่อนไหวของชวนรู้จินหรือไม่?”

ฟางหยุนตอบตามความจริง “ไม่มีการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามมีข่าวลือว่าท่านซวนปู่จินเป็นผู้สืบทอดของปีศาจเฒ่าหลี่เฉิน มีข่าวลือว่าตระกูลหว่านจะตรวจสอบเรื่องนี้และยืนยันตัวตนของท่านซวนปู่จิน”

ฟางตี้เฉิงเย้ยหยัน “คนเหล่านี้พยายามใส่ร้ายซวนงูจิน แต่ข้ออ้างของพวกเขาก็มีมูลบางอย่าง อย่างน้อยมันก็สมจริงกว่าข่าวลือก่อนหน้าที่ว่าชวนจินเป็นปีศาจฟางหยวน”

ฟางตี้เฉิงหัวเราะเย้ยหยันโดยไม่รู้เลยว่าข่าวลือก่อนหน้านี้เป็นความจริง

หลี่เฉินเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญาของตระกูลหว่าน แต่เนื่องจากอุบัติเหตุระหว่างการฝึกฝน เขาสูญเสียตัวตนและกลายเป็นคนบ้า เขาทําให้ตระกูลหว่านพบความสูญเสียครั้งใหญ่ เขายังสังหารผู้อมตะหลายคนของกองกําลังอื่น

เขาทําให้เกิดความโกหลาหลขึ้นในทะเลทรายตะวันตก นั่นทําให้ฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกร่วมมือกันและพยายามสังหารเขา แต่เขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข

ฟางตี้เฉิงกล่าว “ชวนปู่จินมีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น เขาเข้าใจกลอุบายราคาถูกเหล่านี้ แต่เขาพึ่งเข้าร่วมกับตระกูลฟาง มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนของพวกเรา เราต้องทําให้แน่ใจว่าเขาจะอยู่ในโอเอซิสน้ําค้างสวรรค์ เราไม่สามารถปล่อยให้เขาทําบางสิ่งและเปิดโอกาสให้ศัตรูจับตัวเขา สําหรับอัตลักษณ์ของเขา ตระกูลฟางของเราจะอธิบายเรื่องนี้กับกองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกด้วยตัวเอง”

ทันทีที่เขากล่าวจบประโยค การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป

ฟางหยุนเร่งถาม “ท่านพ่อ เกิดสิ่งใดขึ้น?”

ใบหน้าของฟางที่เฉิงยิ่งซีดลง “ซวนปู่จินส่งจดหมายมาบอกว่าเขาอนุมานย้อนกลับและพบผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่น่าจะเป็นคนปล่อยข่าวลืออยู่ใกล้ๆ เขากําลังออกไปจับคนผู้นี้”

ฟางหยุนตกตะลึง “อันใด!?”

ตามกฏ ผู้อมตะที่ปกป้องแหล่งทรัพยากรต้องรายงานกองกําลังก่อนเคลื่อนไหว พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวหลังจากกองกําลังอนุมัติเท่านั้น

แต่การกระทําของซวนงูจินกลับตรงข้าม เขาเคลื่อนไหวก่อนรายงาน ไม่ว่าตระกูลฟางจะตกลงหรือไม่ เขาก็ออกไปแล้ว

“หลังจากทั้งหมดเขาก็เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขามีธรรมชาติที่ดุร้าย” ฟางตี้เฉิงกัดฟัน ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ เขาไม่สามารถอนุมานได้มากนัก

ฟางตี้เฉิงต้องติดต่อฟางกงและปล่อยให้ฝ่ายหลังจัดการ

ฟางหยุนยังมึนงงเล็กน้อย “สถานการณ์อาจไม่เลวร้ายมากนัก เราอาจไม่ต้องส่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งออกไป ท่านชวนชูจินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาต้องอนุมานและมีความมั่นใจก่อนจะเคลื่อนไหว

การแสดงออกของฟางตี้เฉิงกลายเป็นมืดครื้ม “ชวนรู้จินไม่ธรรมดาจริงๆ แต่เขามีความภาคภูมิใจในตนเอง คนอื่นๆสามารถใช้เรื่องนี้วางแผนต่อต้านเขา มันจะกลายเป็นเรื่องเลวร้ายหากกองกําลังอื่นจงใจหลอกล่อและวางกับดักเขา หากเขาถูกจับหรือถูกสังหาร ตระกูลเหล่านั้นจะสา มารถปลอมหลักฐานและใส่ร้ายตระกูลของเรา”

“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความเป็นไปได้ ข้าหวังว่าจะมีเพียงข้าที่มองโลกในแง่ร้าย สิ่งสําคัญกว่านั้นคือตระกูลฟางของเราไม่สามารถทําเรื่องผิดพลาดในช่วงเวลาสําคัญนี้”

ฟางหยุนเข้าใจในที่สุด “มันไม่ควรจะร้ายแรงขนาดนั้นใช่หรือไม่?”

แต่ความจริงก็คือมันร้ายแรงขนาดนั้น

เมื่อฟางหยวนพบผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของตระกูลหว่าน หว่านเหลียงฮันแสดงออกอย่างผ่อนคลาย “ซวนซูจิน เจ้ามาถึงในที่สุด ข้ารอมาสักพักแล้ว”

ทันทีที่เขากล่าวจบประโยค เขตแดนอมตะที่ถูกเตรียมไว้ก็เริ่มทํางานและกักขังฟางหยวนเอาไว้ภายใน

“กับดักงั้นหรือ?” ฟางหยวนในร่างซวนปู่จินเย้ยหยัน ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นเมื่อเขาเห็นผู้อมตะสามคนเดินเข้ามา

ทั้งสามเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

คนแรกสูงและผอม เขาสวมชุดสีเขียวและมีลมหมุนอยู่รอบตัว เขาคือหว่านเสี่ยว เขากล่าว ด้วยความมั่นใจ “ชวนรู้จิน เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาได้อย่างไร? เจ้ากระโดดเข้ามา ในกับดักของพวกเราอย่างง่ายดาย”

คนที่สองคือหว่านห่าวกวง ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเกราะแสงที่ปลดปล่อยความร้อนสูงออกมา “ชวนจิน หากเจ้ายังมีสติก็ยอมให้พวกเราจับกุมแต่โดยดี ร่วมมือกับตระกูลหว่านของเราและเปิดเผยตระกูลฟาง เราจะไม่สร้างความยากลําบากให้เจ้าและจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนแขกผู้มีเกียรติ”

คนที่สามเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาชื่อหว่านเหลียงฮัน เขามีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างน่าเกลียดแต่ตอนนี้เขากําลังยิ้ม “สหายชวนชูจิน ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าควรเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน แม้วันนี้เจ้าจะรอดไปได้ แต่ปัญหามากมายจะพุ่งเข้ามาหาเจ้าอย่างไม่รู้จบสิ้น เจ้าไม่ควรอยู่ในตระกูลฟาง”

ฟางหยวนเย้ยหยันและแสดงออกด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม

สามผู้อมตะตระกูลหว่านคิดว่าพวกเขาสามารถวางแผนจับกุมซวนงูจิน แต่พวกเขาไม่คิดว่าฟางหยวนจะกลับมาจากภาคใต้เพื่อจัดการพวกเขาโดยเฉพาะและสร้างความวุ่นวายขึ้นในทะเลทรายตะวันตก

ช่วงเวลาที่ผ่านมาหว่านเหลียงฮันอนุมานเกี่ยวกับฟางหยวนซ้ําแล้วซ้ําอีก ฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะราชันภูตตลอดเวลา สิ่งนี้ทําให้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาลดลง มันค่อนข้างน่ารําคาญ ดังนั้นเขาจึงต้องกําจัดสิ่งที่น่ารําคาญนี้ทิ้งไป

ฟางหยวนปล่อยอสูรวิญญาณออกมาทันที

กองทัพอสูรวิญญาณเดียวดายและอสูรวิญญาณบรรพกาลทําให้ผู้อมตะตระกูลหว่านตกตะลึง

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถควบคุมอสูรวิญญาณจํานวนมากเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ไม่ว่าเจ้าจะนําอสูรวิญญาณออกมามากเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์ในเขตแดนนี้!” หว่านเสี่ยวส่งพายุหมุนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

กองทัพอสูรวิญญาณของฟางหยวนถูกผลักดันเล็กน้อยแต่จํานวนของพวกมันยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เขามีอสูรวิญญาณมากมายเพียงใด?” ผู้อมตะตระกูลหว่านตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่า ซวนงูจินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขากลับสามารถควบคุมกองทัพอสูรวิญญาณขนาดใหญ่ เขาละเลยเส้นทางหลักของตนมากเกินไปหรือไม่

หลังจากนั้นฟางหยวนเริ่มกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเพื่อป้องกันพายุหมุน นี่ทําให้ความตกใจของผู้ อมตะตระกูลหว่านลดลงเล็กน้อยเพราะมันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญา

“ข้าจะโจมตีเขา!” หว่านห่าวกวงตะโกน

“ไป เราจะปกป้องเจ้า” หว่านเหลียงฮันเห็นด้วย

หว่านห่าวกวงแสดงความเหนือชั้นของเส้นทางแห่งแสงออกมาและสามารถเคลื่อนที่ผ่านกองทัพอสูรวิญญาณอย่างรวดเร็ว

ทุกครั้งที่ฟางหยวนระดมกองทัพอสูรวิญญาณเพื่อปิดล้อมเขา หว่านเหลียงฮันและหว่านเสี่ยวจะใช้ท่าไม้ตายอมตะปกป้องหว่านห่าวกวง

ด้วยการประสานงานที่ยอดเยี่ยม หว่านห่าวกวงจึงสามารถบุกทะลวงเข้าไป

การแสดงออกของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่เขาปล่อยอสูรวิญญาณอีกสี่ตัวออกมา

“อา…” หว่านห่าวกวงหยุดเคลื่อนที่ชั่วคราวและอุทานออกมาด้วยความตกใจ “อสูรวิญญาณแรกกําเนิด!”

หว่านเหลียงฮันและหว่านเสี่ยวกลายเป็นมีนงง ทั้งสองกรีดร้องด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “สี่ตัว?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท