เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1810 รีดไถอาณาจักรแห่งความฝัน

บทที่ 1810 รีดไถอาณาจักรแห่งความฝัน

บทที่ 1810 รีดไถอาณาจักรแห่งความฝัน

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนเป็นผู้ชมกระทั่งฉากที่สามจบลง อาณาจักรแห่งความฝันหายไป การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวนประสบความสำเร็จ

“อาณาจักรแห่งความฝันนี้ยากในช่วงเริ่มต้นแต่ง่ายในช่วงท้าย ข้าต้องรวบรวมประสบการณ์ด้วยการผ่านความล้มเหลวมากมายในสองฉากแรก กระทั่งท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันก็ยังไร้ประโยชน์

“แต่ในฉากสุดท้ายข้ากลับผ่านมันมาได้โดยตรง”

นี่เป็นประสบการณ์ที่สะดวกสบายสำหรับฟางหยวน ในฐานะผู้ชม เขาสามารถเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านมันมาได้อย่างง่ายดาย

“ช่วงเวลาในอาณาจักรแห่งความฝันไม่สามารถระบุแต่มันต้องเป็นยุคแรกกำเนิดที่ผ่านมานานมากแล้ว”

“วังสวรรค์…”

สายตาของฟางหยวนกลายเป็นซับซ้อนเล็กน้อย

แม้เขาจะเป็นศัตรูของวังสวรรค์แต่เขาก็ต้องยอมรับความยิ่งใหญ่ของมัน

หลังจากชั่วครู่สายตาของฟางหยวนก็กลายเป็นเย็นเยียบ “ต่อให้มันยิ่งใหญ่เพียงใด ตราบเท่าที่มันกีดขวางเส้นทางของข้า ข้าก็จะทำลายมันด้วยพลังทั้งหมด!”

ด้วยการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ทันที

“ไม่แปลกใจเลยที่เว่ยอวีซูได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หมึก เหตุผลสำคัญประการหนึ่งก็คือพรสวรรค์บนเส้นทางแห่งพลังปราณของเขา”

ความตระหนักรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวนในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของมันหรือวังสวรรค์แต่เป็นจิตวิญญาณของตัวเขาเอง

จิตวิญญาณเดียวดาย!

หลังจากรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณเดียวดาย การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันง่ายขึ้นมาก

อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับจากความล้มเลวในการสำรวจลดลงอย่างมาก

ฟางหยวนได้รับแรงบันดาลใจมากมาย “บางทีหากข้าใช้กายาแห่งความฝันสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน อาการบาดเจ็บอาจเบากว่านี้”

เช่นเดียวกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณในหุบเขาเหล่าโป หากฟางหยวนไม่นำดวงวิญญาณออกมาจากร่าง พลังอำนาจของหุบเขาเหล่าโปที่ส่งผลกระทบต่อเขาจะน้อยลงเป็นอย่างมาก

ในทำนองเดียวกันหากเขาให้ร่างแยกกายาแห่งความฝันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ดวงวิญญาณของเขาน่าจะได้รับการปกป้องโดยร่างกายาแห่งความฝัน

ร่างกายปกติไม่สามารถปิดกั้นพลังอำนาจของอาณาจักรแห่งความฝัน แต่ร่างกายาแห่งความฝันแตกต่างออกไป

น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่รู้วิธีเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันด้วยร่างกายาแห่งความฝัน

หากเขาส่งกายาแห่งความฝันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันโดยตรง มันจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอยู่ภายในโดยไม่สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

“ต่อไป สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง”

ฟางหยวนเก็บอาณาจักรแห่งความฝันมากมายไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่ใหญ่ที่สุดหายไปแล้ว ตอนนี้อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งกลายเป็นอาณาจักรแห่งความฝันที่ใหญ่ที่สุด

นอกจากอาณาจักรแห่งความฝันนี้ยังมีอาณาจักรแห่งความฝันอื่นๆเช่นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งดาบ อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งไม้ และอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางสายอื่นๆ

“เดิมที่ข้ารู้สึกว่าอาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้เพียงพอแล้ว แต่หลังจากได้รับจิตวิญญาณเดียวดาย ดูเหมือนมันยังไม่เพียงพอ”

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

หลังจากจ่อชิวหยูได้รับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน เขาสามารถแยกแยะประเภทของอาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างคร่าวๆ นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนสามารถรวบรวมอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางสายต่างๆที่เขาต้องการ

อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้รับอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางมนุษย์ นอกจากนี้อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งพลังปราณหรือเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งก็มีไม่มากนัก

แต่ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางสายใด พวกมันล้วนมีประโยชน์สำหรับฟางหยวน ตราบเท่าที่เขาไม่เคยสำรวจพวกมันมาก่อนในชีวิตก่อนหน้า

ขณะที่ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

“ท่านฟางหยวน เราหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้เรียบร้อยแล้ว” ผมที่หกส่งมอบวิญญาณอมตะให้กับฟางหยวน

นี่คือวิญญาณอมตะสมอกาลเวลาระดับหก

แม้ฟางหยวนจะให้ความสำคัญกับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค แต่วิญญาณอมตะสมอกาลเวลาก็อยู่ในรายการวิญญาณอมตะที่เขาต้องการเช่นกัน

วิญญาณอมตะดวงนี้สามารถทอดสมอไว้ในสายธารแห่งกาลเวลา

ด้วยการใช้วิญญาณอมตะสมอกาลเวลาร่วมกับวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนจะสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะที่สามารถกำหนดช่วงเวลาที่เขาต้องการย้อนกลับไปกำเนิดใหม่

“อย่างไรก็ตามหากวิญญาณชะตากรรมไม่ได้รับบาดเจ็บหรือถูกทำลาย ประสิทธิภาพและโอกาสประสบความสำเร็จของการกำเนิดใหม่ด้วยวิธีการนี้จะลดลงอย่างมาก มิฉะนั้นข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะกำเนิดใหม่สำเร็จซึ่งไม่สามารถระบุช่วงเวลาของการกำเนิดใหม่เท่านั้น”

การใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกำเนิดใหม่เป็นการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของโลกใบนี้ สิ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงอดีตและส่งผลกระทบต่อสมดุลของโลก ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จะไม่ยอมให้มัน เกิดขึ้นโดยง่าย

“ดูเหมือนวิญญาณชะตากรรมต้องถูกทำลายอย่างสมบูรณ์เท่านั้น ด้วยวิธีนี้วิญญาณอมตะสมอกาลเวลาจึงจะสามารถใช้งานร่วมกับท่าไม้ตายอมตะกำเนิดใหม่สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติมากมายและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพื่อยกระดับการบ่มเพาะของร่างแยกมนุษย์มังกรให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ฟางหยวนต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเร่งเวลาในมิติช่องว่างของร่างแยกมนุษย์มังกรจนถึงขีดสุด

ฟางหยวนสามารถอนุมานภัยพิบัติแต่ละครั้ง พวกมันไม่ใช่ภัยคุกคามแต่เหมือนงานแสดงดอกไม้ไฟที่ช่วยเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ให้กับร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวน

ปัจจุบันฟางหยวนไม่เพียงสามารถยกระดับการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณแต่เขายังสามารถยกระดับการบ่มเพาะของผู้อมตะได้อีกด้วย

แต่วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับแปดต้องใช้พลังงานอมตะระดับแปดจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามมันสามารถสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรระดับเจ็ดเท่านั้น

การลงทุนต่อไปไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทน

หากไม่ใช่เพื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังมังกร ฟางหยวนจะไม่เต็มใจที่จะยกระดับการบ่มเพาะของร่างแยกมนุษย์มังกร

หอคอยดวงประทีปของภาคใต้ถูกสร้างขึ้นทุกหนทุกแห่ง กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เริ่มประท้วงและขอให้ฟางหยวนปล่อยเชลยบางส่วนเพื่อแสดงความจริงใจ

ฟางหยวนปล่อยอี้หยาง

ตระกูลอี้ตกตะลึงหลังจากได้รับอี้หยาง

เนื่องจากฟางหยวนปล่อยเพียงร่างกายของหยาง ดวงวิญญาณและมิติช่องว่างของเขาขาดหายไป

แต่ร่างกายก็เหมือนซากศพ มันไร้ประโยชน์:

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้โกรธมากแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

ฟางหยวนปลอบโยนพวกเขา “ร่างกายเป็นเพียงก้าวแรก มันเป็นการแสดงความจริงใจของข้า ตอนนี้ถึงคราวที่พวกเขาจะแสดงความจริงใจบ้างแล้ว”

กองกำลังฝ่ายธรรมะของฝ่ายใต้รู้สึกถึงอนาคตอันมืดมน หากพวกเขายอมจำนน ฟางหยวนจะรีดไถพวกเขามากเพียงใด

ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มต่อต้าน

ทัศนคติของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวและไม่แยแส เขาคุกคามโดยตรง “หากพวกเจ้าต้องการให้ข้าปล่อยเชลย ข้าก็จะปล่อยพวกเขาให้ศัตรูของพวกเจ้า นอกจากนั้นข้าจะทำให้ผู้อมตะของพวกเจ้าสูญเสียใบหน้าด้วยวิธีที่ไม่สามารถบรรยายและทำให้แน่ใจว่าเขาหรือนางจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีกในอนาคต”

ฟางหยวนเคยทำสิ่งนี้ในชีวิตก่อนหน้า คราวนี้เขาคุ้นเคยกับมันมาก

นี่ทำให้กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต้องยอมจำนนในที่สุด

พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใด โดยเฉพาะตระกูลปาและตระกูลเซียที่น่าสมเพชที่สุด หลังจากทั้งหมดผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของพวกเขาถูกจับโดยฟางหยวน

กองกำลังอื่นสูญเสียคนสำคัญของพวกเขาเช่นกัน หากพวกเขาไม่ช่วยคนเหล่านั้น พวกเขาจะสูญเสียการสนับสนุนและความไว้วางใจจากสมาชิกของพวกเขาเอง

หลังจากนั้นฟางหยวนก็เริ่มรีดไถอาณาจักรแห่งความฝันเป็นเพื่อแลกเปลี่ยนกับเชลย

กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่เต็มใจเพราะอาณาจักรแห่งความฝันคืออนาคตของพวกเขา

แต่ฟางหยวนรับประกันว่า “ข้าไม่ได้ขอทั้งหมด ข้าจะทิ้งอาณาจักรแห่งความฝันส่วนใหญ่ไว้ให้พวกเจ้า”

เพื่อแสดงความจริงใจมากขึ้น เขายินดีปล่อยร่างกายของเชลยเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาณาจักรแห่งความฝันในแต่ละครั้ง

กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้รู้สึกหมดสิ้นหนทางและต้องยอมรับข้อเสนอในที่สุด

จ่อชิวหยูรู้สึกหนาวเย็นอยู่ภายใน เขารู้ว่านี่คือการตอบโต้ของฟางหยวนและเป็นคำเตือนของเขา

หลังจากกรรโชกทรัพย์กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ มันก็ถึงขั้นตอนต่อไป

ฟางหยวนไม่กลืนคำพูดของตนเอง เขาปล่อยร่างกายของเชลยทุกครั้งที่ได้รับอาณาจักรแห่งความฝัน อาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าอาณาจักรแห่งความฝันที่เขาลอบทำธุรกรรมกับจือชิวหยู นอกจากนี้ฟางหยวนยังเลือกเส้นทางของอาณาจักรแห่งควาฝันที่เขาต้องการอย่างพิถีพิถัน

เทพธิดาจื่อเว่ยกังวลมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายธุรกรรมเหล่านี้แต่ไม่สำเร็จ

“ถึงเวลาสำหรับการต่อสู้ครั้งที่สอง” ฟางหยวนคำนวนเวลาก่อนจะนำเรือรบหมื่นปีเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

เขาเริ่มการต่อสู้ครั้งที่สองในสายธารแห่งกาลเวลา แต่เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งกาลเวลากู้หลิวรู่กำลังรอเขาอยู่

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท