เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1798 แรงบันดาลใจแห่งพรหมลิขิต

บทที่ 1798 แรงบันดาลใจแห่งพรหมลิขิต

บทที่ 1798 แรงบันดาลใจแห่งพรหมลิขิต

มิติช่องว่างจักรพรรดิ ภาคใต้น้อย

“ครืน…”

พื้นดินสั่นสะเทือนก่อนที่แสงจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปฐพีจะปกคลุมพื้นที่รัศมีหนึ่งร้อย

ราวกับมือที่ไร้รูปลักษณ์กําลังปั้นดินที่อ่อนนุ่ม พื้นที่ตรงกลางเริ่มจมลงขณะที่แผ่นดินรอบนอกยกตัวขึ้นและก่อตัวเป็นหุบเขาทรงกลม

พื้นที่ตรงกลางถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทําให้เกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่ตัดขาดจากภายนอก

ไม่มีพืชพรรณอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ กระทั่งดินยังหายากเพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยเหล็ก!

“นี่คือหุบเขาเหล็กขาว!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินชื่อเฉิงมองหุบเขาแห่งนี้ด้วยความตกใจ

ฟางหยวนใช้วิธีที่ทรงพลังสร้างแหล่งทรัพยากรระดับกลางขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาชื่อเฉิงได้พูดคุยกับผู้อมตะคนอื่นๆและตระหนักถึงความกว้างใหญ่ของมิติช่องว่างจักรพรรดิรวมถึงทรัพยากรมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป

รากฐานที่แข็งแกร่งนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้อมตะเหล่านี้ต่ออนาคตของพวกเขาเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทําให้ซื่อเฉิงประหลาดใจยิ่งกว่าคือความกล้าหาญของฟางหยวน

ฟางหยวนกล้าต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าและมีเล็งเป้าไปที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้

ไม่เพียงเขาจะโจมตีศัตรูแต่เขายังได้รับชัยชนะและสามารถจับผู้อมตะจํานวนมาก

หากไม่ใช่เพราะเชลยเหล่านี้ ฟางหยวนจะรีดไถทรัพยากรมากมายมาได้อย่างไร

เปรียบเทียบกับฟางหยวน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินขี้ขลาดเกินไป

“เราจะติดตามและฟังคําสั่งของท่านฟางหยวน!” ซื่อเฉิงถูกล่อลวงมากขึ้น เขาหลงใหลเสน่ห์ของฟางหยวนอย่างสมบูรณ์

ในช่วงเวลาเหล่านี้ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆช่วยจัดการแหล่งทรัพยากรที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ

ทรัพยากรถูกแจกจ่ายไปยังสถานที่ต่างๆอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุลที่สุด

ไม่มีความโกลาหลหรือความขัดแย้ง ทรัพยากรต่างๆสนับสนุนกันและกันทําให้พวกมันเติบโตได้อย่างเต็มที่

นี่เป็นผลจากการอนุมานอย่างพิถีพิถันของฟางหยวน

ครั้งนี้ฟางหยวนรีดไถทรัพยากรจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้ได้ง่ายกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก

การต่อต้านของผู้อมตะภาคใต้ลดน้อยลงเนื่องจากภาพเหตุการณ์ที่ฟางหยวนเปิดเผยในสวรรค์สีเหลืองแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถสังหารเฉินอี้และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า สิ่งนี้ช่วยกระตุ้นฝ่ายธรรมะของภาคใต้ได้เป็นอย่างดี

“กระทั่งวังสวรรค์ยังพ่ายแพ้ปีศาจฟางหยวน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะล้มเหลวในการจัดการเขา”

ผู้อมตะภาคใต้ตระหนักถึงเรื่องนี้อยู่ภายใน

เพิ่มเติมด้วยประสบการณ์ในการกรรโชกทรัพย์ของฟางหยวน ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงทําได้เพียงยอมจํานนเท่านั้น

ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนต้องการสร้างสระแก่นแท้ปี ดังนั้นเขาจึงรีดไถทรัพยากรอมตะ ค่ามากมาย สําหรับชีวิตนี้เขาเปลี่ยนความต้องการแต่พวกมันยังเป็นทรัพยากรอมตะที่ล้ําค่าเช่นเดิม

ส่วนเล็กๆของมันถูกนํามาสร้างแหล่งทรัพยากรเช่นหุบเขาเหล็กขาว

ส่วนใหญ่เป็นการเตรียมความพร้อมสําหรับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

ในชีวิตนี้ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะมากกว่าชีวิตก่อนหน้า

วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ในการครอบครองของเขาเป็นวิญญาณอมตะระดับหก พวกมันอ่อนแอเกินไปสําหรับผู้อมตะระดับแปด

การยกระดับวิญญาณอมตะจึงเป็นสิ่งจําเป็นต่อฟางหยวน

เขาเคยทําสิ่งนี้ในชีวิตก่อนหน้าและมันยิ่งง่ายกว่าในชีวิตนี้โดยเฉพาะเมื่อเขามีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจํานวนมาก

เขาวางแผนล่วงหน้าและเริ่มจัดเตรียมวัตถุดิบ

มิติช่องว่างจักรพรรดิได้รับการพัฒนาไปมาก ตอนนี้มันใกล้เคียงกับจุดส ใสุดในชีวิตก่อนหน้าแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีมิติช่องว่างของหลิวห่าวและปาซื่อปารวมถึงถ้ําสวรรค์นักรบอสูรรออยู่

เขาคุ้นเคยกับท่าไม้ตายใหม่มากขึ้น มรดกที่แท้จริงต่างๆยังอยู่ระหว่างการทําความค้นคว้า ขณะที่ความเข้าใจบนเส้นทางมนุษย์ของเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

ฟางหยวนเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

เขาไม่ลืมร่างแยกกายาแห่งความฝัน แม้แผนการสําหรับร่างแยกกายาแห่งความฝันจะล้มเหลว แต่ฟางหยวนยังนึกถึงท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต

“บางทีข้าอาจสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตเพื่อนําร่างแยกกายาแห่งความฝันเข้าสู่ระดับอมตะ”

สี่ซุนจืออยู่ในวิหารอดีตปัจจุบันและเฝ้ามองสายธารแห่งกาลเวลาตลอดเวลา แต่พวกเขาไม่สามารถพบการคงอยู่ของฟางหยวน

เขาไปถึงเกาะบัวหินอย่างราบรื่นและใช้ท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตกับร่างแยกกายาแห่งความฝัน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับต้องผิดหวังเพราะร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“เป็นเพราะร่างแยกกายาแห่งความฝันกําเนิดจากอาณาจักรแห่งความฝัน ท่าไม้ตายส่วนใหญ่จึงไม่ส่งผลกระทบต่อมันงั้นหรือ?”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่มีอนาคตที่กลายเป็นผู้อมตะ?”

ร่างแยกกายาแห่งความฝันเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าและอยู่ห่างจากขอบเขตอมตะเพียงไม่กี่ก้าว

แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมีอันตราย ฟางหยวนเลือกที่จะชะลอมันไว้ชั่วคราว

“หากตัวตนในอนาคตไม่มีผลเพราะร่างแยกกายาแห่งความฝันไม่มีอนาคต นี่หมายความว่า มันไม่มีความหวังที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้างั้นหรือ?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรู้สึกสนใจเล็กน้อย

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะเผยลิขิตสวรรค์ทันที

ท่าไม้ตายนี้สามารถเปิดเผยภัยพิบัติที่เป้าหมายต้องเผชิญ

แต่ผลลัพธ์ของมันคือความว่างเปล่า

ท่าไม้ตายอมตะเผยลิขิตสวรรค์ไม่มีผลต่อร่างแยกกายาแห่งความฝัน

“เป็นเพราะคุณสมบัติของร่างแยกกายาแห่งความฝันหรือเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะเผยลิขิตสวรรค์ในปัจจุบันไม่สามารถเปิดเผยภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความฝัน?”

ฟางหยวนสับสน

มีวิญญาณเพียงไม่กี่ดวงที่ส่งผลกระทบต่อร่างแยกกายาแห่งความฝัน

วิญญาณรากพฤกษาเป็นวิญญาณบนเส้นทางมนุษย์ กายาแห่งความฝันถูกพิจารณาว่าเป็นร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นวิธีบนเส้นทางมนุษย์จึงส่งผลกระทบต่อมัน

แต่วิญญาณดวงอื่นๆไม่ส่งผลกระทบต่อร่างแยกกายาแห่งความฝันเพราะมันถูกสร้างขึ้นจากอาณาจักรแห่งความฝัน

ฟางหยวนอาศัยความได้เปรียบบนเส้นทางแห่งความฝันก้าวข้ามอุปสรรค แต่ตอนนี้เขากําลังพบปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไข

เช่นเดียวกับราชันมังกรหรือกระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ไม่สามารถทําสิ่งใดต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน มีวิธีการไม่มากที่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรแห่งความฝัน

ฟางหยวนสายศีรษะ

“ความเป็นไปได้มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน”

อย่างไรก็ตามความสําเร็จบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนยังไม่มีความคืบหน้า ห้าร้อยปีในชีวิตแรก ฟางหยวนไม่ได้ให้ความสําคัญกับการค้นคว้าเส้นทางแห่งความฝันแต่เป็นเส้นทางแห่งเลือด

หลังจากกลับมาจากสายธารแห่งกาลเวลา ฟางหยวนได้รับข่าวที่ทําให้เขาประหลาดใจเมื่อแผนการสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรของเขามีความคืบหน้า

ตระกูลเซี่ยพบว่าตระกูลเฉิงมีเพลิงมังกรล่องคลื่นอยู่ในคลังสมบัติ ขณะนี้พวกเขากําลังอยู่ในขั้นตอนการทําธุรกรรม

“คลังสมบัติของตระกูลเฉิง มันควรเป็นมิติช่องว่างของผู้ก่อตั้งตระกูลเฉิง”

“หลังจากผู้ก่อตั้งตระกูลเฉิงเสียชีวิต มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลังบนภูเขาเฉิงเหลียง ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถเข้าไป กระทั่งผู้อมตะตระกูลเฉิงก็ไม่รู้ว่ามันเป็นถ้ําสวรรค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์”

“ดูเหมือนรากฐานของมันจะลึกกว่าที่ข้าคาดเดา”

ฟางหยวนต้องอุทานด้วยความประหลาดใจกับรากฐานของตระกูลเฉิง

ตระกูลเฉิงเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ของภาคใต้ แต่เนื่องจากตําแหน่งทางภูมิศาสตร์ของพวกเขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์และห่างไกลจากกองกําลังอื่น ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถรักษาความสัมพันธ์กับกองกําลังอื่นๆของภาคใต้

“หากตระกูลเซี่ยได้รับเพลิงมังกรล่องคลื่น อุปสรรคในแผนการสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าจะลดลงครึ่งหนึ่ง”

ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทน

เกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะปราณแสงห้าภูมิภาค เขาได้รับประสบการณ์และเข้าใจมันมากขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาสามารถใช้ปราณแสงสี่สีได้ในเวลาเดียวกัน

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาปะทุขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาพร้อมที่จะแยกดวงวิญญาณเพื่อสร้างร่างแยกมนุษย์มังกรแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังบ่มเพาะจิตวิญญาณต่อไปจนถึงระดับแปดสิบล้านคน

ธุรกรรมอาณาจักรแห่งความฝันกับตระกูลจื่อยังดําเนินต่อไปอย่างลับๆ

จื่อชิวหยูยอมรับสถานการณ์ของเขาแล้ว

เขาทําพลาดไปแล้ว ตอนนี้เขาทําได้เพียงทําต่อไปเท่านั้น

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่ลืมที่จะป้องกันตัวจากจื่อชิวหยู หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับแปดล้วนไม่ใช่คนธรรมดา

โชคดีที่ฟางหยวนเลือกสนับสนุนตระกูลจื่อเพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับอนาคต

ตระกูลจื่อได้รับงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน สิ่งนี้ทําให้จื่อชิวหยูมีความสุขท่ามกลางความเจ็บปวด ตั้งแต่เขาทําเรื่องผิดพลาดร้ายแรงไปแล้ว เหตุใดตอนนี้เขาจะไม่ทําต่อ?

จื่อชิวหยไม่ต้องการเสี่ยงแต่ฟางหยวนดึงเขาเข้าสู่เส้นทางสายนี้ เขาทําได้เพียงกัดฟันและเดินหน้าต่อไปในขุมนรกเท่านั้น

ในเวลาว่าง ฟางหยวนจะค้นวิญญาณของเชลยอมตะ

แม้เขาจะเคยทําสิ่งนี้มาแล้วในชีวิตก่อนหน้า แต่เขายังทําซ้ําอีกครั้งในชีวิตนี้เพราะเขาต้องการตรวจสอบบางสิ่ง

นั่นคือผลกระทบหยดหมึก

เปรียบเทียบกับชีวิตก่อนหน้า มีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย

นี่ทําให้ฟางหยวนต้องครุ่นคิด ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายยังตกค้างอยู่ในใจของเขา

“นี่คือชะตากรรมงั้นหรือ?” ฟางหยวนรู้สึกราวกับสามารถสัมผัสถึงใยแมงมุมของวิญญาณชะตากรรม

ลางสังหรณ์บางอย่างค่อยๆแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ

“หากข้าค้นคว้าเรื่องนี้ต่อไป ความเข้าใจเกี่ยวกับโชคชะตาของข้าจะลึกซึ้งขึ้น นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทําความเข้าใจวิญญาณชะตากรรม”

“หลังจากรวบรวมเบาะแสและอนุมาน ข้าอาจสามารถทําความเข้าใจท่าไม้ตายที่จะส่งผลกระทบต่อโชคชะตา”

“หากข้ารวมมันเข้ากับความลึกซึ้งบนเส้นทางแห่งโชค…มันอาจกลายเป็นพรหมลิขิต” จิตใจของฟางหยวนสั่นไหวเมื่อเกิดแรงบันดาลใจดังกล่าว

วังสวรรค์

ฟงจิวเก้อเดินทางไปที่หอเย็บปักถักร้อย

มันเป็นอาคารที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามแต่สามารถมองเห็นร่องรอยของการทําลายล้างที่ถูกทิ้งไว้อย่างชัดเจน

บนยอดหอเย็บปักถักร้อยมีแผ่นหลังเปื้อนเลือดสามชิ้นราวกับธงที่สะบัดตัวไปตามสายลม พวกมันปลดปล่อยกลิ่นอายของความป่าเถื่อนและดึกดําบรรพออกมา

ย้อนกลับไปเมื่อเทพปีศาจคลั่งบุกวงสวรรค์ เขาถูกขัดขวางโดยหอเย็บปักถักร้อย ในที่สุดเทพปีศาจคลั่งก็ทําลายหอเย็บปักถักร้อยไปครึ่งหนึ่งซึ่งวังสวรรค์ไม่สามารถซ่อมแซมมัน นอกจากนั้น เขายังทิ้งแผ่นหนังเปื้อนเลือดเอาไว้ที่นี่สามชิ้น

ตั้งแต่ความพ่ายแพ้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟงจิวเก้อหมกหมุ่นอยู่กับบางสิ่ง

เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่เขามาที่นี่เพื่อทําความเข้าใจความลึกซึ้งบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจากแผ่นหนังเปื้อนเลือดทั้งสามชิ้นนี้

การเปลี่ยนแปลงชนิดนี้มีความพิเศษเพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงของพรหมลิขิต

เทพปีศาจคลั่งดุร้ายและทรงพลังมาก เขาสามารถทําลายหอเย็บปักถักร้อย แต่เขากลับทิ้งแผ่นหนังเนื้อ เลือดสามชิ้นไว้ที่นี่แทนการทําลายมัน นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด

วังสวรรค์ล้มเหลวในการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ผู้อมตะภาคใต้ที่ไล่ล่าฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายถูกจับกุม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดเช่นเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทําให้จิตวิญญาณของฟงจิวเก้อสั่นไหว

เขาเกิดแรงบันดาลใจขึ้นอย่างกะทันกัน

ริมฝีปากของฟงจิวเก้อยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ดูเหมือนเพลงต่อไปของข้าจะเป็นเพลง…พรหมลิขิต”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท