เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1808 ไล่ล่าเต๋า

บทที่ 1808 ไล่ล่าเต๋า

บทที่ 1808 ไล่ล่าเต๋า

วังสวรรค์ สุสานอมตะ

เปลวไฟปะทุขึ้นและอาบย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดง

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเทพธิดาจื่อเว่ยและสมาชิกวังสวรรค์คนอื่นๆ

เทพธิดาจื่อเว่ยรีบเดินทางไปยังสุสานอมตะและเห็นจุดแสงสีเงินส่องประกายอยู่ท่ามกลางกองไฟ

เมื่อเปลวไฟดับลง ผู้อมตะสูงวัยในชุดคลุมสีแดงเข้มก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับผู้อมตะชราที่นั่งอ ยู่บนรถเข็นไม้

ผู้อมตะสูงวัยในชุดคลุมสีแดงเลือดคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไฟ หลี่ฮวง และผู้อมตะชราที่นั่งอยู่บนรถเข็นไม้ก็คือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา กู้หลิวรู่

“ผู้น้อยจื่อเว่ยคารวะผู้อาวุโสทั้งสอง” เทพธิดาจื่อเว่ยโค้งคํานับ

กู้หลิวรู่พยักหน้าโดยไม่พูด ใบหน้าของเขาซีดขาว ร่างกายผอมแห้งเหมือนโครงกระดูก เขาเป็นอัมพาตและต้องนั่งอยู่บนรถเข็น

หลี่ฮวงกล่าว “เราไม่ได้ตื่นขึ้นโดยไร้เหตุผล วังสวรรค์ต้องการกําลังของเรา สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกละอายใจเมื่อต้องแจ้งสถานการณ์ปัจจุบันให้ทั้งสองคนทราบ

“ฟางหยวน? ข้าไม่คิดว่าปีศาจเช่นนี้จะปรากฏตัวขึ้นบนโลกใบนี้!

“ปีศาจตนนี้ดุร้ายเกินไป เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เทพปีศาจบัวแดงทิ้งไว้”

หลี่ฮวงกันเสียงเย็นด้วยความโกรธและไม่พอใจ

การแสดงออกของกู้หลิวรูกลายเป็นเย็นชาเช่นกัน “โชคดีที่สถานการณ์โดยรวมยังอยู่ในการควบคุมของเรา เมื่อวิญญาณชะตากรรมฟื้นคืน วังสวรรค์จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด แม้ฟางหยวนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาจะไม่สามารถทําสิ่งใด”

เขากล่าวกับเทพธิดาจื่อเว่ย “เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มันถูกต้องแล้วที่เจ้าจะ เป็นผู้นําวงสวรรค์ หากเจ้ามีงานให้พวกเราทํา อย่าได้ลังเล”

ความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเทพธิดาจื่อเว่ย “ผู้อาวุโส พวกท่านพึ่งตื่น พวกท่านควรพักผ่อนและฟื้นฟูพลังการต่อสู้เป็นอันดับแรก”

“เรากําลังสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาโดยไม่คํานึงถึงค่าใช้จ่าย เรายังต้องวางแผนจัดการสายธารแห่งกาลเวลา ผู้อาวุโส มันจะดีมากหากพวกท่านสามารถปกป้อ งสายธารแห่งกาลเวลา”

กู้หลิวรู่และหลี่ฮวงมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าและหัวเราะ “ดี ให้เราจัดการเทพปีศาจน้อยผู้นี้!”

พิจารณาจากความแข็งแกร่ง หลี่ฮวงเหนือกว่ากู้หลิวรู่ แต่เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกตื่นเต้นกับการตื่นขึ้นของกู้หลิวรุ่มากกว่า

หลังจากทั้งหมดในที่สุดผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์ก็ตื่นขึ้น สิ่งนี้สามารถบรรเทาปัญหาเร่งด่วนของเทพธิดาจื่อเว่ย

“แต่ฟางหยวนกําเนิดใหม่แล้ว เขาจะรู้เรื่องการตื่นขึ้นของผู้อาวุโสเหล่านี้หรือไม่?”

เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงฟางหยวน

ฟางหยวนสามารถกําเนิดใหม่ มันลําบากที่จะจัดการศัตรูเช่นนี้เพราะมันทําให้พวกเขาสงสัยในการตัดสินใจของตนเอง

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่รู้ว่าในชีวิตก่อนหน้ามีเพียงหลี่ฮวงเท่านั้นที่ตื่นขึ้น กู้หลิวรู่ตื่นขึ้นในช่วงเวลาสุดท้ายเมื่อถ้ําสวรรค์นิรันดรบุกโจมตีวังสวรรค์ ในเวลานั้นกู้หลิวคู่ต่อสู้กับไห่ฟาน ในที่สุดเขาก็ถูกลอบสังหารโดยหลิวหลิว

ฟางหยวนทําลายวิหารอดีตปัจจุบันและนาวานิรันดร์ ผลกระทบหยดหมึกทําให้กู้หลิวรู่ตื่นขึ้นล่วงหน้า

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้จะเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อฟางหยวนในสายธารแห่งกาลเวลา

มิติช่องว่างจักรพรรดิ ภาคกลางน้อย

ฟางหยวนกําลังตรวจสอบบึงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และหมอกที่เกิดจากละอองเกสรตัวเมียของพวกมัน

หมอกเกสรดอกไม้เหล่านี้คืออาหารของวิญญาณความเสียใจ

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนสร้างแหล่งทรัพยากรแห่งนี้หลังจากได้รับวิญญาณความเสียใจ

แต่ชีวิตนี้เขาร่ํารวยมากและสามารถสร้างมันล่วงหน้า แม้เขาจะยังไม่ได้รับวิญญาณความเสียใจ แต่เขาก็จะเตรียมความพร้อมสําหรับอนาคต เมื่อเขาได้รับวิญญาณความเสียใจ เขาก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารของมันอีก

แน่นอนว่าฟางหยวนทําสิ่งนี้หลังจากจัดหาอาหารให้กับวิญญาณอมตะดวงอื่นๆในการครอบครองของเขาเรียบร้อยแล้ว

ฟางหยวนกลืนกินมิติช่องว่างของเชลยและค้นวิญญาณของพวกเขา แต่กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่รู้เรื่องนี้และยังยอมรับการกรรโชกทรัพย์ของฟางหยวนต่อไป

วังสวรรค์ไม่รู้ว่าเทพปีศาจบัวแดงไม่ได้ทิ้งวิธีทําลายวิญญาณชะตากรรมเอาไว้ให้ฟางหยวน พวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและทุ่มเททุกสิ่งเพื่อจัดการสายธารแห่งกาลเวลา

เมื่อผู้คนยังเด็ก พวกเขาจะสนใจเพียงการต่อสู้ แต่หลังจากพวกเขาเติบโตขึ้น พวกเขาจะค่อยๆตระหนักว่าการต่อสู้เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่จะทําให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายและได้รับผลประโยชน์

มีความเสี่ยงสูงมากในการต่อสู้ที่ดุเดือดขณะที่ผลประโยชน์ไม่แน่นอน โดยปกติทั้งสองฝ่ายมักพบความสูญเสียเช่นเดียวกัน ดังนั้นวิธีนี้จึงสามารถใช้งานเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเท่านั้น

ฟางหยวนให้ความสําคัญกับการวางแผนมากกว่า เขาไม่ใช่คนบ้าการต่อสู้ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องต่อสู้ เขาก็จะต่อสู้โดยปราศจากความหวาดกลัว

มีความแตกต่างระหว่างโลกของผู้ใช้วิญญาณกับโลกมนุษย์ คนผู้หนึ่งสามารถบ่มเพาะและได้รับพลังอํานาจที่สามารถเอาชนะกองกําลังขนาดใหญ่

ตัวอย่างเช่นเทพปีศาจจิตวิญญาณ

วิธีเดียวที่เขาใช้คือการฆ่า

ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า

เข่นฆ่าทุกสิ่ง ทําลายสวรรค์พิภพ

เขาไม่จําเป็นต้องวางแผนใดๆแต่เขายังได้รับผลประโยชน์สูงสุด

เพราะเหตุใด?

เพราะเขาบ่มเพาะเต่ําของตนเอง

นี่คือความเข้าใจสวรรค์พิภพของเขา มันคือความเข้าใจของเขาที่มีต่อตัวเขาเอง

ทุกสิ่งที่เขาฆ่าจะทําให้เขาเกิดความเข้าใจและมีความก้าวหน้า

ในช่วงชีวิตห้าร้อยปีของฟางหยวน เขาต้องใช้เวลานับร้อยปีก่อนจะเข้าใจหลักการเหล่านี้

เขาเคยคิดว่าเต๋ของเขาคือสิ่งใด หรือกล่าวให้ชัดเจนกว่านั้น เขาสามารถสร้างเส้นทางเช่นไร?

กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่มีคําตอบที่ชัดเจนสําหรับคําถามนี้

เขาเดินไปบนเส้นทางที่คลุมเครือและเต็มไปด้วยอันตราย มีสัตว์ดุร้ายมากมายที่ต้องการกัดกินเขา

ท่ามกลางสัตว์ดุร้ายเหล่านี้ วังสวรรค์คือสัตว์ร้ายที่อันตรายที่สุด

เขาต้องใช้กําลังทั้งหมดเพื่อหาโอกาสเอาชนะสัตว์ร้ายตัวนี้และเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางของเขา

ทั้งฟางหยวนและเทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเผยข้อมูลของกันและกันซ้ําแล้วซ้ําอีกโดยหวังที่จะหยิบยืมความแข็งแกร่งของผู้อมตะคนอื่นๆจัดการฝ่ายตรงข้าม ไม่มีผู้ใดชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ มันเหมือนกับการต่อสู้ระหว่างพยัคฆ์กับราชสีห์ กลิ่นคาวเลือดของพวกมันดึงดูดฝูงหมาปาจํานวนนับไม่ถ้วนเข้ามา

สถานการณ์อาจดูเหมือนฟางหยวนได้รับชื่อเสียงที่น่าประทับใจ แต่แท้จริงแล้วมีกระแสน้ําอันเชี่ยวกรากซ่อนอยู่ในความมืด หลายคนกําลังคิดวิธีจัดการเขาและวิญญาณกาลเวลา

หลังจากทั้งหมดไม่มีผู้ใดมีความสุขกับการปรากฏตัวของภัยคุกคามดังกล่าว

วิญญาณกาลเวลาไม่ได้ทรงพลังมากนัก มันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและมีวิธีการมากมายที่สามารถต่อต้านมัน

กระทั่งแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็มีหลายวิธีที่สามารถปราบปรามวิญญาณกาลเวลา

ในความเป็นจริงฟางหยวนค่อนข้างประหลาดใจที่วังสวรรค์ไม่มีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านวิญญาณกาลเวลา

ฉายาเทพปีศาจน้อยอาจฟังดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่มันแฝงไว้ด้วยเจตนาสังหาร นี่เป็นการเตือนโลกว่าหากฟางหยวนไม่ถูกฆ่า เขาจะเติบโตขึ้นเป็นเทพปีศาจ อนาคตของทุกคนจะเต็มไปด้วยอันตราย

ฟางหยวนอาจได้รับชัยชนะในสายธารแห่งกาลเวลาแต่เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่ามันเป็นเพียงชัยชนะเล็กๆน้อยๆทางยุทธวิธีและไม่สามารถทําลายแผยการใหญ่ของวังสวรรค์

วังสวรรค์ยังควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด

“ด้วยรากฐานของวังสวรรค์ ผลกระทบหยดหมึกน่าจะปรากฏขึ้นแล้ว ตัวละครที่ทรงพลังอาจตื่นขึ้นจากสุสานอมตะ”

“สิ่งสําคัญที่สุดคือข้าต้องใช้ทุกวินาทีเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง”

ฟางหยวนไม่หลงระเริงกับชัยชนะ เขามีความสุขเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับไปมุ่งมั่นกับการบ่มเพาะ

มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่าเขาใช้เวลาทุกวินาที่อย่างเต็มที่

การบ่มเพาะจิตวิญญาณดําเนินไปอย่างราบรื่น รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณระดับจิตวิญญาณเดียวดายของฟางหยวนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนเริ่มฝึกท่าไม้ตายอื่นๆเช่นการโจมตีต่อเนื่องของปาซื่อปา

ในช่วงเวลาเหล่านี้เขายังใช้ท่าไม้ตายอมตะไข่มุกอมตะเดินทางออกไปเก็บเกี่ยวทรัพยากรอมตะมากมายจากร่องลึกใต้พิภพที่เกิดใหม่

วิญญาณอมตะเส้นโลหิตปฐพีระดับเจ็ดเป็นหนึ่งในนั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท