เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1812 การต่อสู้ครั้งที่สองในสายธารแห่งกาลเวลา

บทที่ 1812 การต่อสู้ครั้งที่สองในสายธารแห่งกาลเวลา

บทที่ 1812 การต่อสู้ครั้งที่สองในสายธารแห่งกาลเวลา

แปลโดย iPAT

ภายในเรือรบหมื่นปี หัวใจของไหลั่วหลันและคนอื่นๆเต้นแรง

กองทัพอสูรปีพุ่งเข้ามาหาพวกเขาจากทุกทิศทางและสร้างเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่

“ท่าไม้ตายนี้ช่างน่าทึ่งนัก!”

“ไม่แปลกใจเลยที่ท่าไม้ตายนี้ไม่เคยถูกใช้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

“อสูรปีถูกล่อมามากเกินไป หากมันเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่”

ฝ่ายของวังสวรรค์ก็หวั่นไหวเช่นกัน

“เรือรบหมื่นปี” กู้หลิวรู่พึมพำชื่อนี้ออกมาด้วยการแสดงออกที่จริงจัง

หลี่ฮวงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “คลื่นสัตว์อสูร ยอดเยี่ยม!”

แม้แต่ตัวละครในตำนานยังรู้สึกประทับใจกับภาพอันตระการตานี้

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

เขาได้รับท่าไม้ตายนี้มาจากการพัฒนาท่าไม้ตายอมตะตกอสูรปี ด้วยการใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดเป็นแกนกลาง มันจึงส่งผลกระทบที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้

อสูรปีจำนวนนับไม่ถ้วนคำรามเสียงดัง

“ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม!”

ฝ่ายของวังสวรรค์เริ่มเปิดฉากโจมตี

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสามารถต่อสู้กับอสูรปีแรกกำเนิด

แต่ปัญหาคือการฆ่าอสูรเหล่านี้มีประโยชน์ใด? ตราบเท่าที่เรือรบหมื่นปียังอยู่ อสูรปีก็จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่รู้จบสิ้น

นี่เป็นกลยุทธ์บนเส้นทางแห่งทาสเพื่อกลืนกินความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม

ผู้อมตะของวังสวรรค์สูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมากกับสิ่งนี้

“หากเราต่อสู้กับอสูรปีเหล่านี้ เราจะตกลงสู่กับดักของฟางหยวน เราต้องทำลายเรือรบหมื่นปีเท่านั้น!” ผู้อมตะระดับเจ็ดที่อยู่ภายในรังกระเรียนใบไม้ร่วงแนะนำ

ผู้อมตะอีกคนเร่งกล่าว “แต่เรือรบหมื่นปีแข็งแกร่งมาก เราจะใช้วิธีใดโจมตีมัน?”

ผู้อมตะระดับเจ็ดคนแรกพูดไม่ออก “นี่”

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากรอบๆ “ระวัง! ฟางหยวนมาแล้ว!”

ความเร็วของเรือรบหมื่นปีเพิ่มสูงขึ้น แต่แทนที่มันจะล่าถอย มันกลับพุ่งเข้าไปหาฉลามล่องคลื่น

“ช่างกล้าหาญนัก!” หลี่ฮวงที่อยู่ในฉลามล่องคลื่นเย้ยหยัน

หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองหลังของวังสวรรค์รวมถึงกู้หลิวรู่ก็พุ่งเข้าเผชิญหน้ากับเรือรบหมื่นปี

เรือรบหมื่นปีส่งดาบรุ่งอรุณจำนวนนับไม่ถ้วนออกไปราวกับพายุฝน

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันและทำให้ความรุนแรงของการต่อสู้พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดทันที

“ไม่ดีแล้ว! ฟางหยวนพยายามหยุดพวกเราเพื่อเปิดโอกาสให้กองทัพอสูรปีมีเวลาปิดล้อมพวกเรา!” กู้หลิวรุ่มองเห็นแผนการของฟางหยวน

หลี่ฮวงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ตราบเท่าที่เราต้องการทะลวงออกไป อสูรปีเหล่านี้จะสามารถทำสิ่งใด?”

กู้หลิวรูถอนหายใจ “อย่าลืมว่าเรายังมีค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินอยู่ข้างหลัง”

หลี่ฮวงเงียบ ในช่วงเวลาเร่งด่วน เราลืมมันไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากได้รับการแจ้งเตือน เขาเริ่มสาปแช่ง “ปีศาจตนนี้ช่างน่ารังเกียจนัก!”

วังสวรรค์สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มันสามารถลอยไปตามสายธารแห่งกาลเวลาและมีผู้อมตะจำนวนมากควบคุมอยู่ภายใน

หากค่ายกลนี้ถูกทำลาย ไม่เพียงวังสวรรค์จะสูญเสียผู้อมตะจำนวนมากแต่มันยังรวมถึงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดหลายดวง

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะไม่สามารถค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินขึ้นมาอีกครั้งในระยะเวลาสั้นๆ

สถานการณ์ของฝายวังสวรรค์ค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

พวกเขาต้องการใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินซุ่มโจมตีฟางหยวนแต่ฝ่ายหลังกลับมองเห็นแผนการของพวกเขาและกระทั่งใช้ประโยชน์จากมัน

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินสามารถเคลื่อนที่ในสายธารแห่งกาลเวลาแต่ความเร็วของมันช้ามาก มันไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีออกจากสนามรบ

“เราควรนำผู้อมตะที่อยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินกลับออกมาเป็นอันดับแรก” กู้หลิวรู่กล่าวหลังจากไตร่ตรอง

หลี่ฮวงกล่าวแทบจะในเวลาเดียวกัน “ฆ่าฟางหยวน ทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข!”

ผู้อมตะทั้งสองมองหน้ากัน ในช่วงเวลาสำคัญพวกเขากลับมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

“โฮก…”

กองทัพอสูรปีมาถึงสนามรบในที่สุดโดยมีอสูรปีแรกกำเนิดสามตัวเป็นผู้นำ

“รนหาที่ตาย!” หลี่ฮวงตะโกนด้วยความโกรธ เขาควบคุมฉลามล่องคลื่นเข้าต่อสู้กับพวกมัน

“ตัวตลกที่โง่เขลา!” เจตนาสังหารของหลี่ฮวงปะทุขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนของกู้หลิวรู่ “ช่วยข้าเร็วเข้า!”

หลี่ฮวงต่อสู้กับกองทัพอสูรบีขณะที่กู้หลิวรู่กับรังกระเรียนใบไม้ร่วงโจมตีเรือรบหมื่นปีและนำไปสู่สภาวะชะงักงัน

แต่หลังจากไม่นานฟางหยวนก็กระตุ้นใช้ดาบรุ่งอรุณโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินเริ่มส่งสัญญาณของการแตกสลาย

ผู้อมตะที่อยู่ภายในเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว

ด้วยการป้องกันที่แข็งแกร่งของเรือรบหมื่นปี กู้หลิวรู่กับรังกระเรียนใบไม้ร่วงไม่สามารถทำอันตรายใดๆต่อมัน พวกเขาถูกบังคับให้ปิดกั้นการโจมตีของเรือรบหมื่นปีเพื่อปกป้องค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหิน

กู้หลิวรู่กับรังกระเรียนใบไม้ร่วงตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช

เห็นสถานการณ์ไม่ดี หลี่ฮวงรีบบังคับฉลามล่องคลื่นหันกลับไปโจมตีเรือรบหมื่นปีจากด้านหลัง

แต่ฟางหยวนต้องกลัวงั้นหรือ?

หากเขาอยู่เพียงลำพัง เขาอาจไม่สามารถให้ความสนใจทุกด้าน แต่ตอนนี้เขามีผู้ใต้บังคับบัญชามากมายที่คอยให้ความช่วยเหลือและเพื่อให้ได้รับชื่อเสียงจากการสังหารผู้อมตะระดับแปดดวงตาของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านั้นจึงกลายเป็นแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น

ฟางหยวนยืนอยู่บนหัวเรือตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าสนามรบจะวุ่นวายเพียงใด เขาก็ยังมองเห็นช่องว่างและสามารถใช้ประโยชน์จากมัน

ท่าไม้ตายอมตะกรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

กรรไกรฤดูใบไม้ผลิพุ่งออกไปแต่เป้าหมายของมันไม่ใช่กู้หลิวรู้

ด้วยเสียงฉับ ศีรษะของผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งถูกตัดออกจากร่าง

หัวใจองกู้หลิวรู่เต้นแรงด้วยความตกใจ “นี่ไม่ใช่ไพ่ตายของเซี่ยชางั้นหรือ? ฟางหยวนได้รับมันและปรับเปลี่ยนมันให้เหมาะสมกับการบ่มเพาะระดับเจ็ดของเขา!”

ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่ขณะที่เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อนซึ่งอยู่ในระดับเจ็ดเช่นเดียวกัน

หลี่ฮวงไม่สามารถให้ความสนใจสองด้านพร้อมกัน เขาทำได้เพียงมองดูค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินถูกทำลายเท่านั้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า หากข้าจะฆ่าพวกเขา เจ้าจะหยุดข้าได้งั้นหรือ?” ฟางหยวนเย้ยหยัน

ดวงตาของหลี่ฮวงลุกไหม้ด้วยความโกรธ “ปีศาจ ข้าจะบดกระดูกของเจ้า!”

“บึม!”

โดยไม่คาดคิดอสูรปีแรกกำเนิดตัวหนึ่งพุ่งชนเรือรบหมื่นปีและทำให้มันสั่นไหวเล็กน้อย

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตกตะลึง

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองเข้าใจแทบจะในทันที

“ปรากฏว่าฟางหยวนสามารถล่ออสูรปีเข้ามาแต่ไม่สามารถควบคุมพวกมัน!”

“ดูเหมือนเป้าหมายของอสูรเหล่านี้จะเป็นเรือรบหมื่นปี!”

หลังจากค้นพบความลับนี้ หลี่ฮวงและกู้หลิวรู่แทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ

พวกเขาต่อสู้อย่างเต็มที่มาเป็นเวลานานแต่มันกลับเป็นการช่วยเหลือศัตรู

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฟางหยวนจะไม่เฝ้ามองอยู่ข้างสนามรบแต่พุ่งเข้ามาหาพวกเขา

ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดกับเรื่องนี้

นี่คือทั้งหมดที่เขาทำได้ในปัจจุบัน

การใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำดึงดูดอสูรปีเข้ามาเป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลา หากเขาสามารถควบคุมพวกมัน นั่นจะเป็นวิธีการบนเส้นทางแห่งทาส

กองทัพอสูรที่ทำให้สนามรบกลายเป็นคับแคบ

“ฟางหยวน ตายไปซะ!”

“รับความพ่ายแพ้!”

หลี่ฮวงตะโกนเสียงดังขณะที่ฟางหยวนพยายามควบคุมเรือรบหมื่นปีพัวพันอยู่รอบๆฉลามล่องคลื่นและรังกระเรียนใบไม้ร่วงตลอดเวลา

เป้าหมายของอสูรปีคือเรือรบหมื่นปี แต่กลยุทธ์ของฟางหยวนทำให้ฉลามล่องคลื่นกับรังกระเรียนใบไม้ร่วงเผชิญหน้ากับหายนะ

“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าต้องการกำจัดข้างั้นหรือ? ข้าอยู่ตรงหน้าพวกเจ้าแล้ว เข้ามาโจมตีข้า” ฟางหยวนหัวเราะ

ดวงตาของหลี่ฮวงกลายเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ แม้แต่การหายใจของกู้หลิวรุ่ยังไม่สม่ำเสมอ พวกเขาต่างจ้องมองฟางหยวนด้วยเจตนาสังหาร

หลังจากไม่นานคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังก็ไม่มีที่ว่างให้ขยับเขยื้อน

กองทัพอสูรปีปิดล้อมพวกเขาเอาไว้ทุกด้าน

หลี่ฮวงและกู้หลิวจู่โจมตีด้วยความโกรธจัด

ค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินถูกทำลายไปแล้ว ความพยายามของวังสวรรค์กลายเป็นสูญเปล่า

หลี่ฮวงและกู้หลิวรูพยายามช่วยผู้อมตะที่อยู่ภายในแต่ส่วนใหญ่เสียชีวิตอย่างน่าเวทนา

“ไปกันเถอะ มิฉะนั้นจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิต!” กู้หลิวรู่ตะโกน

วังสวรรค์พ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้

“ฟางหยวน เพียงรอก่อน เจ้าจะยโสได้ไม่นาน เจ้าจะต้องตายในมือของข้า!” หลี่ฮวงกัดฟันกล่าว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต่อสู้กับฟางหยวนแต่เขากลับรู้สึกเกลียดชังฝ่ายหลังเป็นอย่างมาก

ปีศาจตนนี้ชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์เกินไป!

“ฮีม หลี่ฮวง ช่างยโสนัก!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่ดาบรุ่งอรุณจำนวนนับไม่ถ้วนหลอมรวมกับเรือรบหมื่นปีและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง

“ท่าไม้ตายสองท่าสามารถรวมกันงั้นหรือ?” หลี่ฮวงกรีดร้องด้วยความตกใจ

ดาบแสงขนาดใหญ่พุ่งชนฉลามล่องคลื่นโดยตรง

“บีม!”

ฉลามล่องคลื่นถูกทำลายล้างทันที

ในช่วงเวลาสำคัญหลี่ฮวงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมเพลิงสุริยันหลบหนีออกมา

เรือรบหมื่นปีพุ่งชนหลี่ฮวงอีกครั้ง

เสื้อคลุมเพลิงสุริยันของหลี่ฮวงอ่อนกำลังลงและกลายเป็นกองไฟดวงเล็กๆ

“หลี่ฮวง ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อนกับกรรไกรฤดูใบไม้ผลิโจมตีหลี่ฮวง

“ระดับแปด!?” หล่อวงจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหายใจขณะที่เขาพยายามป้องกันตัวด้วยทุกสิ่ง

แต่เมื่อการโจมตีของฟางหยวนปะทะเขา หลี่ฮวงกลับตระหนักว่าพวกมันเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด

“ฟางหยวน เจ้ากล้าหลอกข้า!” หลี่ฮวงคำรามด้วยความโกรธ

หลังจากนั้นเรือรบหมื่นปีก็พุ่งตามเข้ามา

ดวงตาของหลี่ฮวงแทบหลุดออกมาจากเบ้า

“ปัง!”

เสื้อคลุมเพลิงสุริยันดับลงอย่างสมบูรณ์ หน้าอกของหลี่ฮวงยุบเข้าไป เลือดและอวัยวะภายในพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ

ดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตามมาราวกับฝูงผึ้งที่เจาะทะลวงเข้าไปในร่างของหลี่ฮวงจากทุกทิศทาง

แสงที่แหลมคมในรูม่านตาของเขาเลือนหายไป

ก่อนตาย เขายังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “ข้าจะตายอยู่ที่นี่จริงๆงั้นหรือ??

“ถอย!” กู้หลิวรู่ตะโกนเสียงดัง

เส้นเลือดที่ปูนโปนขึ้นบนหน้าผากทำให้ใบหน้าของชายชราดูชั่วร้ายมาก

หลี่ฮวงอาจแข็งแกร่งกว่างกู้หลิวรู่ แต่ในสายธารแห่งกาลเวลา โดยปราศจากการคุ้มครองจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ หลี่ฮวงก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ไม่ใช่ว่ากู้หลิวรูไม่ต้องการช่วยเขา แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาทำเช่นนั้น

กองทัพอสูรปีเป็นอุปสรรคสำคัญ

กู้หลิวควบคุมรังกระเรียนใบไม้ร่วงออกจากสนามรบได้ในที่สุด

ฟางหยวนไล่ล่าด้วยเจตนาสังหาร “ผู้อมตะของวังสวรรค์ ที่นี่จะเป็นที่พำนักแห่งสุดท้ายของพวกเจ้า”

กู้หลิวรู่ก่นเสียงเย็นและพยายามหลบหนีอย่างสุดความสามารถ

เขาจดจำความอัปยศครั้งนี้เอาไว้ในใจ “ฝ่ายธรรมะล้มลงขณะที่ปีศาจทะยานขึ้น เห้อ…ตัวเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุดในเวลานี้คือการรักษาความแข็งแกร่งของเราเอาไว้และต่อสู้อีกครั้งในอนาคต ฟางหยวน เจ้าจะสามารถยโสได้เพียงเวลานี้!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท