เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1801 ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า

บทที่ 1801 ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า

บทที่ 1801 ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า

ในช่วงเวลาสําคัญ ฟางหยวนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายโจมตี

“บัดซบ!” หว่านเสี่ยวตะโกน “ช่วยหว่านห่าวกวงเร็ว เกราะแสงของเขาเป็นท่าไม้ตายอมตะ มันกําลังจะหายไป!”

หว่านเหลียงฮันรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่าง ฟางหยวนป้องกันตัวมาตลอด แต่ตอนนี้เขากลับเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันและโจมตีมาที่จุดอ่อนของพวกเขา

ความโหดเหี้ยมและเฉียบขาดนี้ทําให้หว่านเหลียนฮันรู้สึกเสียใจเป็นครั้งแรก “เราควรตรวจสอบให้ดีก่อนลงมือ ตระกูลหว่านยั่วยุคนเช่นนี้ ผู้ใดจะรู้ว่ามันจะนําพรหรือหายนะมาสู่พวกเรา!”

กองทัพอสูรวิญญาณทําให้สามผู้อมตะตระกูลหว่านรู้สึกราวกับจมอยู่ในคลื่นสมุทร

“หว่านเสี่ยว ถอยไป!” หว่านเหลียงฮันสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารของฟางหยวนและเร่งแจ้งเตีอน

หว่านเสียวกังวล “ข้าทําไม่ได้ ข้าต้องช่วยหว่านห่าวกวง เขาติดอยู่กลางวงล้อมของศัตรู เขายกเลิกท่าไม้ตายอมตะเกราะแสง ตอนนี้เขาใช้เพียงวิญญาณอมตะเกราะแสงเท่านั้น”

ผู้อมตะตระกูลหว่านทั้งสามได้รับผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะรบกวนจิตใจของฟางหยวน นั่นทําให้พวกเขาไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะใดๆเพราะมันมีโอกาสล้มเหลวสูงมาก

หว่านห่าวกวงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงใช้เพียงวิญญาณอมตะเกราะแสง

“บัดซบ!” ในช่วงเวลาวิกฤต หว่านเหลียงฮันต้องร่วมมือกับหว่านเสี่ยวและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา สิ่งกีดขวางทางปัญญา

วิญญาณอมตะสิ่งกีดขวางทางปัญญาสร้างอุปสรรคบนเส้นทางแห่งปัญญาขึ้นรอบๆหว่านเสี่ยวและหว่านห่าวกวงเพื่อปกป้องพวกเขา

เมื่อหว่านเสี่ยวและหว่านห่าวกวงได้รับการสนับสนุนนี้ พวกเขาจึงสามารถกลับมารวมตัวกัน

“ดี ด้วยความร่วมมือของเรา เรามีความหวังที่จะทําลายอุปสรรค!” หว่านเหลียงฮันรู้สึกมีความสุข น้ําเสียงของเขาปรากฏร่องรอยของความเย้ยหยัน

“เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตนเองอีกงั้นหรือ? ช่างมีจิตวิญญาณแห่งการเสียสละตนเองที่น่ายกย่อง” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหว่านเหลียงฮัน

หว่านเหลียงฮันรู้สึกราวกับตกลงไปในทะเลสาบน้ําแข็ง

ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาตระหนักในที่สุดว่าทุกอย่างเป็นแผนการของซวนปู้จิน

ฟางหยวนจงใจกดดันและแสดงเจตนาสังหารต่อหว่านเสี่ยวและหว่านห่าวกวงแต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือหว่านเหลียงฮัน

อสูรวิญญาณแรกกําเนิดเป็นเพียงเหยื่อล่อ

พวกมันมีพลังการต่อสู้ระดับแปด ผู้ใดจะคิดว่าชวนจินจะไม่ใช้พวกมัน ตั้งแต่เริ่มต้นเขาซ่อนตัวอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพวกมันมาตลอด นั่นทําให้ผู้อมตะตระกูลหว่านค่อยๆพัฒนาความเข้าใจผิด

หว่านเหลียนฮันอาจสามารถมองทะลุกับดักนี้ได้ในสถานการณ์ปกติ แต่ก่อนหน้านี้เขาถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะรบกวนความคิด จิตใจของเขาว้าวุ่น นั่นทําให้เขาให้ความสนใจหว่านห่าวกวงกับหว่านเสี่ยวมากกว่าและไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

‘ซวนปู้จินไม่ใช่คนกลัวตาย เขาสามารถเสี่ยงในสถานการณ์อันตราย ฉากก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง….’ ความคิดนี้พุ่งผ่านจิตใจของเขาขณะที่เขาต้องการโต้กลับ

แต่มันสายเกินไป

ฟางหยวนจะให้โอกาสเขาตอบโต้ได้อย่างไร

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจขโมยชีวิต!

ฟางหยวนส่งมือปีศาจออกไป มันบินเข้าไปในร่างของหว่านเหลียงฮันก่อนจะบินกลับออกมาพร้อมกับบางสิ่งในกํามือ

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “ชีวิตของเจ้าเป็นของข้าแล้ว”

ใบหน้าของหว่านเหลียงฮันแข็งค้าง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขาตายแล้ว!

“พี่เหลียงฮัน!” หว่านเสี่ยวและหว่านห่าวกวงตะโกนด้วยความตกใจ ความโศกเศร้า และความโกรธ

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่กองกําลังหนึ่งจะบ่มเพาะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ความตายของหว่านเหลียงฮันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลหว่าน

ฟางหยวนบรรลุเป้าหมายของเขาแล้วครึ่งหนึ่งจากการสังหารหว่านเหลียงฮัน อีกครึ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับการตอบสนองของสองผู้อมตะตระกูลหว่านที่เหลืออยู่

ฟางหยวนไม่สนใจกําไรที่จะได้รับจากการสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งสอง

เขาต้องการจัดระเบียบโลกผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตก

เขากระตุ้นใช้วิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดกลิ่นอายของตน

“ชายผู้นี้กําลังอ่อนแอลง! เขาไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก”

“บางทีท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้สังหารพี่เหลียงฮันอาจส่งผลกระทบต่อเขา!”

หว่านเสี่ยวและหว่านห่าวกวงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อ่อนแอลงของฟางหยวน ขณะเดียวกันฝูงอสูรวิญญาณก็กระจัดกระจายออกไปทุกหนทุกแห่ง มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ฟางหยวนนําศพของหว่านเหลียงฮันซ่อนไว้ด้านหลังอสูรวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสี่

หว่านเสี่ยวและหว่านห่าวกวงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแต่พวกเขาตระหนักว่าตนเองไม่สามารถสังหารเป้าหมาย หากพวกเขายังดื้อรั้น พวกเขาอาจตายที่นี่

ดังนั้นพวกเขาจึงยกเลิกเขตแดนอมตะและเลือกที่จะล่าถอย

หว่านเสี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไปแล้ว หว่านห่าวกวงต้องแบกหว่านเสี่ยวหลบหนี

ฟางหยวนควบคุมกองทัพอสูรวิญญาณและทําตัวราวกับเขากําลังไล่ล่า จากนั้นเขาก็มองหว่านห่าวกวงหายตัวไปในชั้นเมฆด้วยความพึงพอใจ

“ข้าควรไปเช่นกัน” ฟางหยวนมองไปยังทิศทางของฐานทัพตระกูลหว่านและเผยรอยยิ้มบาง เขาหายตัวไปหลังจากเก็บฝูงอสูรวิญญาณทั้งหมด

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฟางมาถึง เขามองทะเลทรายที่ว่างเปล่าด้วยความมีนงง

มีเพียงร่องรอยของการต่อสู้ครั้งใหญ่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

การแสดงออกของฟางกงค่อนข้างไม่น่ามอง เขาคิด “ซวนปู้จิน! ดูเหมือนข้าจะมาช้าเกินไป ศัตรูได้รับชัยชนะ!”

ขณะที่เขากําลังคิดเรื่องนี้ สวรรค์สีเหลืองก็ตกสู่ความโกหลาหล

ฟางหยวนใช้อุบายเดิม เขาใช้ตัวตนของซวนปู้จินเพื่อเผยแพร่ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้

กลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด พวกเขาตระหนักว่าโลกผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกเริ่มร้อนแรงขึ้นแล้วในเวลานี้

“ซวนปู้จินผู้นี้เป็นผู้ใด? เขาได้รับการคุ้มครองโดยอสูรวิญญาณแรกกําเนิดสี่ตัว นอกจากนั้น เขายังมีวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่น่ากลัวมาก”

“ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลฟางรับเขาเข้าร่วม ฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกมีผู้อมตะระดับเจ็ดชั้นแนวหน้าอีกคน!”

“ยุคที่ยิ่งใหญ่กําลังจะมาถึง ไม่เพียงร่องลึกใต้พิภพที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่ยังมีตัวละครที่อันตรายทุกประเภทปรากฏขึ้น!”

ฟางกงตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในสวรรค์สีเหลืองหลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากฟาง

ฟางกงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่เขายังรู้สึกสับสนเล็กน้อย “ดังนั้นผู้ชนะก็คือซวนปู้จิน แต่เหตุใดเขายังไม่กลับมา?”

ฟางตี้เฉิงหัวเราะ “เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและพึ่งเข้าร่วมกับพวกเราเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้เขาฆ่าหว่านเหลียงฮันซึ่งเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตก นอกจากสถานการณ์ของตระกูลฟางแล้ว เขากังวลว่าพวกเราจะยอมแพ้ต่อเขาเพื่อปกป้องตระกูล ดังนั้นเขาจึงอยู่ข้างนอกและวางแผนเผยแพร่ข่าวการต่อสู้ครั้งนี้ออกไป”

ฟางกงเข้าใจทันที “อืม ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นพวกเจ้าชอบคิดมาก ซวนปู้จินกําลังกดดันตระกูลฟางของเราด้วยการกระทํานี้ แต่ความกังวลของเขาไม่ผิด หว่านเหลียงฮันถูกเขาสังหาร ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหว่านและตระกูลฟางเกือบพังทลายลง เห้อ…เสถียรภาพของพวกเราถูกทําลาย ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลฟางกลายเป็นยากลําบากอีกครั้ง”

“เจ้าคิดว่าเราควรเลือกอย่างไร? ตัดซวนปู้จินเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับตระกูลหว่านหรือยุติความสัมพันธ์กับตระกูลหว่านและปกป้องชวนรู้จิน? ตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่าซวนปู่จินไม่ต้องการเข้าร่วมกับตระกูลฟางของเราอย่างแท้จริง เขาทําเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามตระกูลหว่านก็ไม่ได้ดีต่อพวกเราเช่นกัน พวกเขาจะตอบโต้อย่างรุนแรงในอนาคต”

ฟางตี้เฉิงกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่าการปกป้องชวนจินมีประโยชน์มากกว่า”

“ซวนปู้จินมีความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเรา เขามีกําลังพอที่จะสนับสนุนความเย่อหยิงของตนเอง เพียงอสูรวิญญาณแรกกําเนิดสี่ตัว มันก็เหนือจินตนาการของเราไปแล้ว นอกจากนั้นเขายังเปิดเผยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมสองท่าในการต่อสู้ครั้งนี้ หากศัตรูประมาทเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อทันที”

“ครั้งนี้ตระกูลหว่านเป็นฝ่ายสร้างปัญญาให้กับพวกเรา หากเราแสดงความอ่อนแอ กองกําลังอื่นจะคิดว่าพวกเราไม่มีกําลังพอที่จะปกป้องตนเอง พวกเขาจะพยายามสร้างปัญหาให้กับพวกเรามากขึ้น ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของพวกเราจะกลายเป็นไร้ประโยชน์”

“ในช่วงเวลาเช่นนี้ ตระกูลฟางควรรักษาความแข็งแกร่งและปกป้องซวนปู้จิน เขาอาจไม่ใช่หนึ่งในพวกเรา แต่เขาเป็นพันธมิตรที่มีคุณสมบัติเพียงพอ เรามีรากฐานของความร่วมมือ ตระกูลของเราเป็นหนี้ค่าตอบแทนของเขา นั่นช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากเขาต่อไป สิ่งที่กองกําลังอื่นไม่ต้องการเห็นคือเขาสนับสนุนพวกเรา”

ฟางตี้เฉิงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา การวิเคราะห์ของเขาทําให้ฟางกงมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนมากขึ้น

ฟางกงพยักหน้า “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว การปกป้องซวนปู้จินมีประโยชน์มากกว่า แต่หากเราทําเช่นนั้น ตระกูลหว่านจะตอบโต้เราอย่างรุนแรง ตระกูลฟางของเราจะถูกปราบปรามมากขึ้น!”

ฟางตี้เฉิงถอนหายใจ “เราไม่สามารถทําสิ่งใดกับเรื่องนี้ ข้อมูลของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รั่วไหลออกไป เรารู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้น แผนปัจจุบันของเรายังเป็นการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยวิธีนี้ตระกูลฟางของเราจะสามารถก้าวข้ามวิกฤต”

ทะเลทรายผีเขียว

อสูรวิญญาณจํานวนมากไม่สามารถต่อต้านการโจมตีของฟางหยวน

หลังจากไม่นานพวกมันก็ก้มศีรษะลงและกลายเป็นทาสของเขา

อิงอู๋เซี่ยยืนอยู่ด้านข้าง

ช่วงเวลาที่ผ่านมาต้องขอบคุณเขาที่ดูแลสถานที่แห่งนี้และจับอสูรวิญญาณเอาไว้เป็นจํานวนมาก

หลังจากเอาชนะสามผู้อมตะตระกูลหว่าน ฟางหยวนไม่ได้กลับตระกูลฟางแต่มาที่นี่โดยตรง

“เอาล่ะ ไปต่อกันเถอะ” ฟางหยวนกล่าวแต่การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนไปอย่า งกะทันหัน

ตระกูลฟางส่งข้อความมาหาเขา

“ท่านผู้นํา คําตอบตระกูลฟางคือ?” อิงอู๋เซี่ยถามด้วยความกังวล การตอบสนองของตระกูลฟางจะส่งผลกระทบต่อแผนการเกี่ยวกับทะเลทรายผีเขียว

“ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมายของข้าทั้งหมด” ฟางหยวนยิ้ม

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท