เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1813 คลื่นสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัว

บทที่ 1813 คลื่นสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัว

บทที่ 1813 คลื่นสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัว

คลื่นขนาดใหญ่สาดซัดอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

เรือรบหมื่นปียิงดาบแสงพุ่งเข้าโจมตีรังกระเรียนใบไม้ร่วงอย่างต่อเนื่อง

ภายในรังกระเรียนใบไม้ร่วง กลุ่มผู้อมตะที่สิ้นหวังกล่าวกับกู้หลิวรู่ “ผู้อาวุโส โปรดจากไป!”

กู้หลิวรู่ลังเล

คนเหล่านั้นกล่าวต่อ “ภาคกลางสามารถสูญเสียพวกเราแต่ไม่สามารถสูญเสียท่าน สถานการณ์อันตรายเกินไป เราทุกคนจะถูกฆ่าหากเราพยายามหนีไปพร้อมกัน นอกจากนี้วังสวรรค์ยังส่งคําสั่งมา!”

เทพธิดาอเว่ยออกคําสั่งให้รังกระเรียนใบไม้ร่วงปิดกั้นเรือรบหมื่นปีเพื่อเปิดโอกาสให้กู้หลิวรู่หลบหนี

กู้หลิวรู่ถอนหายใจ “ข้าไม่คิดว่าสถานการณ์จะพัฒนามาถึงจุดนี้ ทุกคน การเสียสละของพวกเจ้าจะไม่สูญเปล่า!”

หลังจากนั้นเขาก็กระโดดออกจากรังกระเรียนใบไม้ร่วงและดําลงไปใต้น้ํา

ฟางหยวนเห็นเหตุการณ์นี้และตัดสินใจไล่ล่ากู้หลิวรู่ แต่รังกระเรียนใบไม้ร่วงพยายามปิดกั้นเขาโดยไม่คํานึงถึงตัวเอง

ฟางหยวนไม่สามารถจัดการรังกระเรียนใบไม้ร่วงได้ในระยะเวลาสั้นๆและทําได้เพียงมองกู้หลิวรู่จากไปเท่านั้น

“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปตายซะ!” ฟางหยวนกันเสียงเย็นและโจมตีรังกระเรียนใบไม้ร่วงอย่างไร้ปรานี้

ภายใต้การโจมตีซ้ําๆของเรือรบหมื่นปี รังกระเรียนใบไม้ร่วงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในที่สุด

ผู้อมตะมากกว่าสิบคนตกลงไปในสายธารแห่งกาลเวลาและกลายเป็นเหยื่อของฝูงอสูรปีที่กระหายเลือด

“สัตว์ร้าย หนีทาง!” ฟางหยวนตะโกนเสียงดัง เขาต้องการรับผลประโยชน์จาก

แต่อสูรปีมีมากเกินไป ผู้อมตะส่วนใหญ่ถูกกัดกินโดยอสูรปีโดยไม่เหลือแม้แต่ชิ้นส่วนซากศพ

“ปัง!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่อสูรปีฉลูแรกกําเนิดพุ่งเข้าโจมตีเรือรบหมื่นปีและทําให้มันเกือบพลิกคว่ํา

หัวใจของผู้อมตะที่อยู่ในเรือรบหมื่นปีสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

“ซ่อมเร็ว!”

“วิญญาณจํานวนมากถูกทําลาย!”

“อสูรปีแรกกําเนิดตัวนี้แข็งแกร่งมาก!”

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจและเร่งตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง

ตอนนี้อสูรปีแรกกําเนิดแปดตัวกําลังปิดล้อมเรือรบหมื่นปีอยู่ทุกทิศทาง

บางตัวอยู่ใกล้ บางตัวอยู่ไกล แต่ตัวที่ดูโดดเด่นที่สุดคืออสูรปีฉลูแรกกําเนิด

ดวงตาของฟางหยวนส่องประ

ค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศียังขาดอสูรปีฉลูแรกกําเนิด!

หรือกระทั่งฟางหยวนจะมีอสูรปีฉลูแรกกําเนิดอยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องการจับอสูรปีฉลูแรกกําเนิดตัวนี้ไปแทนที่

หลังจากทั้งหมดพลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศีขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของอสูรปีแรกกําเนิด และอสูรปีฉลูแรกกําเนิดตัวนี้ก็มีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นมากกว่าอสูรปีฉลูแรกกําเนิดทั่วไปอย่างชัดเจน

“แต่นี่ไม่ใช่เวลาปราบมัน” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นก่อนออกคําสั่ง “ถอย!”

เรือรบหมื่นปีเริ่มล่าถอย

แต่ไม่ว่าเรือรบหมื่นปีจะหนีไปที่ใด ฝูงอสูรปีก็กีดขวางมันตลอดทาง

เช่นเดียวกับอสูรปีจอแรกกําเนิดที่พุ่งเข้ามากีดขวางเรือรบหมื่นปีอย่างไม่ลดละ

เรือรบหมื่นปียิงดาบรุ่งอรุณออกไปแต่ดาบรุ่งอรุณกลับแตกสลายเมื่อปะทะร่างกายของมัน

อสูรปีจอแรกกําเนิดกระโดดเข้าไปหาเรือรบหมื่นปีก่อนจะใช้เขี้ยวอันแหลมคมฉีกกระชากหัวเรือออกเป็นชิ้นๆ

“หนีเร็ว อสูรปีจอแรกกําเนิดตัวนี้มีวิญญาณอมตะ!” ฟางหยวนแสดงออกอย่างเย็นชา

ภายใต้สถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย เขาไม่ต้องการต่อสู้กับอสูรปีแรกกําเนิด

โชคดีที่อสูรปีต่อสู้กันเองเช่นกัน

อสูรปีจอแรกกําเนิดตัวนี้สามารถเอาชนะอสูรปีวอกแรกกําเนิดหลายตัวได้ด้วยตัวมันเพียงลําพัง

ฟางหยวนหันเรือรบหมื่นปีกลับไปทางอสูรปีวอกแรกกําเนิดอย่างชาญฉลาด จากนั้นเรือรบหมื่นปีก็เคลื่อนที่ผ่านช่องว่างระหว่างฝูงอสูรปีไปอย่างรวดเร็ว

อสูรปีจอแรกกําเนิดถูกปิดกั้นโดยอสูรปีวอกแรกกําเนิด

หลังจากหลบหนีไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ไปถึงทางออกในที่สุด

แต่ในจังหวะนี้หนูตัวน้อยกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันและวิ่งเข้าไปในเรือรบหมื่นปีราวกับสายฟ้าสีทอง

“โอ้ ไม่!”

“ฟางหยวน มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”

การแสดงออกของผู้อมตะในเรือรบหมื่นปีเปลี่ยนแปลงไป

เรือรบหมื่นปีแข็งแกร่งภายนอกแต่อ่อนแอภายใน หากอสูรปีชวดแรกกําเนิดอาละวาดอยู่ภายในเรือรบหมื่นปี มันอาจถูกทําลาย

ในช่วงเวลาสําคัญฟางหยวนไม่สามารถปกปิดความแข็งแกร่งเอาไว้ได้อีกต่อไป เขาปลดปล่อยพลังอํานาจระดับแปดออกมาและเผชิญหน้ากับอสูรปีชวดแรกกําเนิด

กรรไกรฤดูใบไม้ผลิระดับแปดพุ่งเข้าโจมตีอสูรปีชวดแรกกําเนิด

อสูรปีชวดแรกกําเนิดตัวนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของหนูตัวน้อย มันมีร่างกายสีทองขนาดเท่ากําปั้นมนุษย์แต่มันดูแข็งแกร่งมาก

ฟางหยวนใช้กําลังทั้งหมดแต่อสูรปีชวดแรกกําเนิดตัวนี้กลับไม่เกรงกลัว

ดวงตาของมันส่องประกายขึ้น ก่อนที่จะมันจะกัดวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและหลบหนี

มันจากไปในเสี้ยวพริบตา

“ท่านฟางหยวน แย่แล้ว วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําถูกหนูตัวนั้นขโมยไป!”

ฟางหยวนหัวเราะ “มันเป็นของปลอมที่ข้าสร้างขึ้น แม้มันจะเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาแต่มันไม่ใช่วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ํา”

ฟางหยวนคิดค้นท่าไม้ตายอมตะล่าอสูรปีขึ้นมาด้วยตนเอง เขาจะไม่รู้จุดอ่อนของมันได้อย่าง

ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมสําหรับสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว

เมื่อเรือรบหมื่นปีได้รับความเสียหายถึงระดับหนึ่ง มันจะโยนเหยื่อชิ้นหนึ่งออกมาและทําให้อสูรปีเข้าใจผิด

วิธีนี้อาจไม่สามารถหลอกผู้อมตะของวังสวรรค์แต่อสูรปีมีสติปัญญาที่จํากัด พวกมันไม่เหมือนผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์

หลังจากอสูรปีชวดแรกกําเนิดงับเหยื่อ มันจะดึงดูดกองทัพอสูรปีเข้าไปหา ขณะที่เรือรบหมื่นปีจะถูกละทิ้งและมีโอกาสหลบหนี

ในที่สุดเรือรบหมื่นปีก็หลุดออกจากวงล้อมของกองทัพอสูรปีที่น่าสะพรึงกลัว

หลังจากยืนยันความปลอดภัย ฟางหยวนนําเรือรบหมื่นปีกลับเข้าไปในมิติซ่องว่างจักรพรรดิทันที

เรือรบหมื่นปีเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน อสูรปีชวดแรกกําเนิดฝากรูไว้ที่ด้านข้างตัวเรือ บนชั้นดาดฟ้าเรื่อยังมีรอยกรบเล็บหลายจุดราวกับถูกตัดด้วยใบมีด

วิญญาณระดับมนุษย์จํานวนนับไม่ถ้วนถูกทําลายในสงคราม วิญญาณอมตะจํานวนมากได้รับบาดเจ็บเช่นกัน กระทั่งวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ํายังได้รับความเสียหาย

ภายนอกมันอาจดูเหมือนเรือรบหมื่นปีไม่บุบสลาย แต่ในความเป็นจริงมันพบความสูญเสียครั้งใหญ่

สายธารแห่งกาลเวลาเป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนไม่ธรรมดา แม้แต่ฟางหยวนก็ไม่สามารถจัดการพวกมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ

หนึ่งในสิ่งที่ทําให้ฟางหยวนประทับใจเป็นอย่างมากก็คืออสูรปีแรกกําเนิดสามตัว

“แต่ทั้งหมดยังอยู่ในการคํานวณของข้า”

“อสูรปีแรกกําเนิดที่โจมตีเรือรบหมื่นปีถูกทําเครื่องหมายไว้แล้ว ข้าสามารถไปหาและกําหราบพวกมันในภายหลัง

“ข้าต้องเสี่ยงหากข้าต้องการสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศี

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

ค่ายกลวิญญาณอมตะสนามรบสิบสองราศีต้องใช้อสูรปีแรกกําเนิดสิบสองชนิดที่แตกต่างกัน ได้แก่ หนู วัว เสือ กระต่าย มังกร งูม้า แพะ ลิง ไก่ สุนัข และหมู

ในแต่ละช่วงเวลา สายธารแห่งกาลเวลาจะให้กําเนิดอสูรปีบางชนิดมากกว่าปกติ พวกมันจะกลายเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนั้นๆและสามารถปราบปรามอสูรบีชนิดอื่น

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาของพวกมันสิ้นสุดลง พวกมันจะถูกอสูรปีชนิดอื่นกดดัน สุดท้ายมันจะเหลือเพียงตัวที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่รอดชีวิต

เช่นเดียวกับอสูรปีฉลูแรกกําเนิด อสูรปีจอแรกกําเนิด และอสูรปีชวดแรกกําเนิดทั้งสามตัวที่ฟางหยวนพึ่งพบ พวกมันเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดสําหรับเรื่องนี้

ฟางหยวนสามารถรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดบางชนิดได้อย่างง่ายดายเพราะพวกมันเป็นอสูรปีประจําปีที่มีจํานวนมากเป็นพิเศษ นอกจากนั้นความแข็งแกร่งส่วนตัวของพวกมันยังแตกต่างกัน

การฟื้นฟูเรือรบหมื่นปีไม่ใช่เรื่องยาก

วิญญาณระดับมนุษย์สามารถเติมเต็มอย่างง่ายดายขณะที่อาการบาดเจ็บของวิญญาณอมตะต้องใช้เวลาและความพยายามเล็กน้อย แต่ฟางหยวนมีค่ายกลวิญญาณอมตะวิญญาณก่อนหน้า!

รากฐานบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวนแข็งแกร่งเกินไป เขาสามารถรักษาวิญญาณอมตะเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

“มิติช่องว่างของผู้อมตะภาคกลางเหล่านั้นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนเทพธิดาจื่อเว่ยได้เรียนรู้บทเรียนของนางแล้ว” ฟางหยวนยิ้ม

ทรัพยากรทั้งหมดของผู้อมตะภาคกลางเหล่านั้นถูกนําออกไปก่อนการต่อสู้เพราะเทพธิดาจื่อเว่ยเกรงว่าทรัพยากรเหล่านั้นจะตกอยู่ในมือของฟางหยวน

ฟางหยวนไม่สนใจเรื่องนี้

หลังจากทั้งหมดทรัพยากรเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นไม่มีความสําคัญกับเขา

“ต่อไปข้าต้องซ่อมเรือรบหมื่นปีและกลับไปยังสายธารแห่งกาลเวลา เพื่อจับอสูรปีแรกกําเนิดที่ยังขาดอยู่”

“จากนั้นข้าจะสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน มีอาณาจักรแห่งความฝันกองใหญ่ที่ข้ารีดไถมาจากกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้รอข้าอยู่”

ฟางหยวนรู้สึกถึงเวลาที่กระชั้นชิดเข้ามา

อีกไม่นานถ้ําสวรรค์ห้าเชียงจะเปิดออก การเดิมพันจากยุคโบราณกําลังจะสิ้นสุดลง

“ข้าทําได้เพียงทําทุกสิ่งให้ดีที่สุดเท่านั้น” ฟางหยวนถอนหายใจ

ในเวลาเดียวกันเทพธิดาจื่อเว่ยก็ถอนหายใจอยู่ในวังสวรรค์เช่นกัน

นางเต็มไปด้วยความกังวล วังสวรรค์พ่ายแพ้ในสายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้ง

ความแข็งแกร่งของเรือรบหมื่นปีทําให้นางรู้สึกหมดสิ้นหนทาง

นางรู้ว่าฟางหยวนกําลังล่อลวงให้พวกนางเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลา แต่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงมีความสําคัญมากเกินไป แม้นางจะรู้ว่ามันเป็นกับดัก แต่นางก็ต้องงับเหยื่อของเขา

“แม้มันจะเป็นหลุมเลือด เราก็ต้องกระโดดลงไป! วังสวรรค์ไม่เคยกลัวการเสียสละ!” ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายแหลมคมแต่นางยังขมวดคิ้วอีกครั้ง “แต่เราต้องเปลี่ยนคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันจะเป็นความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ตราบเท่าที่เราสามารถหยุดฟางหยวนจากการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท