เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1811 ดาบรุ่งอรุณ

บทที่ 1811 ดาบรุ่งอรุณ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1811 ดาบรุ่งอรุณ

แปลโดย iPAT

สายธารแห่งกาลเวลา

ไม่นานหลังจากฟางหยวนเข้ามา กู้หลิวรู่ก็ออกมาสกัดกั้นเขา

“เจ้าคือฟางหยวนงั้นหรือ? ข้าคือกู้หลิวรู่ของวังสวรรค์ ข้ามาที่นี่เพื่อเอาชีวิตของเจ้า” กู้หลิวรู่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยใบหน้าซีดขาวแต่สายตาเย็นชา

ทันทีที่เขากล่าวจบ ดวงแสงสีเทาขาวก็พุ่งเข้าหาฟางหยวนราวกับอุกกาบาต

“บึม บึม บึม!”

ดวงแสงสีเทาขาวถูกปิดกั้นโดยเรือรบหมื่นปีอย่างสมบูรณ์

แต่เรือรบหมื่นปียังเกิดการสั่นสะเทือนจากแรงระเบิด

“คนผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่!”

“ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาถูกขยายพลังอํานาจโดยสายธารแห่งกาลเวลา”

“รากฐานของวังสวรรค์ไม่สามารถหยั่งถึงจริงๆ เพียงไม่นานผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาคนใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง”

ผู้อมตะที่อยู่ในเรือรบหมื่นปีตกตะลึง

“ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถเอาชีวิตของข้า” ฟางหยวนเย้ยหยัน

แรกเริ่มเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ไม่นานเขาก็จําคนผู้นี้ได้

ในชีวิตก่อนหน้า เมื่อถ้ําสวรรค์นิรันดรบุกวังสวรรค์ ชิงช่ายฉวนส่งข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การต่อสู้ในวังสวรรค์ทั้งหมดให้ฟางหยวนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากฝายหลัง

กู้หลิวรู่ตื่นขึ้นและเข้าร่วมในสงครามครั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงสามารถจดจํากู้หลิวรู่และวิธีการทั้งหมดของเขาได้อย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ระหว่างฟางหยวนกับกู้หลิวรู่ทําให้สายธารแห่งกาลเวลาเกิดความโกลาหล

ทุกการเคลื่อนไหวของกู้หลิวรุ่งดงามและซับซ้อน ในความเป็นจริงกู้หลิวคู่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลักและยังบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นเส้นทางสายรอง

ฟางหยวนรู้สึกเหมือนกําลังเล่นหมากรุกอยู่กับคู่ต่อสู้ที่ชาญฉลาด หากเขาประมาทเพียงเล็กน้อย เขาอาจตกลงสู่หลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย

โชคดีที่ฟางหยวนเข้าใจรูปแบบการต่อสู้ของกู้หลิวรู่ ดังนั้นเรือรบหมื่นปีจึงสามารถอาละวาด และทําลายแผนการของชายชรา

การต่อสู้อันยาวนานไม่ปรากฏผลแพ้ชนะแต่กู้หลิวรู่เลือกที่จะล่าถอย

“เจ้าไม่ได้มาเอาชีวิตของข้างั้นหรือ?” ฟางหยวนตะโกนเย้ยหยันขณะนําเรือรบหมื่นปีไล่ล่า

กู้หลิวรุ่ตอบโต้ “ข้าไม่รีบ แล้วเจ้าจะรีบเพื่อสิ่งใด? ฟางหยวน เจ้าเป็นปีศาจที่ทําให้โลกเกิดความวุ่นวาย เจ้ามีทักษะบางอย่าง เมื่อข้ากลับมา ข้าจะถอดรหัสเรือลําจิ๋วของเจ้าและปลิดชีวิตของเจ้า!”

แม้ร่างกายครึ่งล่างของเขาจะเป็นอัมพาต แต่เก้าอี้รถเข็นที่เขานั่งเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะขนาดกะทัดรัดหลังหนึ่ง

สองล้อของมันหมุนอย่างรวดเร็วบนผิวน้ําและนํากู้หลิวรู่เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูง

“ท่านฟางหยวน เราควรใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนกระแสน้ําหรือไม่?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เสนอ

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถเปลี่ยนกระแสน้ําที่อยู่รอบๆและเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของเรือรบหมื่นปี

“ไม่รีบ ไม่รีบ” ฟางหยวนปฏิเสธและแนะนํา “ใช้ดาบรุ่งอรุณ”

หลังจากนั้นแสงสีเงินก็ปะทุขึ้นบนเรือรบหมื่นปีก่อนที่มันจะควบรวมเป็นดาบแสงสีเงิน จํานวนมหาศาล

“อันใด!?” กู้หลิวตกใจเมื่อค้นพบสิ่งนี้

เขาเร่งอนุมาน นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเปิดเผยท่าไม้ตายนี้ ช่างมหัศจรรย์นัก! มันใช้ประโยชน์จากสายธารแห่งกาลเวลาโดยเปลี่ยนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งกาลเวลาให้เป็นดาบอันแหลมคม หากข้าถูกโจมตี ข้าจะไม่สามารถจากไปโดยไร้อาการบาดเจ็บ!?

จิตใจของกู้หลิวู่ฮั่นไหวเล็กน้อย

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด ขณะเดียวกันฟางหยวนยังยกระดับมันด้วยสายธารแห่งกาลเวลาและทําให้พลังอํานาจของมันเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะระดับแปดทั่วไป

“พรสวรรค์ของปีศาจตนนี้ช่างน่ากลัวนัก ไม่เพียงเขาจะสามารถใช้งานแม่น้ําหวนคืน เขายังริเริ่มใช้ประโยชน์จากสายธารแห่งกาลเวลา” เจตนาสังหารของกู้หลิวรู่พุ่งสูงขึ้น “ข้าจะปล่อยให้ปีศาจตนนี้มีชีวิตอยู่ไม่ได้! ข้าต้องใช้กําลังทั้งหมดเพื่อกําจัดเขา มิฉะนั้นเขาจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อวังสวรรค์ในอนาคต!”

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

ดาบแสงสีเงินพุ่งเข้าไปหากู้หลิวรู่

ในไม่ช้ากู้หลิวรู่ก็ได้รับบาดเจ็บ ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของเขาไม่สามารถต่อต้านดาบแสง

“ฆ่ามัน!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บางคนคําราม ขวัญกําลังใจของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น

หลังจากสังหารผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ในครั้งก่อน ความมั่นใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้พวกเขายังต้องการกําจัดกู้หลิวรู่อีกคน

ด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ดแต่สามารถไล่ล่าผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ นี่เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่สามารถกระตุ้นจิตใจของพวกเขา

ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่ “ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการปลิดชีวิตของข้างั้นหรือ? แต่ตอนนี้ดูเหมือนชีวิตวัยชราของเจ้ากําลังตกอยู่ในอันตราย”

กู้หลิวรู่กันเสียงเย็นแต่ไม่ตอบ เขาให้ความสําคัญกับการหลบหนีเท่านั้น

ฟางหยวนเย้ยหยัน “เจ้าทําตัวราวกับสุนัขจรจัด เจ้านําความอัปยศมาสู่วังสวรรค์!”

ดาบแสงพุ่งเข้าตัดเสื้อคลุมและเนื้อของกู้หลิว

กู้หลิวรู่เงียบ

ฟางหยวนเย้ยหยันต่อไป “ดูเหมือนวังสวรรค์จะมีเพียงขยะเช่นเจ้า แท้จริงแล้วกองกําลังอันดับหนึ่งของโลกก็ไม่ได้มากมายอันใด”

กู้หลิวรู่รู้สึกอับอายและไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป “หุบปาก! ปีศาจตัวเล็กตัวน้อยเช่นเจ้าจะเข้าใจความยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์ได้อย่างไร?”

“ฉัวะ!”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ ดาบแสงเล่มหนึ่งก็พุ่งผ่านศีรษะของเขาและตัดเส้นผมรวมถึงชั้นผิวหนังของเขาออกไป เลือกทะลักไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง

กู้หลิวรู่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขาระเบิดความเร็วของรถเข็นออกมาทันที

“ล่า!”

“เขาทนได้อีกไม่นาน!”

“ถูกต้อง วิญญาณอมตะของเขาถูกทําลายโดยดาบรุ่งอรุณแล้ว รถเข็นของเขากําลังจะพังทลาย”

ผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวนตะโกนขณะที่ขวัญกําลังใจพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด

รถเข็นของกู้หลิวรู่พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง แต่ฟางหยวนกลับเผยรอยยิ้มเฉยเมยและออกคําสั่ง “หยุด!”

“อา…” กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ประหลาดใจแต่พวกเขาไม่กล้าไม่เชื่อฟัง

เรือรบหมื่นปีหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน

กู้หลิวรู่ที่กําลังวิ่งหนีเห็นฉากนี้และรู้สึกจุกแน่นอยู่ในอกแต่ไม่สามารถระบายมันออกมา

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างสบายๆ “เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่ดี ข้าสงสัยว่าผู้อมตะของวังสวรรค์คนใดกําลังรอข้าอยู่?”

“เจ้ากําลังกล่าวถึงข้า หลี่ฮวง!” เสียงของหลี่ฮวงดังขึ้นขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะเผยตัวมันเองออกมา

ผู้ใต้บังคับบัญชาของฟางหยวนรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสามารถตอบสนอง “นี่คือกับดัก!”

“เจ้าแก่นั่นแสดงละครได้ดี!”

“เราเกือบตกลงสู่หลุมพราง หากไม่ใช่เพราะความเฉลียวฉลาดของท่านฟางหยวน เราอาจต กอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย!”

กู้หลิวรูค่อยๆบินกลับมาด้วยใบหน้ามืดมน

เขาแสดงละครฉากใหญ่ เขาจงใจรับการโจมตีและได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทุกอย่างกลับไร้ประโยชน์ต่อหน้าฟางหยวน

หลี่ฮวงกล่าวเสียงทุ่ม “ดูเหมือนเจ้าจะคุ้นเคยกับค่ายกลวิญญาณอมตะผนึกบัวหินเป็นอย่าง

ฟางหยวนยอมรับ “แท้จริงแล้วข้าเคยทุกข์ทรมานเพราะมันในชีวิตก่อนหน้า”

“หากเจ้ารู้จักมัน ชีวิตของเจ้าก็จะจบลงที่นี่” กู้หลิวรู่หัวเราะเย้ยหยัน

หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังก็ปรากฏขึ้นจากด้านซ้ายและด้านขวาของฟางหยวน

หนึ่งคือรังกระเรียนใบไม้ร่วง อีกหนึ่งคือฉลามล่องคลื่น

ฟางหยวนทําลายวิหารอดีตปัจจุบันและนาวานิรันดร์ไปแล้วแต่วังสวรรค์ยังสามารถสร้างใหม่

โครงการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะรังกระเรียนใบไม้ร่วงและฉลามล่องคลื่นเริ่มขึ้นเมื่อนานมาแล้ว พวกมันพึ่งเสร็จสมบูรณ์ไม่นานมานี้และถูกส่งออกมาในครั้งนี้

รังกระเรียนใบไม้ร่วงกับกู้หลิวรุ่ปิดกั้นเรือรบหมื่นปีเอาไว้ขณะที่ฉลามล่องคลื่นรับหลี่ฮวงเข้าไปภายใน

การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นและทําให้สายธารแห่งกาลเวลาเกิดความปั่นป่วน

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ช่างแข็งแกร่งนัก!” หลี่ฮวงและกู้หลิวตกตะลึง

เรือรบหมื่นปีมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง มันสามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์

ฟางหยวนหัวเราะ “กู้หลิวรู่ ข้าเคยเห็นท่าไม้ตายของเจ้ามาแล้ว”

หลังกล่าวจบคํา เรือรบหมื่นปีก็พุ่งเข้าโจมตีจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม

“ไม่ดีแล้ว!” การแสดงออกของกู้หลิวรู่เปลี่ยนไป ท่าไม้ตายอมตะที่ถูกหยุดอย่างกะทันหัน ทําให้เขาได้รับผลกระทบย้อนกลับและกระอักเลือดคําโตออกมา

“หยุดเขา!” ฉลามล่องคลื่นและรังกระเรียนใบไม้ร่วงใช้ท่าไม้ตายอมตะของพวกมัน

“ พุ่งไปข้างหน้า” ฟางหยวนออกคําสั่ง

เรือรบหมื่นปีพุ่งออกจากสนามรบอย่างไร้เหตุผล

“อย่าไล่ล่า!? กู้หลิวรูรีบหยุดหลี่ฮวงที่ต้องการไล่ล่า เขากล่าวด้วยใบหน้ามืดครื้ม “คฤหาสน์ วิญญาณอมตะหลังนี้สมกับเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด เราไม่สามารถหยุดมัน”

“บัดซบ!” หลี่ฮวงกําหมัดแน่น เขารู้สึกอึดอัดใจ เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไฟและสามารถต่อสู้อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาด้วยการพึ่งพาฉลามล่องคลื่นเท่านั้น

หากฟางหยวนตกลงสู่กับดัก เขาจะสามารถแสดงพลังอํานาจที่แท้จริงของตนออกมา แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสนั้นกับเขา

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทําให้หลี่ฮวงรู้สึกหดหูยิ่งกว่ายังมาไม่ถึง

ฟางหยวนเห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ไล่ล่า ดังนั้นเขาจึงนําเรือรบหมื่นปีย้อนกลับมาและเผย รอยยิ้ม “สหายเรือรบหมื่นปีของข้ายังมีท่าไม้ตายอมตะที่เรียกว่าล่าหมื่นปี โปรดประเมิน

ฝายของวังสวรรค์ระวังตัวมาก พวกเขาได้กลิ่นแปลกๆก่อนที่เสียงคํารามของสัตว์ร้ายจํานวนนับไม่ถ้วนจะดังขึ้นจากทุกทิศทางและดูเหมือนพวกมันกําลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

“พวกมันคือ…อสูรปี อสูรปีบรรพกาลและยังมีอสูรปีแรกกําเนิด!”

“อสูรบีมากมายนัก พวกมันรวมตัวกันราวกับคลื่นสัตว์อสูร!”

หัวใจของหลี่ฮวงและกู้หลิวรู่สั่นสะท้านขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนี้

ปรากฏว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดของฟางหยวนไม่ได้มีดีเพียงการพุ่งชนแต่มันยังมีท่าไม้ตายอมตะที่น่าสะพรึงนี้อยู่ด้วย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท