เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1818 ความชอบธรรมของวังสวรรค์

บทที่ 1818 ความชอบธรรมของวังสวรรค์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1818 ความชอบธรรมของวังสวรรค์

ปราณโลหิตหาง่ายมาก! คนผู้หนึ่งเพียงต้องฆ่าสัตว์อสูรธรรมดาและใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดสกัดมันออกมา ด้วยการเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายเอาไว้ในมิติช่องว่าง พวกเขาจะได้รับปราณโลหิตอย่างไม่รู้จบสิ้น

หากมันเป็นทรัพยากรอมตะชนิดอื่น ฟางเจิ้งอาจต้องขอความช่วยเหลือจากนิกาย แต่นี่เป็นเพียงปราณโลหิตและฟางเจิ้งก็ต้องการไม่มาก

ในกรณีของฟางเจิ้ง เขาเพียงต้องใช้เวลาและความพยายามเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางเจิ้งก็แจ้งฟานซื่อหลิวเกี่ยวกับแผนการของเขา เนื่องจากตัวตนของเขา เขาจึงไม่สามารถออกจากภูเขาเฟยอี้ได้ตามใจปรารถนา

หลังจากฟานชื่อหลิวเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขามอบภารกิจให้ฟางเจิ้ง “ช่างเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ! มีวัวภูเขาทองคํากําลังสร้างปัญหาอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ไปจัดการมันซะ ฆ่าหรือกดขี่มัน หากเจ้าสามารถจับมัน เจ้าจะได้รับแต้มผลงานของนิกายเพิ่มเป็นสองเท่า”

หัวใจของฟางเจิ้งสั่นไหว วัวภูเขาทองคําเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดายมาก่อน

แต่ในไม่ช้าเขาก็ควบคุมอารมณ์ของตนเองและตกลงรับภารกิจ

เขาไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไป เขาผ่านอุปสรรคมามากมายในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ฟางเจิ้งไม่รีบออกเดินทางทันที เขาไปที่หอตําราของนิกายและรวบรวมข้อมูลเป็นอันดับแรก

หอตํารากระเรียนขาวเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะเก้าชั้น มันตั้งอยู่อย่างเงียบสงบบนไหล่เขาของภูเขาเฟยอี

ฟางเจิ้งขึ้นกกระเรียนไปที่นั่น แม้เขาจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดแต่เขาเคย เป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระเรียนสวรรค์และคุ้นเคยกับการควบคุมนกกระเรียน

หอตํารากระเรียนขาวไม่มีผู้พิทักษ์ มีเพียงนกกระเรียนเดียวดายสองตัวที่พักอยู่ที่นี้ หากเกิดเหตุร้าย พวกมันจะปรากฏตัวและทําหน้าที่ผู้พิทักษ์

เมื่อฟางเจิ้งเข้าไปใกล้ นกกระเรียนของเขาเริ่มส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกระวนกระวายใจ

ฟางเจิ้งถอนหายใจ “นกกระเรียนตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับห้า ย้อนกลับไปเมื่อข้ายังอยู่ในนิกาย ข้ารู้สึกว่ามันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตอนนี้มันกลับไม่มีสิ่งใดพิเศษเลย”

“ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับผู้อมตะใหญ่โตเกินไปจริงๆ”

หลังจากฟางเจิ้งไปถึงหอตํารากระเรียนขาว นกกระเรียนของฟางเจิ้งแทบหมดสติด้วยความหวาดกลัว

ฟางเจิ้งถอนหายใจและเก็บมันไว้ในมิติช่องว่าง

เขามีสถานะเป็นผู้อาวุโสสูงสุด หอตํารากระเรียนขาวเปิดรับเขาโดยไม่มีคําถาม ฟางเจ๋งก้าวเข้าไป

หอตํารากระเรียนขาวแต่ละชั้นเก็บวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจํานวนมากเอาไว้

หากฟางเฉิงต้องการข้อมูลเหล่านี้ เขาต้องใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยน

หอตํารากระเรียนขาวเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่สามารถรวบรวมและเก็บข้อมูล แน่นอนว่าความลับที่แท้จริงจะถูกเก็บไว้สําหรับชนชั้นสูงที่แท้จริงเท่านั้น

แม้ฟางเจิ้งจะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายกระเรียนอมตะ แต่เขาไม่ใช่ชนชั้นสูงของนิกาย ในความเป็นจริงเขายังถูกกีดกันโดยคนอื่นๆ

ในอดีตฟางเจิ้งอาจเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ด้วยความไร้เดียงสา แต่หลังจากหลายปีเขาก็เข้าใจเกมส์การเมืองเหล่านี้ในที่สุด

เขาไม่รู้สึกภูมิใจที่สามารถทําความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เขามีเพียงรอยยิ้มที่ขมขึ้นเท่านั้น

ตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวนเมื่อครั้งยังอยู่บนภูเขาชิงเหมาแล้ว ฟางหยวนในเวลานั้น ถูกกีดกันโดยชนชั้นสูงของตระกูล เพื่อยกระดับการบ่มเพาะ เขาต้องใช้อุบายและการปล้นชิงเท่านั้น

“ตั้งแต่นิกายถูกสร้างขึ้น ไม่ใช่ว่าพวกเขาก็ทําเช่นนี้มาตลอดงั้นหรือ? พวกเขาปล้นชิงทรัพยากรมากมายมาจากผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะ”

“แม้วังสวรรค์จะมีชื่อเสียงเรื่องความชอบธรรมแต่นั่นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด มองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ดินแดนทั้งหมดถูกแย่งชิงมาจากเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสิ้น”

“วังสวรรค์คือความชอบธรรมของเผ่ามนุษย์เท่านั้น” ฟางเจิ้งคิดกับตนเอง

โดยปกติแล้วผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคกลางจะไม่คิดเช่นนี้ นี่ถือเป็นความคิดของคนนอกรีต

แต่ฟางเจิ้งเคยอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ขน แม้เขาจะถูกต่อต้าน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงอารยธรรม และพื้นเพนิสัยที่แท้จริงของมนุษย์ขน เขาเข้าใจพวกเขา

สําหรับผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์กลายพันธุ์

ประสบการณ์ที่แตกต่างของฟางเจิ้งทําให้เขามีมุมมองที่แตกต่าง แม้วิสัยทัศน์ของเขาจะไม่กว้างนัก แต่เขาก็มีความคิดเป็นของตนเอง

“แต่สถานะของคนผู้หนึ่งจะถูกกําหนดโดยมุมมองและนิสัยของตัวเอง ข้ายังซอบความชอบธรรมของวังสวรรค์มากกว่า” ฟางเจิ้งเผยรอยยิ้มขมขึ้นและเริ่มตรวจสอบข้อมูล

“สัตว์อสูรเดียวดาย วัวภูเขาทองคํา อืม มันอยู่นี่” ฟางเจิ้งขึ้นไปหลายชั้นก่อนจะพบข้อมูลที่เขาต้องการ

เขาได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับมัน วัวภูเขาทองคํามีร่างกายใหญ่โตเท่าภูเขา มันเป็นสายพันธุ์ที่มีเฉพาะเพศเมียเท่านั้น มันชอบกินโลหะ หลังจากกินแก่นแท้โลหะหลายร้อยกิโลกรัม มันจะนอนหลับอยู่ในถ้ํา

“กินและนอน นอนและกิน? นี่เป็นชีวิตที่ดี” ฟางเจิ้งหัวเราะ

เขายังอ่านข้อมูลต่อไป “เขาของมันมีค่ามากที่สุด ทุกร้อยปีเขาของมันจะยาวขึ้นสามเมตร มันจะยาวออกไปรัดพันรอบศีรษะ ลําคอ และท้องทั้งหมด หากมันต้องการ เขาของมันจะตัดมดลูกของมันออกและให้กําเนิดลูกวัวภูเขาทองคํา”

ดวงตาของฟางเจ๋งส่องประกายขึ้น “วิธีสืบพันธุ์ค่อนข้างคล้ายกับเผ่ามนุษย์หิน”

ฟางเจิ้งยังอ่านต่อไป

หลังจากวัวภูเขาทองคําคลอดลูก มันจะได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดจํานวนมาก

หากลูกวัวเลือกที่จะเลียบาดแผลของแม่วัว ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของพวกมันจะรักษาแม่วัวภูเขาทองคําอย่างรวดเร็ว

ในทางตรงข้าม หากลูกวัวไม่ทํา แม่วัวจะตาย ลูกวัวสามารถดื่มเลือดของแม่วัวเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

“น่าสนใจมาก!” ฟางเจิ้งถอนหายใจกับตนเอง

ชีวิตของวัวภูเขาทองคําคือการกินและนอน เมื่อพวกมันคลอดลูก หากลูกวัวเลือกที่จะช่วยแม่วัว แม่วัวจะเข้าสู่การจําศีลโดยไม่สนใจลูกวัวมากนัก

เพื่อความอยู่รอดของลูกวัว การไม่ช่วยแม่วัวจะมีประโยชน์มากกว่า

ดังนั้นลูกวัวส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะดูแม่ของพวกมันตาย มีเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้นที่จะเลียบาดแผลและช่วยชีวิตแม่วัว

“เมื่อลูกวัวคลอด มันมักหมายถึงโศกนาฏกรรม แต่เพื่อความอยู่รอด นี่เป็นสิ่งจําเป็น แต่ข้ายังชอบลูกวัวที่ช่วยชีวิตแม่วัวมากกว่า”

ฟางเจิ้งทําความเข้าใจวัวภูเขาทองคําและวางแผนการของตนเอง

เขาออกจากหอตําราด้วยความมั่นใจซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

เขาเล็งเป้าไปที่อาหารของวัวภูเขาทองคํา

แก่นแท้โลหะ!

เขาจะใช้แก่นแท้โลหะล่อวัว

พลังการต่อสู้ของฟางเจิ้งเหนือกว่าค่าเฉลี่ย หลังจากทําความคุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด ตอนนี้เขามีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับวัวภูเขาทองคําแล้ว

แต่เขาจะใช้กําลังเพียงครึ่งเดียว ไม่มีความจําเป็นต้องต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

วิธีที่ดีที่สุดคือการต่อสู้ด้วยปัญญาและรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้สําหรับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

นี่เป็นสิ่งที่ฟางเจิ้งเรียนรู้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ไม่กี่วันต่อมาฟางเจิ้งก็มาถึงจุดหมาย

เขาลอบเข้าไปในหุบเขาอย่างลับๆโดยทิ้งแก่นแท้โลหะจํานวนมากเอาไว้รอบๆ

วัวภูเขาทองคําถูกล่อลวงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

มันเริ่มใช้กีบเท้าขุดดิน แก่นแท้โลหะถูกนําขึ้นมาและกลืนกินโดยวัวภูเขาทองคํา

“ข้าทําได้!” ฟางเจิ้งดีใจมาก

เขาอดทนรอให้วัวภูเขาทองคํากินอาหารจนอิ่มและกลับไปนอนที่ถ้ําของมัน

สามวันต่อมาเสียงกรีดร้องของวัวภูเขาทองคําก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของถ้ํา

ฟางเจิ้งที่กําลังหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากสามารถตอบสนอง เขารู้สึกยินดี “ในที่สุดยาพิษก็ออกฤทธิ์!”

แต่เขาไม่รีบเข้าไปในถ้ํา เขารออยู่ด้านนอกอย่างอดทน

พิษทําให้วัวภูเขาทองคําเริ่มอาละวาดอยู่ในถ้ํา ปาและภูเขาเกิดการสั่นสะเทือน สิ่งมีชีวิตจํานวนนับไม่ถ้วนแตกรังกระจัดกระจายกันออกไป

หลังจากไม่นานความวุ่นวายในถ้ําก็ค่อยๆสงบลง เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางเจิ้งเข้าไปในถ้ําและต่อสู้กับวัวภูเขาทองคําพิการ

อย่างไรก็ตามหลังจากไม่นานฟางเจิ้งก็ถูกบังคับให้ออกจากถ้ํา

การต่อสู้กับวัวภูเขาทองคําในถ้ําอันตรายเกินไป หากถ้ําพังลงมา กระทั่งฟางเจิ้งจะเป็นผู้อมตะระดับหก เขาก็ยังต้องพบกับปัญหา

ฟางเจิ้งมาที่นี่เพื่อจับวัวภูเขาทองคํา เขาไม่ต้องการทําลายพื้นที่และทําให้สิ่งมีชิวิตจํานวนมากสูญเสียที่อยู่อาศัย

ฟางเจิ้งออกจากถ้ํา วัวภูเขาทองคําตามออกมา

ทั้งสองต่อสู้กันในหุบเขา ในที่สุดฟางเจิ้งก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะเลือดเย็นแช่แข็งโลหิตของวัวภูเขาทองคําและจับมันทั้งเป็น

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะนําวัวภูเขาทองคําเก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขา กลิ่นอายที่แข็งแกร่งกลับปะทุออกมาจากร่างของวัวภูเขาทองคําตัวนี้

ในเวลาเดียวกันหม้อทองคําใบหนึ่งก็หลุดออกมาจากร่างของวัวภูเขาทองคํา

“นี่คือ!?” ฟางเจิ้งตกใจมาก

หลังจากนั้นผู้อมตะระดับแปดผู้หนึ่งก็บินออกมาจากหม้อทองคําใบนี้

“ดวงวิญญาณซ่อนอยู่ในแก่นแท้โลหะ แสงศักดิ์สิทธิ์ที่หลับใหลมาสามแสนปี”

“โชคชะตาทําให้ข้าสามารถมองเห็นแสงสว่างอีกครั้ง ขอบคุณเลือดแห่งคุณธรรม”

ผู้อมตะหญิงระดับแปดกล่าวบทกวีออกมาอย่างช้าๆก่อนจะบินลงมายืนอยู่ด้านหน้าฟางเจิ้ง และเผยรอยยิ้มบาง “สหายตัวน้อย เจ้าเป็นคนปลุกข้างั้นหรือ?”

ฟางเจิ้งตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท