เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1817 ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

บทที่ 1817 ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

บทที่ 1817 ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

ฟางหยวนกำลังฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

วิญญาณอมตะหลายดวงเคลื่อนที่อยู่บนท้องฟ้าขณะที่วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากบินอยู่รอบๆราวกับพายุหมุน

แต่หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ท่าไม้ตายอมตะก็ยังไม่ทำงาน

เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของฟางหยวน หลังจากสิบลมหายใจ ฟางหยวนแทบไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะยังประสบความสำเร็จในที่สุด

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ เสื้อคลุมดาราสวรรค์!

เสื้อคลุมสีขาวที่ส่องประกายระยิบระยับราวกับถักทอขึ้นมาจากดวงดาวปรากฏขึ้นบนร่างกายของฟางหยวน

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดแต่หลังจากได้รับการขยายพลังอำนาจโดยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณหนึ่งล้านร่องรอย พลังอำนาจของมันก็เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งพันเท่า!

หลังจากตรวจสอบ ฟางหยวนรู้สึกตกใจมากกับพลังป้องกันอันน่าเหลือเชื่อของมัน

“มันมีพลังเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปดและแข็งแกร่งกว่าเสื้อคลุมฤดูหนาว” ฟางหยวนถอนหายใจ

แน่นอนว่ามันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเกราะหวนคืน

หลังจากทั้งหมดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณนับล้านร่องรอยไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

มันทำให้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับแปด สิ่งสำคัญที่สุดคือมันใช้พลังงานอมตะเท่ากับท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด!

“หมื่นภัยพิบัติหนึ่งครั้งจะมอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ให้ผู้อมตะประมาณแปดหมื่นร่องรอย ยิ่งภัยพิบัติทรงพลังเท่าใด ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ได้รับก็ยิ่งมากเท่านั้น”

“โดยทั่วไปหลังจากผู้อมตะระดับแปดก้าวข้ามหมื่นภัยพิบัติสามครั้ง พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า พวกเขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋อย่างน้อยสามแสนร่องรอย”

“ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณหนึ่งล้านร่อยรอยมีเพียงผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารรถครอบครองได้”

“วิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมดาราสวรรค์เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ด แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณขยายพลังอำนาจให้มันไปถึงระดับแปด หากข้าใช้วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งพลังปราณ หลังจากได้รับการขยายพลังอำนาจ มันจะบรรลุถึงระดับเก้าหรือไม่?”

ฟางหยวนครุ่นคิด

แต่หลังจากไม่นานเขาก็ส่ายศีรษะ

มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย

“ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าต้องใช้วิญญาณอมตะระดับเก้า การขยายพลังอำนาจด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ไม่สามารถยกระดับพลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะขึ้นสู่ระดับเก้า”

“หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือข้าไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับนั้นได้โดยใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เพียงหนึ่งล้านร่องรอย”

“บางทีหากข้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋สิบล้านร่องรอย มันอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพและบรรลุระดับเก้า”

ฟางหยวนไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่ระดับเก้ายังเป็นสิ่งคลุมเครือสำหรับเขา

ในทางทฤษฎี ผู้อมตะระดับเก้าจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋อย่างน้อยสามแสนร่องรอย

แต่ตามสิ่งที่ฟางหยวนเรียนรู้มาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและประสบการณ์ของเขาเอง ผู้อมตะระดับเก้าทุกคนต่างเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริงและไม่สามารถประเมินได้ด้วยตรรกะ ทั่วไป

กล่าวถึงเทพปีศาจไร้ขอบเขต เมื่อเขายังเป็นผู้ใช้วิญญาณ เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเท่ากับผู้อมตะ เมื่อเขากลายเป็นเทพปีศาจ เขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เท่าใด

ฟางหยวนไม่สามารถจินตนาการได้

สำหรับผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆ?

พวกเขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เพียงสามแสนร่องรอยจริงๆงั้นหรือ?

ฟางหยวนยิ้ม ความเป็นไปได้เกือบเป็นศูนย์!

หากตัวตนเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เพียงสามแสนร่องรอย พวกเขาจะปกครองโลกได้อย่างไร?

ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นหนึ่งในตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกยุคนี้ไปแล้ว เขาอยู่บนจุดสูงสุด มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างเท่าเทียม

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไป เขายังเห็นภูเขาขนาดใหญ่สิบลูกอยู่เหนือศีรษะของเขาขณะที่ยอดเขาซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆหมอกที่หนาทึบ

พวกเขาก็คือผู้อมตะสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ละคนเป็นตำนานในตำนาน ตลอดระยะเวลาอันยาวนานของมนุษยชาติ พวกเขาคือดวงอาทิตย์ที่ส่องประกายเจิดจ้าที่สุด

คนทั้งโลกล้วนอยู่ภายใต้เงาของภูเขาใหญ่ทั้งสิบลูกนี้

ฟางหยวนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

เหตุผลที่เขาบรรลุถึงขั้นนี้เพราะเขาพึ่งพามรดกของตัวตนเหล่านี้

ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด เพียงมองไปที่มิติช่องว่างจักรพรรดิก็สามารถเห็นความยิ่งใหญ่ของเทพปีศาจจิตวิญญาณได้อย่างชัดเจน

ทุกครั้งที่ฟางหยวนมองมัน เขาต้องถอนหายใจด้วยความชื่นชมต่อการท้าทายสวรรค์ของมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างไม่รู้จบสิ้น

หากปราศจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาจะกลืนกินถ้ำสวรรค์ทะเลปราณได้อย่างไร ผู้ใดจะสามารถกลืนกินมัน

แทบไม่มี!

เว้นเพียงผู้อมตะระดับเก้าจะยังมีชีวิตอยู่

เนื่องจากมิติซ่องว่างจะสามารถกลืนกินมิติช่องว่างที่เล็กกว่าเท่านั้น คำว่าเล็กกว่าในที่นี่หมายถึงรากฐาน

ในโลกนี้มีเพียงเทพอมตะแรกกำเนิดเท่านั้นที่มีรากฐาบนเส้นทางแห่งพลังปราณมากพอที่จะกลืนกินถ้ำสวรรค์ทะเลปราณซึ่งมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งพลังปราณหนึ่งล้านร่องรอย

หากถ้ำสวรรค์ถูกแยกและกลืนกินทีละส่วน ความเสียหายจะรุนแรงมาก

ทุกครั้งที่ถ้ำสวรรค์ถูกตัด มันจะสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต่ำจำนวนมาก

และเนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่แตกต่างจะเกิดการต่อต้านกัน ดังนั้นผู้อมตะจึงไม่สามารถรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสายอื่นเข้าไปได้มากนัก

อย่างไรก็ตามมิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถกลืนกินมิติช่องว่างที่ใหญ่กว่า

เดิมที่ฟางหยวนไม่มีรากฐานบนเส้นทางแห่งพลังปราณ การกลืนกินถ้ำสวรรค์ทะเลปราณไม่เหมือนอสรพิษกลืนช้างแต่มันเป็นมดกินช้าง!

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือมันไม่มีความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ ฟางหยวนสามารถดูดซับผลประโยชน์ทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งนี้เป็นการท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจตจำนงสวรรค์ส่งฟางหยวนย้อนเวลากลับมาในอดีตเพื่อทำลายแผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ยิ่งมิติช่องว่างจักรพรรดิแสดงความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ออกมามากเท่าใด มันก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของเทพปีศาจจิตวิญญาณมากเท่านั้น

ทุกครั้งที่ฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลาเพื่อกำเนิดใหม่ เขาจะได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวของเทพปีศาจบัวแดง

ยังมีเทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจปล้นสวรรค์ เทพอมตะบัวสวรรค์ และคนอื่นๆ

ด้วยการใช้รากฐานของเทพเหล่านี้ ฟางหยวนจึงกลายเป็นเทพปีศาจน้อยในปัจจุบัน แต่ยิ่งเขาก้าวสูงขึ้นไปเท่าใด เขาก็ยิ่งตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของเหล่าเทพมากขึ้นเท่านั้น

ฟางหยวนไม่รู้สึกหดหูแต่เขารู้สึกชื่นชม

เขาไม่เคยหยิ่งจองหอง เขาเคารพเทพทุกคนและจะเรียนรู้จากตัวตนเหล่านี้

“กระทั่งเทพทั้งสิบก็ยังไม่มีผู้ใดบรรลุชีวิตนิรันดร์ พวกเขาตายไปทีละคน”

“แล้วข้าจะทำสำเร็จหรือไม่?”

ความเป็นไปได้มีน้อยมาก!

ตราบเท่าที่วิญญาณชะตากรรมยังอยู่ มันจะไม่ยอมให้รูปแบบชีวิตได้รับชีวิตนิรันดร์

สิ่งนี้ถูกบันทึกไว้ในตำนานมนุษย์คนแรก

“แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่มันน่าสนใจ” ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม

หลังจากรวบรวมความคิด เขาก็ฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณต่อไป

อีกด้านหนึ่ง ร่างแยกมนุษย์มังกรกำลังตรวจสอบสวรรค์สีเหลือง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณส่วนใหญ่พึ่งพาทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะเสื้อคลุมดาราสวรรค์ก่อนหน้านี้ต้องการปราณดาราจำนวนมาก

การใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จากทรัพยากรอมตะเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะไม่ใช่เรื่องยาก มันเหมือนกับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลที่สามารถใช้ทรัพยากรอมตะจัดตั้งค่ายกลอมตะ

แต่การใช้ทรัพยากรอมตะในการปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะถือเป็นเรื่องสิ้นเปลือง ดังนั้นผู้อมตะทั่วไปจึงเลือกใช้วิญญาณอมตะเท่านั้น

แต่ฟางหยวนไม่สนใจ ตอนนี้เขาร่ำรวยมาก เขาค้นหาและกว้านซื้อทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณทุกชนิดที่เขาต้องการจากสวรรค์สีเหลือง

เขาไม่ได้ร้องขอทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณจากกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เพราะเขาต้องการเก็บวิธีบนเส้นทางแห่งพลังปราณเอาไว้เป็นความลับ

“ปราณเย็น ปราณแสงอาทิตย์ ปราณดารา ปราณความแข็งแกร่ง ข้าจะซื้อพวกมันทั้ง หมด คือปราณโลหิต?”

ร่างแยกมนุษย์มังกรครุ่นคิด

แม้เส้นทางแห่งเลือดจะถูกผู้คนเกลียดชัง แต่กองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดลอบค้นคว้ามันอย่างลับๆ ดังนั้นในสวรรค์สีเหลืองจึงมีทรัพยากรบนเส้นทางแห่งเลือดวางขายอยู่มากมายและยังได้รับความนิยมอีกด้วย

ปราณโลหิตเป็นเพียงทรัพยากรระดับมนุษย์แต่มันมีปริมาณมหาศาล

หากเป็นปราณระดับมนุษย์ชนิดอื่น ฟางหยวนจะไม่สนใจ มิติช่องว่างจักรพรรดิของเขากระทั่งสามารถผลิตพวกมันขึ้นมาได้ด้วยตัวมันเอง แต่สำหรับปราณโลหิต สิ่งนี้แตกต่างออกไป

หากปราณโลหิตมีปริมาณสูงมากพอ มันจะถูกพิจารณาว่าเป็นทรัพยากรอมตะ

“ปราณโลหิตปริมาณมหาศาลที่วางขายสามารถมองว่าเป็นทรัพยากรอมตะ” ร่างแยกมนุษย์มังกรคิดและไม่ลังเลอีกต่อไปภาคกลาง

“อันใด? ไม่เหลือปราณโลหิตแล้วงั้นหรือ?” ฟางเจิ้งตรวจสอบสวรรค์สีเหลืองและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “ครั้งสุดท้ายที่เจ้าขาย มันยังมีปริมาณมหาศาล!”

คนขายปราณโลหิตสายศีรษะ “เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ผู้อมตะที่ร่ำรวยผู้หนึ่งเข้ามากว้านซื้อปราณทั้งหมดในสวรรค์สีเหลือง เจ้าก็รู้ว่าปราณโลหิตสามารถสะสมและใช้งานร่วมกัน นั่นคือสาเหตุที่สิ่งนี้เกิดขึ้น”

ฟางเลิ้งตกตะลึง

กว้านซื้อปราณทั้งหมดในสวรรค์สีเหลือง คนผู้นี้ต้องร่ำรวยเพียงใด? ฟางเลิ้งกลายเป็นผู้อมตะมาระยะหนึ่งแล้ว เขารู้ดีว่าความมั่งคั่งเป็นรูปแบบหนึ่งของความแข็งแกร่ง

หากผู้อมตะมีความมั่งคั่ง นั่นก็หมายความว่าพวกเขาเป็นเจ้าของทรัพยากรจำนวนมหาศาล ด้วยรากฐานดังกล่าว มันจะช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าไปได้อย่างราบรื่นบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ

“บางทีอาจไม่ใช่บุคคลแต่เป็นกองกำลังใหญ่” ฟางเจิ้งพิมพ์

เขาตรวจสอบร้านค้าอีกหลายร้านแต่ยังไร้ประโยชน์

ไม่มีปราณโลหิตเหลืออยู่ในตลาด

แต่ฟางเจิ้งบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด เขาต้องการปราณโลหิต

เขาออกจากสวรรค์สีเหลืองและเริ่มคิด ข้าควรขอปราณโลหิตจากนิกายหรือไม่?”

แต่เขาก็รีบปัดเป่าความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

เขาตัดสินใจที่จะรวบรวมมันด้วยตนเอง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท