เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1820 สวรรค์พิภพไม่มีความยุติธรรม

บทที่ 1820 สวรรค์พิภพไม่มีความยุติธรรม

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1820 สวรรค์พิภพไม่มีความยุติธรรม

“สุรามีพิษ!” ร่างกายของผู้นําตระกูลเฉินสั่นสะท้านขึ้น เขามองฟางหยวนด้วยความโกรธ “รองผู้นํา นี่คือสุราของเจ้า เจ้าพยายามทําสิ่งใด?”

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทําให้ฟางหยวนมึนงงเล็กน้อย

ก่อนที่เขาจะสามารถกล่าวสิ่งใด ผู้ใช้วิญญาณที่อยู่ด้านข้างเขาก็ยืนขึ้นและหัวเราะเบาๆ “เรากําลังทําสิ่งใดงั้นหรือ? เรากําลังจะฆ่าเจ้า เรากําลังจะกําจัดสมาชิกตระกูลเฉินทั้งหมด ภูเขาลูกนี้เป็นของตระกูลฉาน ไม่ว่าตระกูลเฉินหรือตระกูลเนี่ย พวกเจ้าก็ต้องเป็นคนรับใช้ของตระกูลฉานของข้า!”

“สารเลว! นี่เป็นภูเขาของตระกูลเฉินตั้งแต่แรก บรรพชนของเรามีเมตตา ท่านยึดตระกูลของพวกเจ้าทั้งสองเพียงเมื่อพวกเจ้าเริ่มทําลายล้างภูเขา” ผู้ใช้วิญญาณตระกูลเฉินตําหนิเสียงดัง

ผู้ใช้วิญญาณตระกูลฉานกล่าวต่อเสียงเย็น “พวกไร้ยางอาย ไร้ประโยชน์ที่จะพูด มันสายไปแล้วเจ้าดื่มสุราพิษเข้าไปแล้ว เราสร้างสิ่งนี้ด้วยวิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณความเที่ยงธรรมไม่สามารถต่อต้านมัน หากปราศจากผู้นํา ตระกูลเฉินของพวกเจ้าจะต่อต้านตระกูลฉานของข้าได้อย่างไร?”

ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลเฉินหน้าซีดเมื่อพวกเขาตระหนักถึงปัญหานี้

ฟางหยวนมึนงงอีกครั้ง เขาหันกลับมาถามผู้ใช้วิญญาณตระกูลฉานที่อยู่ด้านข้าง “ผู้ใดบอกเจ้าว่าวิญญาณหัวใจหญิงงามสามารถตอบโต้วิญญาณความเที่ยงธรรม?”

ผู้ใช้วิญญาณตระกูลฉานผู้นี้เป็นผู้ช่วยรองผู้นํา เขาตกตะลึงและถามด้วยความสับสน “อันใด? นายท่าน ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนบอกข้างั้นหรือ?”

“อา…” ฟางหยวนพูดไม่ออก

“บึม!”

ผู้นําตระกูลเฉินระเบิดแสงสีขาวออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียว

เขามองฟางหยวนด้วยความโกรธ “ฉานซิง คนไร้ยางอาย เจ้ากล้าใช้แผนชั่วกับข้า ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ข้าคิดว่าเจ้าเต็มใจเสียสละตนเองเพื่อภาพรวมและมอบตําแหน่งผู้นําให้ข้า แต่ความจริงก็คือเจ้ากลัววิญญาณความเที่ยงธรรมของข้า นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าเลือกที่จะปกปิดความทะเยอทะยานของเจ้า”

ฟางหยวนรู้สึกปวดหัวอย่างแรง เขาเร่งคิด ผู้นําตระกูลเฉินเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า แต่ข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ วิญญาณของข้าอ่อนแอกว่าเช่นกัน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้นําตระกูลเฉิน”

ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างฟางหยวนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “เกิดสิ่งใดขึ้น? เขาดื่มสุราพิษแต่วิญญาณของเขายังทํางาน!? นายท่านฉานซิง ท่านไม่ได้กล่าวว่า…”

ดวงตาของฟางหยวนสว่างขึ้นทันที เขาคิดวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว

ตราบเท่าที่วิญญาณความเที่ยงธรรมไม่สามารถใช้ทํางาน ความแข็งแกร่งของผู้นําตระกูลเฉินจะลดลงอย่างมาก เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

“เป็นเช่นนี้” ฟางหยวนเสียชีวิตจากการโจมตีของผู้นําตระกูลเฉินแต่เขากลับเผยรอยยิ้มบาง

เขากลับเข้าสู่ฉากที่สองอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

ในห้องโถง สุราอาหารวางอยู่บนโต๊ะ ผู้ใช้วิญญาณหลายสิบคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่และเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงที่หรูหรา

ผู้นําตระกูลเฉินวางถ้วยสุราลงและถอนหายใจ “ในที่สุดเราก็ได้รับชัยชนะ! พี่น้อง กล่าวตามตรง ตั้งแต่ข้าได้ยินว่าตระกูลเนียวางแผนทําลายภูเขา ข้าก็ไม่สามารถข่มตาหลับ พวกเขาไม่สามารถต่อต้านพันธมิตรสองตระกูลของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงคิดแผนชั่วนี้ขึ้นมา โชคดีที่สวรรค์ไม่ได้ตาบอด พวกเขาได้รับสิ่งที่สมควรได้รับ คนเหล่านั้นเสียชีวิตเพราะความโลภของพวกเขาเอง!”

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและกล่าวเบาๆ “มีเหตุผลอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ ตระกูลเนี่ยไม่ได้คิดแผนชั่ว ข้าเป็นคนจัดการและหลอกลวงท่าน คนที่ท่านฆ่าล้วนเป็นคนบริสุทธิ์”

“อันใด!?” ผู้นําตระกูลเฉินตกใจมาก เขามองฟางหยนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “น้อง เฉินเจ้าดื่มมากเกินไปหรือไม่? เหตุใดเจ้าถึงกล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้?”

ฟางหยวนมองผู้นําตระกูลเฉินด้วยสายตาชั่วร้าย “ท่านไร้เดียงสาเกินไป ท่านถูกขังอยู่ในความมืดตลอดเวลา ท่านเป็นฆาตกรเลือดเย็น ท่านฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปกี่คนแล้ว? มือของท่านเต็มไปด้วยเลือด ความยุติธรรมเป็นเพียงฉากหน้าของท่าน แต่ในความเป็นจริงท่านเป็นเพียงคนโง่ท่านกระทั่งดื่มสุราพิษเข้าไปโดยไม่รู้ตัว”

“อันใด!? เจ้าวางยาพิษในสุรางั้นหรือ?” ผู้นําตระกูลเฉินจับหน้าท้องของตนเองด้วย ความตกใจก่อนจะล้มลงบนพื้น

ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลเฉินตกใจและหวาดกลัวขณะที่ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลฉานที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วเริ่มโจมตี

ผู้นําตระกูลเฉินต้องการต่อต้านแต่เขาทําได้เพียงเฝ้ามอง

ผู้ช่วยของฟางหยวนตะโกนด้วยความตื่นเต้น “สุราได้ผล! ผู้นําตระกูลเฉินไม่สามารถใช้วิญญาณความเที่ยงธรรม!”

ฟางหยวนกลอกตา

เพื่อกระตุ้นใช้งานวิญญาณความเที่ยงธรรม นอกจากพลังวิญญาณ ผู้ใช้วิญญาณยังต้องมีความเชื่อว่าพวกเขาอยู่ข้างความยุติธรรม

คํากล่าวของฟางหยวนทําให้ผู้นําตระกูลเฉินสงสัยในตัวเองและรู้สึกละอายใจ นี่ทําให้เขาไม่สามารถใช้งานวิญญาณความเที่ยงธรรม

การต่อสู้ปะทุขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว

ตระกูลฉานสามารถจัดการผู้นําตระกูลเฉินและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งหมด

ฉากที่สองผ่านไป

ในฉากที่สาม ฟางหยวนอยู่ในคุกพร้อมกับผู้นําตระกูลเฉิน

ร่างกายของผู้นําตระกูลเฉินเต็มไปด้วยบาดแผล ใบหน้าซีดขาว ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีม่วง

เห็นได้ชัดว่าเขาถูกสอบปากคําอย่างหนักและใกล้ตาย

แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังถูกล่ามโซ่เอาไว้อย่างแน่นหนา เขานอนอยู่บนพื้นและแทบไม่สามารถหายใจ

“สถานการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ข้าไม่ใช่รองผู้นําแต่เป็นคนอื่น ตอนนี้นอกจากข้าก็มีเพียงผู้น้ําตระกูลเฉิน ดูเหมือนข้าต้องคุยกับเขา” ฟางหยวนหัวเราะและต้องการกล่าวบางคําแต่ผู้นําตระกูลเฉินกลับชิงกล่าวก่อน “ท่านพ่อ ไม่จําเป็นต้องเย้ยหยันข้า”

“พ่อ!?” ฟางหยวนประหลาดใจมาก เขากลายเป็นพ่อของผู้นําตระกูลเฉิน? แล้วเหตุใดเขาจึงถูกขังอยู่ที่นี่? พิจารณาจากสถานการณ์ ดูเหมือนเขาจะถูกขังอยู่ที่นี่มานานแล้ว เขาไม่ใช่คนมาใหม่เช่นผู้นําตระกูลเฉิน

ผู้นําตระกูลเฉินกล่าวต่อ “ท่านพ่อ ข้าคือคนที่เอาชนะท่านและขังท่านไว้ที่นี่ แต่ข้าไม่เคยเสียใจ! ท่านทุจริต หลักฐานชัดเจน ท่านไม่มีความยุติธรรม ท่านไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นําตระกูลเฉินตามกฏท่านสมควรได้รับการลงโทษนี้”

“ดังนั้นเจ้าจึงฉกชิงมันไปจากข้า” ฟางหนวนเหน็บ

ผู้นําตระกูลเฉินกล่าวต่อ “เช่นเดียวกัน ข้าไม่เสียใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน ข้าสมควรได้รับสิ่งนี้ข้าฆ่าผู้บริสุทธิ์จํานวนมาก มือของข้าเปื้อนเลือดของสมาชิกตระกูลเนี่ย ข้าสมควรตาย!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้นําตระกูลเฉินหัวเราะสมเพชตนเอง “ตระกูลฉานบังคับให้ข้าส่งมอบวิญญาณความเที่ยงธรรม แต่พวกเขาจะทําสิ่งใดได้? พวกเขาทรมานข้า เสียงกรีดร้องของข้าก็เหมือนกับเสียงกรีดร้องของคนตระกูลเนี่ย”

“ข้าต้องการให้พวกเขาทุบตีข้าให้มากขึ้นและทําให้ข้าเจ็บปวดมากขึ้น แต่กระทั่งสิ่งนี้ก็ไม่สามารถชดใช้บาปของข้า! มันไม่สามารถชดเชยความผิดของข้า!”

ผู้นําตระกูลเนี่ยกรีดร้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตไปในลักษณะนั้น

การตายของเขาทําให้ฉานซึ่งเดินทางมา

“บัดซบ! เราไม่ได้รับวิญญาณความเที่ยงธรรม!” ฉานซิงโกรธมาก

เขาหันหน้าไปทางฟางหยวน “เจ้าแก่ ไม่ใช่ว่าเจ้าตกกลงกับพวกเราว่าจะช่วยกระตุ้นให้บุตรชายของเจ้าส่งมอบมันงั้นหรือ? เจ้าทําสิ่งใดลงไป? เจ้าคนไร้ประโยชน์! ไปอยู่กับบุตรชายของเจ้าซะ!”

“ฉับ!”

ฉานซิงตัดศีรษะของฟางหยวน ณ จุดนั้น

การสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันล้มเหลว เขาถูกขับไล่ออกมาและต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน

ฉากที่สามเป็นฉากสุดท้ายและยากที่สุด ฟางหยวนล้มเหลวและได้รับบาดเจ็บสาหัส

ระหว่างการพักฟื้น เขาคิด ในฉากที่สาม ข้าคือบิดาของผู้นําตระกูลเฉิน แต่ข้าพิการ ไม่มีความหวังที่จะหลบหนีด้วยความแข็งแกร่งของข้า”

“กุญแจของเรื่องนี้ควรเป็นผู้นําตระกูลเฉิน

“แล้วเงื่อนไขในการผ่านฉากที่สามคือสิ่งใด?”

คําถามนี้ไม่ได้กวนใจเขานานนัก ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ

ฉากแรกและฉากที่สองต่างมีเรื่องราวของมันเอง แต่เงื่อนไขของมันเหมือนกัน นั่นคือการตอบสนองความต้องการของตัวละคร

“ฉากแรก ข้าคือผู้นําตระกูลเฉิน ข้าต้องคว้าชัยชนะมาให้ตระกูลและต้องเป็นชัยชนะที่งดงามโดยไม่มีการสูญเสียที่มากเกินไป

“ฉากที่สอง ข้าเป็นรองผู้นํา ข้าต้องทําแผนการให้สําเร็จและปราบปรามวิญญาณความเที่ยงธรรมของผู้นําตระกูลเฉิน

“ตอนนี้ในฉากที่สาม ข้าคือบิดาของผู้นําตระกูลเฉิน บุตรชายของข้าขังข้าไว้ในคุกมาเป็นเวลานาน ข้าต้องการอิสรภาพ ดังนั้นข้าจึงเลือกที่จะร่วมมือกับฉานซิงและทําให้บุตรชายของข้าส่งมอบวิญญาณความเที่ยงธรรม

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

เขาหัวเราะ

ผู้นําตระกูลเฉินกล่าว “ท่านพ่อ ไม่จําเป็นต้องเย้ยหยันข้า”

“เจ้าเป็นบุตรชายของข้า การเย้ยหยันเจ้าก็เหมือนกับการเย้ยหยันตัวข้าเองที่เลี้ยงดูเจ้ามาไม่ดีพอ ข้าเพียงเสียใจ ข้ามอบวิญญาณความเที่ยงธรรมให้เจ้าเพราะต้องการให้เจ้าใช้มันเพื่อนําตระกูลเฉินไปสู่ความรุ่งโรจน์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าจะกลายเป็นนักโทษที่ไม่เชื่อมั่นในตนเอง ข้าคิดผิดเกี่ยวกับเจ้า หากข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะไม่สร้างหลักฐานปลอมเกี่ยวกับการทุจริตของข้า” ฟางหยวนกล่าว

ผู้นําตระกูลเฉินมึนงงและสงสัย “ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

ฟางหยวนหัวเราะแต่ไม่ตอบ

ผู้นําตระกูลเฉินส่ายศีรษะ “ไม่ ท่านพ่อ ท่านทุจริต หลักฐานชัดเจนมาก มันจะเป็นของปลอม

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง มันก็ต้องเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ? แล้วเรื่องตระกูลเนี่ยเป็นอย่างไร?”

ผู้นําตระกูลเฉินกลายเป็นพูดไม่ออก

ฟางหยวนกล่าวต่อ “ข้าแสร้งทําเป็นไม่สนใจเจ้า แต่ข้าลอบดูแลเจ้าด้วยความพยายามทั้งหมด การใช้วิญญาณความเที่ยงธรรม ผู้ใช้วิญญาณต้องเชื่อมั่นในความยุติธรรมของตนเองเจ้ายังเด็กเกินไป ความเข้าใจเกี่ยวกับความยุติธรรมของเจ้ายังตื่นเขินเกินไป ข้าต้องทําเช่นนั้นและเสียสละตนเองเพื่อให้เจ้ามั่นใจในความยุติธรรมของตนเอง”

“ท่านพ่อ โปรดกล่าวให้ชัดเจน เวลานั้นความจริงเป็นอย่างไร?”

ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “ความจริงสําคัญขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”

ผู้นําตระกูลเฉินตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอน! หากปราศจากความจริง ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกว่าความเข้าใจของเจ้าตื้นเขินเกินไป ความยุติธรรมเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับความจริงงั้นหรือ?” ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ “ให้ข้าถามเจ้า เมื่อเจ้าสังหารคนตระกูลเนี่ย มันคือความยุติธรรมหรือไม่? แม้พวกเขาจะมีแผนการที่จะทําลายภูเขาของเราจริงๆแต่จากมุมมองของพวกเขา เจ้าเป็นฆาตกรที่พยายามสังหารพวกเขาทั้งตระกูล พวกเขาต่อต้านเจ้าและปกป้องครอบครัวของตนเอง นั่นคือความยุติธรรมหรือไม่?”

“นี” ผู้นําตระกูลเฉินครุ่นคิด

“ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร จากมุมมองของพวกเขา แผนการที่เรียกว่าการทําลายภูเขาเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการปกป้องตนเอง พวกเขากลัวตระกูลเฉินและตระกูลฉานที่เป็นพันธมิตร สุดท้ายแม้เจ้าจะกําจัดพวกเขาออกไป พวกเขาก็ไม่เคยทําลายภูเขาจริงๆถูกต้องหรือไม่?”ฟางหยวนถาม

ผู้นําตระกูลเฉินเงียบ

ฟางหยวนยิ้ม “เจ้าจุดชนวนการต่อสู้ สังหารศัตรู และทําให้สมาชิกตระกูลได้รับบาดเจ็บล้มตาย เจ้าคิดว่านี่คือการกระทําที่ยุติธรรมงั้นหรือ? เจ้ากลัวว่าพวกเขาจะทําลายน้ําพุจิตวิญญาณธรรมชาติซึ่งเป็นรากฐานของภูเขาและทําให้ผู้คนมากมายได้รับความเดือดร้อน เจ้าต้องการปกป้องตระกูลของเจ้า เจ้าจึงกําจัดปัญหาออกไปล่วงหน้า นั่นไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นรูปแบบหนึ่งของความยุติธรรมเช่นกัน”

“ทั้งสองฝ่ายต่างมีมุมมองเกี่ยวกับความยุติธรรมเป็นของตนเอง ถูกต้องหรือไม่?”

ผู้นําตระกูลเฉินจมอยู่ในห้วงแห่งความคิด

เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน

ฟางหยวนสังเกตการแสดงออกของผู้นําตระกูลเฉินก่อนกล่าวต่อ “ให้ข้าถามเจ้า มันยุติธรรมหรือไม่ที่แกะกินหญ้า?”

“นี่มันจะเป็นรูปแบบของความยุติธรรมได้อย่างไร?” ผู้นําตระกูลเฉินตะลึง

“ในมุมมองของแกะ หากไม่มีหญ้า มันก็ไม่มีอาหาร มันจะอดตาย มันต้องกินหญ้า แต่จากมุมมองของหญ้า มันทํางานหนักเพื่อมีชีวิตรอด เติบโตขึ้นจากพื้นดินเพื่อรับฝนและแสงแดด มันทํางานหนักมาก แต่แกะตัดสินใจที่จะกินมัน กระทั่งถอนรากถอนโคนและทําให้หญ้าไม่มีความหวังที่จะอยู่รอด หญ้าไม่ใช่เหยื่อที่บริสุทธิ์งั้นหรือ? มันไม่น่าสงสารฉันหรือ?”

ผู้นําตระกูลเฉินส่ายศีรษะ “แกะกินหญ้าไม่ใช่เรื่องธรรมชาตินั้นหรือ? ข้าไม่เคยสงสารหญ้าเพราะโลกก็ควรเป็นเช่นนี้”

“ถูกต้อง” ฟางหยวนพยักหน้า “ความจริงของโลกใบนี้ก็คือกฎของปา ปลาใหญ่กินปลาเล็กปลาเล็กกินกุ้ง นี่คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมอยู่ที่นี่แกะกินหญ้ามนุษย์กินแกะนั่นไม่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรม มันเป็นเพียงการกระทําเพื่อความอยู่รอด”

“สวรรค์พิภพไม่มีความยุติธรรม มีเพียงความยุติธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น”

“ตั้งแต่อดีตกาล มนุษย์ต้องรวมตัวกันเพื่อความแข็งแกร่ง เพื่อความอยู่รอด เพื่อมีชีวิตอยู่บนโลกที่โหดร้ายใบนี้!”

“แล้วมนุษย์จะรวมกันเป็นหนึ่งได้อย่างไร?”

“โดยผ่านองค์กร ผ่านกฎระเบียบ และผ่านศีลธรรม”

“เราจัดระเบียบของตระกูลหรือนิกาย แจกจ่ายงานตามความสามารถของแต่ละบุคคล เราใช้กฎระเบียบควบคุมผู้คนเพื่อบอกพวกเขาว่าสิ่งใดที่พวกเขาไม่สามารถทําได้ เราใช้ศีลธรรมในการชี้นํา ส่งเสริมให้ผู้คนทําบางสิ่ง มารดาต้องรัก บุตรต้องกตัญญ สหายต้องปองดองพวกเขา ล้วนปฏิบัติตามหลักความยุติธรรมและศีลธรรม ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตามทุกองค์กรทําสิ่งเหล่านี้ตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของพวกเขา”

“กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น องค์กรที่มีกฎระเบียบ ศีลธรรม และระบบชนชั้นจะทําให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้จึงกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคมชนรุ่นหลัง”

ผู้นําตระกูลเฉินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้

เขาคิดว่าตนเองรู้จักความยุติธรรมเป็นอย่างดีแต่แท้จริงแล้วเขาไม่เคยเข้าใจมันเลย

ตอนนี้ฟางหยวนบอกเขาว่าความยุติธรรมและศีลธรรมคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ผู้คนทําสิ่งนี้เพื่อให้พวกเขามีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายได้ดีขึ้นและสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น

ฟางหยวนสรุป “เมื่อเจ้าเข้าใจความหมายของความยุติธรรม เจ้าจะรู้สึกว่ามันเหมือนชุดเกราะที่แข็งแกร่ง มันเป็นเครื่องมือของมนุษย์ เมื่อเจ้าสวมใส่มัน เจ้าต้องใช้มันเหมือนเครื่องมือ แต่ดู เจ้าตอนนี้ เจ้าทําให้ชุดเกราะของเจ้ากลายเป็นโซ่ตรวนที่ผูกมัดตัวเจ้าเอาไว้”

ผู้นําตระกูลเฉินมองฟางหยวนด้วยความงุนงงและไม่สามารถกล่าวสิ่งใด

ฟางหยวนยิ้ม “ความจริงและความยุติธรรม พวกมันเกี่ยวข้องกันจริงๆงั้นหรือ? สิ่งใดคือความจริงที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเนี่ย? สิ่งใดคือความจริงที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตของข้า? พวกมันเกี่ยวกับความยุติธรรมอย่างไร? บุตรของข้า เจ้าต้องเข้าใจ ความยุติธรรมเป็นเพียงเครื่องมือ เจ้าต้องใช้มันอย่าให้มันบีบบังคับเจ้า”

ผู้นําตระกูลเฉินนิ่งเงียบไปเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะเปิดปากกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว”

หลังกล่าวจบคํา แสงสีขาวก็ระเบิดออกมาจากร่างของผู้นําตระกูลเฉิน มันสว่างไสวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อาณาจักรแห่งความฝันจางหายไปท่ามกลางแสงอันเจิดจ้า

ฟางหยวนกลับสู่โลกแห่งความจริง

การสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันประสบความสําเร็จ

“ข้าเดาถูก”

“ทั้งพ่อและลูกชายต่างเป็นผู้นําตระกูลเฉิน พวกเขาเกลียดการกระทําของคนตระกูล ฉานหากข้าช่วยรองหัวหน้าฉานซินและส่งมอบวิญญาณความเที่ยงธรรม แม้ข้าจะได้รับอิสรภาพแต่ข้าก็จะไม่ผ่านฉากสุดท้าย อย่างมากข้าก็จะถูกขับไล่ออกมาโดยปราศจากอาการบาดเจ็บ”

“แต่ด้วยการสั่งสอนผู้นําตระกูลเฉินและแก้ไขความผิดของเขา ข้าจะทําให้เขาสามารถใช้วิญญาณความเที่ยงธรรมได้อีกครั้งเพื่อหลบหนีออกจากคุก นั่นคือเงื่อนไขของการผ่านฉากสุดท้าย”

“อาณาจักรแห่งความฝันนี้น่าสนใจทีเดียว”

“โอ้ ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของข้าก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว” ฟางหยวนตรวจสอบตนเองและมีความสุขมาก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท