เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1822 กําเนิดสองร่างแยก

บทที่ 1822 กําเนิดสองร่างแยก

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1822 กําเนิดสองร่างแยก

สวรรค์สีขาว

“ตามความทรงจําของข้า มันควรอยู่ที่นี่”

มันเป็นสถานที่ที่ว่างเปล่าแต่ฟางหยวนแน่ใจว่าถ้ําสวรรค์นักรบอสูรซ่อนตัวอยู่ที่นี่

“ไปกันเถอะกายาสวรรค์” ฟางหยวนกล่าว

นกกระเรียนขาวขาเดียวบินออกไปก่อนที่มันจะบินวนรอบๆพื้นที่ว่างในบริเวณใกล้เคียง

ข้อมูลของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนทันที

“แม้ข้าจะสามารถยึดครองถ้ําสวรรค์นักรบอสูรได้สําเร็จในชีวิตก่อนหน้า แต่ข้ามาในช่วงเวลาที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย เหตุร้ายที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้น หากวังสวรรค์เตรียมการบางอย่างเอาไว้ข้าอาจมีปัญหา

ฟางหยวนกระทําการต่างๆอย่างระมัดระวังเสมอ หลังจากตรวจสอบเป็นเวลานาน เขาสามารถยืนยันว่าถ้ําสวรรค์นักรบอสูรไม่มีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก

ในที่สุดเขาก็สามารถผ่อนคลายและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้

ฟางหยวนส่งดวงวิญญาณสีเทาออกจากปาก มันพุ่งเข้าไปในถ้ําสวรรค์นักรบอสูรและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สิ่งมีชีวิตที่เข้าสู่ถ้ําสวรรค์นักรบอสูรจะได้รับอิทธิพลจากท่าไม้ตายอมตะกลืนกินสิ่งมีชีวิตบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและทําให้พวกเขากลายเป็นภัยพิบัติสัตว์อสูร

ครั้งก่อนฟางหยวนกลายเป็นปีศาจหัววัวและทําลายสิ่งมีชีวิตมากมายในถ้ําสวรรค์นักรบอสูรนั่นทําให้เขาได้รับมรดกเพียงครึ่งเดียว

เนื่องจากถ้ําสวรรค์นักรบอสูรได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากกลืนกินมัน ฟางหยวนจึงได้รับผลประโยชน์ไม่มาก

แน่นอนว่าเขาจะไม่ทําผิดพลาดเช่นนั้นอีก

ฟางหยวนตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ เขาต้องการรักษามันไว้ เขาต้องการผู้อมตะทั้งหมดที่นี่เพื่อเพิ่มจํานวนผู้ใต้บังคับบัญชา

ดวงวิญญาณสีเทาพุ่งลงจากท้องฟ้า

ท่าไม้ตายอมตะกลืนกินสิ่งมีชีวิตส่งผลกระทบต่อดวงวิญญาณสีเทาทันที ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋จากดวงวิญญาณสีเทาพยายามต่อต้านมันอย่างสุดกําลัง

ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่ด้านนอกผ่านกายาสวรรค์

หากดวงวิญญาณสีเทาไม่ได้รับการปกป้องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า มันจะกลายเป็นภัยพิบัติสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว

ในกรณีนั้นมันจะเป็นการแจ้งเตือนผู้อมตะของถ้ําสวรรค์นักรบอสูร แผนการของฟางหยวนจะล้มเหลว

อย่างไรก็ตามฟางหยวนวางแผนมาอย่างพิถีพิถัน

ในไม่ช้าดวงวิญญาณสีเทาก็พุ่งเข้าไปในเมืองที่พลุกพล่าน

มันซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดแต่ยังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวกับปลาในน้ํา

“ตุบ ตุบ ตุบ”

ในตรอกเล็กๆแห่งหนึ่ง เด็กที่ร่ํารวยสองสามคนกําลังทุบตีเด็กยากจนในวัยเดียวกัน

เด็กยากจนไม่สามารถต่อต้านและถูกทุบตีราวกับลูกบอล ในที่สุดเขาก็หมดสติ

เมื่อถึงจุดนี้ กลุ่มเด็กที่ร่ํารวยก็หยุดเคลื่อนไหว

“เขาตายหรือไม่?”

“ไม่ มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น!”

“เจ้านี่อ่อนแอเกินไป”

“เขากล้าเข้าใกล้คุณหนูตระกูลหลิน เขาไม่ฟังคําเตือนของนายน้อย ยืม เขาสมควรได้รับมัน!”

กลุ่มเด็กร่ํารวยเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ

โชคของข้าค่อนข้างดี” ดวงวิญญาณสีเทามาถึงในเวลานี้

นี่เป็นโอกาศที่ได้รับอิทธิพลมาจากโชคของฟางหยวน

เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณนี้ ดวงวิญญาณสีเทาก็ไม่ลังเลที่จะเข้ายึดครองร่างกายของเด็กยากจนทันที

ดวงวิญญาณของเด็กผู้นี้อ่อนแอมาก มันพยายามต่อต้านตามสัญชาตญาณ แต่ดวงวิญญาณสีเทาดวงนี้เป็นดวงวิญญาณแยกของฟางหยวน แล้วเด็กมนุษย์ธรรมดาที่อ่อนแอจะสามารถต่อต้านมันได้อย่างไร

แทบในทันที ดวงวิญญาณของเด็กยากจนก็ถูกทําลายโดยดวงวิญญาณสีเทาของฟางหยวน

ดวงวิญญาณของฟางหยวนเข้ายึดครองร่างกายของเด็กหนุ่มผู้นี้และกลายเป็นคนพื้นเมืองของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรอย่างสมบูรณ์

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าคือเจิ้นต์”

“อย่างไรก็ตามหลังจากเปลี่ยนดวงวิญญาณ การกระทําทั้งหมดของข้าจะอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของจิตวิญญาณสวรรค์ ข้าต้องดําเนินการอย่างรอบคอบ

“โชคดีที่ข้าทําลายดวงวิญญาณของเด็กผู้นี้และได้รับความทรงจําของเขามาแล้ว ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา

แม้เขาจะเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าจิตวิญญาณสวรรค์กําลังเฝ้ามองเขาอยู่หรือไม่?

ในเวลาต่อมาร่างแยกเฉินปู่ของฟางหยวนก็เริ่มการแสดง

เด็กหนุ่มคํารามและเปิดเปลือกตาขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและขมขืน

“บัดซบ!” เขาพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างยากลําบากเพราะอาการบาดเจ็บ ความเจ็บปวดทําให้เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

ในที่สุดเขาก็เกาะกําแพงและพยุงร่างกายของตนเดินออกไปอย่างช้าๆ

ร่างหลักของฟางหยวนเฝ้ามองสถานการณ์อยู่เป็นเวลานาน เมื่อเห็นร่างแยกเฉินปัติปรับตัวได้ดีและไม่มีอุบัติเหตุใดๆ เขาก็หยุดใช้กายาสวรรค์และจากไป

เขาเดินทางไปถึงถ้ําสวรรค์วรรณกรรมอย่างรวดเร็ว

ถ้ําสวรรค์บนเส้นทางแห่งข้อมูลแห่งนี้ค่อนข้างจัดการได้ยาก

ฟางหยวนขาดความสําเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลขณะที่ถ้ําสวรรค์แห่งนี้มีผู้อมตะระ ดับแปดปกป้องอยู่

ชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนถูกหยุดโดยผู้อมตะระดับแปดและล้มเหลวในการยึดครองถ้ําสวรรค์วรรณกรรม

เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ฟางหยวนตรวจสอบสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง

ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมไม่ใช่กับดัก มันไม่ได้รับผลกระทบหยดหมึก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบต่อฟางหยวน

ดังนั้นฟางหยวนจึงกระตุ้นใช้งานกายาสวรรค์เพื่อสร้างทางผ่านแสง

“ช่างกล้าหาญนัก! ปีศาจตนใดกล้าบุกบ้านเกิดของข้า!” เสียงที่ทรงพลังดังขึ้น

ต่อมาชายชราที่ดูเหมือนบัณฑิตในชุดขาวก็ปรากฏตัวขึ้น

“เขาออกมาแล้ว” ฟางหยวนไม่แปลกใจ เขาส่งฝูงสัตว์อสูรเข้าไปในถ้ําสวรรค์วรรณกรรม

“อย่าแม้แต่จะคิด!” ชายชราตะโกนเสียงดัง เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลและส่งสายฝนตัวอักษรออกมาสังหารฝูงสัตว์อสูร

ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ทางผ่านแสงก็ถูกทําลาย แต่ศีรษะของสัตว์อสูรแรกกําเนิดถูกตัดออกและตกลงไปในถ้ําสวรรค์วรรณกรรมอย่างน่าอนาถ

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด เจ้าก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่เหนือจินตนาการหากต้องการบุกสถานที่แห่งนี้!”ชายชราชุดขาวตะโกน

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มไม่ใส่ใจ

เขาเริ่มทําสิ่งเดียวกันในสถานที่อื่น

คล้ายกับชีวิตก่อนหน้า ชายชราชุดขาวมาถึงอย่างรวดเร็วและสังหารหมู่ฝูงสัตว์อสูรอีกครั้ง

ฟางหยวนเปลี่ยนสถานที่หลายแห่งแต่ความพยายามของเขาล้มเหลวทั้งหมด

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด หากข้ายังอยู่ อย่าคิดว่าจะประสบความสําเร็จ!” ชายชราชุดขาวเต็มไปด้วยขวัญกําลังใจ

“เช่นนั้นหรือ?” ฟางหยวนหัวเราะขณะล่าถอย

ภายในถ้ําสวรรค์วรรณกรรม ณ ลานกว้างแห่งหนึ่ง บัณฑิตหนุ่มมองภาพสะท้อนของเขาในบ่อน้ําขณะคิดกับตนเอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าคือหลี่เสียวไป”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท