เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1824 ไข่ที่ร่วงหล่นจากฟ้า

บทที่ 1824 ไข่ที่ร่วงหล่นจากฟ้า

บทที่ 1824 ไข่ที่ร่วงหล่นจากฟ้า

มรดกโชคของตนเองอธิบายเกี่ยวกับโชครูปแบบต่างๆเอาไว้อย่างครอบคลุม

โดยทั่วไปสีของโชคที่พบเห็นได้บ่อยครั้งมักมีเจ็ดสีหลักคือ ดํา เทา ขาว แดง ทอง ฟ้าและม่วง

โชคมีรูปแบบที่แตกต่างกันทุกประเภทตามสถานการณ์และเงื่อนไขของแต่ละบุคคล

ตัวอย่างเช่นร่างแยกของฟางหยวนที่มีโชคแตกต่างกันไป

หม้อปรุงโชคเกิดจากการรวมตัวกันของวิญญาณอมตะช่วงเวลาแห่งโชค วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชควิญญาณอมตะโชคอีสุนัข วิญญาณอมตะปราณโชค และวิญญาณอมตะดวงอื่นๆความสามารถของวิญญาณอมตะเหล่านี้เป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของหม้อปรุงโชค

แต่ความสามารถหลักของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้คือการปรุงโชค

มันสามารถเปลี่ยนแปลงโชคได้ตามความปรารถนาของผู้ใช้งาน

ตัวอย่างเช่นหากฟางหยวนมีโชคโลงศพสีดํา นั่นหมายความว่าเขากําลังเผชิญหน้ากับอันตรายถึงชีวิต เขาสามารถใช้หม้อปรุงโชคเปลี่ยนโชคโลงศพสีดําให้เป็นโชคดอกท้อหรือโชคชนิดอื่นตามความต้องการ

หม้อปรุงโชคคือจุดสูงสุดในมรดกโชคของตนเอง

“อย่างไรก็ตามข้าเป็นผู้อมตะระดับแปดขณะที่หม้อปรุงโชคเป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหก มันแทบไม่ส่งผลกระทบต่อโชคของข้า”

“แต่ร่างแยกของข้าแตกต่างออกไป ระดับเจ็ดคือจุดสูงสุด ขณะที่ร่างแยกส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์

“ด้วยการใช้หม้อปรุงโชคก่อนหน้านี้ มันสามารถเปลี่ยนโชคให้กับร่างแยกของข้าได้ทันที

แน่นอนว่าฟางหยวนต้องการยกระดับหม้อปรุงโชคแต่ตอนนี้วิญญาณความเสียใจยังอยู่ในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า

ฟางหยวนสามารถสั่งให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคระดับหกแต่ในการเลื่อนระดับพวกมันขึ้นสู่ระดับเจ็ด เขายังขาดองค์ประกอบสําคัญบางอย่างถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

ร่างแยกเฉินตู้ของฟางหยวนเดินไปอย่างช้าๆ

ผู้คนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ํา

นี่คือตลาดของผู้ใช้วิญญาณที่ใหญ่ที่สุดในเมือง” เฉินตู้สังเกตและคิด

ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง เขายังเด็กมาก

เขามาที่นี่เพื่อรวบรวมข้อมูลและทําความเข้าใจสภาพแวดล้อม

“ผู้ใช้วิญญาณต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะ แต่ตอนนี้ข้ายากจนมาก สิ่งสําคัญที่สุดของข้าคือการหาเงิน”

เจิ้นที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์และไร้เดียงสาแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ในฐานะร่างแยกของฟางหยวนซึ่งเป็นผู้อมตะ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะมองหาโชคลาภของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์

แต่หลังจากสังเกตเห็นบางสิ่ง เฉินตู้กลับรู้สึกขมขื่น

“แม้ที่นี่จะมีวิญญาณแต่วิญญาณเหล่านี้ใช้เพื่อบํารุงสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเท่านั้น ไม่มีการใช้วิญญาณสําหรับการต่อสู้ด้วยตัวผู้ใช้วิญญาณ”

ฟางหยวนเดินไปรอบๆและพบวิญญาณเพียงไม่กี่ชนิด ร้านค้าส่วนใหญ่ขายสัตว์หรือพืช

“ไม่แปลกใจเลย ถ้ําสวรรค์นักรบอสูรมีท่าไม้ตายอมตะกลืนกินสิ่งมีชีวิต มันในเรื่องง่ายที่ผู้ใช้วิญญาณจะหลอมรวมกับสัตว์หรือพืช

“หากเป็นโลกภายนอก พวกเขาต้องจ่ายมากกว่าสิบเท่าเพื่อให้ได้รับสิ่งนี้

“วิธีการหลอมรวมกับสัตว์หรือพืชเป็นการบ่มเพาะของผู้คนที่นี่ มันเป็นความตั้งใจของถ้ําสวรรค์นักรบอสูร”

เจ้าของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรสร้างวิธีการบ่มเพาะรูปแบบนี้ขึ้นมาเพราะเขาต้องการควบคุมสี่งมีชีวิตที่อยู่ภายในถ้ําสวรรค์ของเขา

ท้ายที่สุดถ้ําสวรรค์นักรบอสูรก็มีผู้คนจํานวนมาก

ฟางหยวนต้องการยึดครองสถานที่แห่งนี้ เขาไม่สามารถใช้วิธีการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณทั่วไปเขาต้องผสานตัวเข้ากับถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

การเป็นผู้ใช้วิญญาณที่สามารถหลอมรวมกับสัตว์หรือพืชเป็นจุดเริ่มต้นของมัน

เมื่อเขาสามารถหลอมรวมกับสัตว์หรือพืช เขาจะสามารถต่อสู้และเข้าร่วมกับสมาคม

ในถ้ําสวรรค์นักรบอสูรมีสมาคมนักรบอสูรเป็นกองกําลังเดียวของมัน

หากเจิ้นสามารถเข้าสู่สมาคมนักรบอสูร เขาจะได้รับตําแหน่งนักรบฝึกหัดระดับต่ําสุดก่อนจะก้าวเข้าสู่ระดับเหนือขึ้นไปของสมาคมคือทูตอสูร นักรบอสูร และราชาอสูร

มันเป็นโครงสร้างที่เรียบง่าย

แต่ตอนนี้ไม่เพียงเฉินปู่ตู้จะขาดวิญญาณ เขายังขาดสัตว์หรือพืชที่ใช้ในการหลอมรวม โดยเฉพาะอย่างหลังที่มีราคาแพงมาก

หลังจากรวบรวมข้อมูลเพียงพอแล้ว เจิ้นต์ก็เริ่มวางแผน

“ตามแผนการของข้า ในเวลาหนึ่งเดือน ข้าจะมีเงินเพียงพอที่จะซื้อวิญญาณ

“หลังจากอีกหนึ่งเดือน ข้าจะสามารถซื้อสัตว์อสูรระดับต่ําสุด”

“ข้าจะซื้อหนูฟันเหล็กและใช้มันสักพัก สัตวอสูรตัวนี้ถูกมองข้ามจากทุกคนแต่คุณค่าของมันเหมาะสมกับราคา

“ด้วยความแข็งแกร่งที่เพียงพอ ข้าจะเข้าร่วมสมาคมนักรบอสูรและรับภารกิจเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว

“หือ?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เจิ้นตูได้ยินเสียงตะโกน “ระวังข้างบน!”

เขารีบเงยหน้าขึ้นและเห็นเงาสีดําร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าชายชราผู้หนึ่งพยายามบังคับนกตัวใหญ่ที่เขาขี่เพื่อคว้าจับเงาร่างสีดําดังกล่าวแต่ดูเหมือนมันจะสายเกินไป

“มันคือสิ่งใด?”

“วิ่ง!”

คนรอบข้างแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว

เจิ้นเร่งฝีเท้าและวิ่งเข้าไปหลบอยู่ใต้หลังคาร้านค้าแห่งหนึ่ง

“ตูม!”

แทบจะในทันทีที่วัตถุสีดําพุ่งชนร้านค้าแห่งนี้จนพังพินาศ

ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งไปทั่ว ผู้คนรอบข้างกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน

เจิ้งปู่ต่อยู่ใกล้ที่สุดแต่เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

“นี่คือ.ไข่?” เฉินตู้มองไข่ที่สูงพอๆกับมนุษย์และคิด “กลิ่นอายนี้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไข่ของสัตว์อสูรเดียวดาย

ขณะที่เขากําลังคิด เปลือกไข่ก็แตกออก นกอินทรีย์ตัวน้อยฟักออกมา

อินทรีย์น้อยมองเฉินตู้และร้องจิบๆ มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเขาและใช้จงอยปากเล็กๆจิกแก้มของเฉินตู้

“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ชายชราขี่นกตัวใหญ่บินลงมาบนพื้นและมองฉากนี้ด้วยความตกตะถึง

“คารวะผู้อาวุโส ข้าคือเจิ้นต์” เฉินตู้มีความรู้ เขารู้ว่าชายชราผู้นี้เป็นผู้อมตะ เขาไม่กล้ารอและรีบแสดงความเคารพทันที

ก่อนที่ชายชราจะกล่าวสิ่งใด อินทรีย์ตัวน้อยก็เดินเข้ามาหาเจิ้นต์อีกครั้งและใช้ปีกเล็กๆของมันตบแผ่นหลังของเขา

ชายชราแสดงออกด้วยความซับซ้อนขณะมองอินทรีย์ตัวน้อย เขาประเมินเจิ้น “เห้อ…คู่หูของข้าตั้งท้องมาสามสิบปีแล้ว ในที่สุดมันก็วางไขในวันนี้ แต่มันฟักอินทรีย์หางศรออกมาอย่างกะทันหันที่นี่เจ้าเป็นคนแรกที่เห็นมัน ดังนั้นมันจึงถือว่าเจ้าเป็นญาติสนิทที่สุด”

เจิ้น ตกตะลึง เขาเร่งโบกมือ “ผู้อาวุโส ข้าขอโทษ ข้าข้าไม่ได้ตั้งใจจะทําเช่นนั้น”

ผู้อมตะเฒ่าหัวเราะ “เจ้าชื่อเจิ้นงั้นหรือ? ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวตู้ โอ้ เสี่ยวต์ อย่ากังวล ข้าไม่ได้โทษเจ้าอันที่จริงข้าควรเป็นฝ่ายขอโทษเจ้า ก่อนหน้านี้ไขใบนี้เกือบฆ่าเจ้าไปแล้ว”

“ข้ารู้สึกว่ามันเป็นโชคชะตา หากหลานชายของข้ายังมีชีวิตอยู่ เขาคงอายุเท่ากับเจ้า โอ้ เสี่ยตู้เจ้ายินดีฝึกฝนกับข้าหรือไม่? เจ้าได้รับการยอมรับจากอินทรีย์หางศร เจ้าอาจกลายเป็นนักรบอสูรในอนาคต”

“นักรบอสูร?” ดวงตาของเจิ้นต์ส่องประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น

เขากําหมัดแน่น “ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือการเป็นนักรบอสูร! ผู้อาวุโส ข้าจะเป็นได้จริงๆงั้นหรือ?”

ชายชราหัวเราะ “เสี่ยวตู้ มันขึ้นอยู่กับการทํางานหนักของเจ้า แต่ตอนนี้ไปกันเถอะ”

“ทราบแล้ว” เฉินตูขึ้นไปบนแผ่นหลังของนกอินทรีย์ตัวใหญ่และจากไปพร้อมกับชายชรา

“สวรรค์!”

“ข้าพึ่งเห็นสิ่งใด?”

“เด็กนั่นช่างโชคดีนัก!”

“ชายชราผู้นั้นคือเจ้าเมืองภูผา!”

“เขาคือเจ้าเมืองงั้นหรือ? อาข้าได้ยินมาว่าเจ้าเมืองภูผาจะมาที่เมืองของเราเพื่อเจรจากับเจ้าเมืองของเรา”

ความโกลาหลปะทุขึ้นทันที

“เด็กผู้นั้นคือผู้ใด? ดูเหมือนเขาจะชื่อเจิ้นต์? เหตุใดเขาจึงโชคดีนัก!”

“เห้อ…เหตุใดไม่เป็นข้า?”

“หากข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะผลักเขาออกไป”

“บัดซบ! ชัดเจนว่าเจิ้นเป็นเพียงเด็กยากจน แต่เขากลับถูกนําตัวไปโดยนักรบอสูร ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปแล้ว อนาคตของเขาจะสดใสมาก!”

“เขายังได้รับการยอมรับจากอินทรีย์หางศร นี่คือสัตว์อสูรระดับอมตะ!”

“เปรียบเทียบกับสัตว์อสูรอมตะ สัตว์และพืชในตลาดแห่งนี้ล้วนเป็นขยะ พวกมันมีค่าน้อยกว่าอึของอินทรีย์หางศร!”

บางคนกระทืบเท้าด้วยความโกรธและเสียดาย

บางคนจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง บางคนกรีดร้อง บางคนน้ําลายไหล

ถ้ําสวรรค์วรรณกรรม

ในการแข่งขันกวีนิพนธ์ระหว่างนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่

นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงมองศิษย์ในห้องโถงและหัวเราะ “เมืองนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความสามารถศิษย์ของเจ้าเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความใคร่รู้ ดูเหมือนคําสอนของน้องเจียงจะได้ผล”

“ข้ารู้สึกปลาบปลื้มนัก พี่เฉิน ศิษย์ของข้ายังมีความรู้ที่ตื้นเขิน พวกเขายังเด็กเกินไป นี่เป็นความโชคดีของพวกเขาที่มีโอกาสพบกับท่าน” อาจารย์ของสถานศึกษาแห่งนี้คืออาจารย์เจียง เขากล่าวอย่างอ่อนน้อม

นักปราชญ์เฉินป้องหมัดขึ้น “น้องเจียง พวกเราเป็นคู่แข่งที่เท่าเทียมในการต่อสู้ครั้ง นี้ ผลลัพธ์คือการเสมอกันตอนนี้เรามาเล่นเกมส์ส่งดอกไม้และให้ศิษย์สองสามคนออกมาท่องบทกวีกันเถอะข้าอยากเห็นทักษะของเด็กๆ”

“ไม่มีปัญหา” อาจารย์เจียงคิดก่อนพยักหน้าเห็นด้วย

ทันใดนั้นดวงตาของศิษย์หลายคนก็ส่องประกายขึ้น

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่สองคนอยู่ตรงหน้า ตราบเท่าที่ศิษย์สามารถแสดงผลงานที่ดี พวกเขาจะได้รับชื่อเสียง

เลือกข้า เลือกข้า!”

ส่งให้ข้า ส่งให้ข้า!”

“อา…เสียงกลองหยุดแล้ว!”

“ผู้ใดได้รับดอกไม้สีแดงจงออกมาท่องบทกวีของเจ้า” นักปราชญ์เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในสถานการณ์นี้หลี่เสี่ยวไปเดินออกไปข้างหน้าภายใต้การจ้องมองจากสายตาทุกคู่

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท