เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1825 ดอกไม้สีแดง

บทที่ 1825 ดอกไม้สีแดง

บทที่ 1825 ดอกไม้สีแดง

 ศิษย์หลี่เสี่ยวไปคารวะท่านอาจารย์ทั้งสอง  หลี่เสี่ยวไปกล่าวด้วยความเคารพ

นักปราชญ์เฉินยิ้มและพยักหน้า

อาจารย์เจียงถาม  เสี่ยวไป เจ้าเตรียมบทกวีไว้บ้างหรือไม่? 

อาจารย์เจียงขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความกังวล หลี่เสี่ยวไปผู้นี้มีพรสวรรค์ธรรมดามาก อาจารย์เจียงหวังว่าเขาจะเตรียมบางสิ่งเอาไว้ มิฉะนั้นสถานศึกษาแห่งนี้อาจสูญเสียชื่อเสียง

โดยเฉพาะเมื่อนักปราชญ์เฉินอยู่ที่นี่ ทุกคนรู้ว่าอาจารย์เจียงเป็นคนมีความสามารถ หากศิษย์ของเขาสร้างความอับอาย ผู้คนจะกล่าวว่าเขามีความสามารถแต่ไม่สามารถสั่งสอนศิษย์

 ท่านอาจารย์ ข้าเตรียมบทกวีไว้บ้าง  หลี่เสี่ยวไปตอบด้วยการแสดงออกที่ค่อนข้างมั่นใจ

 เช่นนั้นก็ท่องให้พวกเราฟัง  อาจารย์เจียงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมไม่เหมือนถ้ําสวรรค์อื่นๆ มันมีเอกลักษณ์พิเศษของตัวเอง

หากบางคนสามารถแต่งบทกวีหรือสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมที่ดี ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมจะมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขา

ดังนั้นการสร้างสรรค์บทกวีจึงมีความสําคัญและจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดํารงชีวิตสถานะชื่อเสียง การบ่มเพาะ และอนาคตของพวกเขา

โดยปกติบัณฑิตส่วนใหญ่จะสะสมรากฐานและเก็บบทกวีดีๆเอาไว้เป็นความลับของตนเองแม้พวกเขาจะไม่สามารถนําบทกวีเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็จะเก็บมันไว้สําหรับอนาคต

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลี่เสี่ยวไปจะเตรียมบทกวีเอาไว้

ร่างแยกหลี่เสี่ยวไปของฟางหยวนคิด  ข้าอ่านบทกวีมามากมายในชีวิตแรกของข้า พวกมันล้วนเป็นผลงานที่ทําให้โลกตกตะลึงแม้จะผ่านวันเวลามานับพันปี

 แต่หากข้าพยายามใช้บทกวีเหล่านั้น มันจะเป็นปัญหา

 ถ้ําสวรรค์วรรณกรรมเป็นถ้ําสวรรค์บนเส้นทางแห่งข้อมูล มันเชี่ยวชาญด้านการรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีสังเกตปราณวรรณกรรมและปราณพรสวรรค์ เกือบทุกคนมีวิธีการดังกล่าวมันแตกต่างกันเพียงระดับความสําเร็จเท่านั้น 

 ข้าไม่มีปราณวรรณกรรมและปราณพรสวรรค์ ก่อนที่ข้าจะเข้ายึดครองร่างนี้ เขาเป็นศิษย์ธรรมดาการสร้างบทกวีที่น่าตกใจตอนนี้ไม่เพียงผู้คนจะไม่เชื่อข้า พวกเขายังจะสงสัยและเริ่มตรวจสอบข้า 

 แม้ข้าจะพยายามอธิบายว่ามันไม่ใช่ผลงานของข้าในภายหลัง มันก็ยังสายเกินไป ข้าจะถูกมองว่าไม่ซื่อสัตย์ ทุกคนจะดูหมินและเกลียดชังข้า 

ฟางหยวนวางแผนแทรกซึมเข้ามาในถ้ําสวรรค์วรรณกรรมเพื่อรับผลประโยชน์ทุกประเภท

ร่างแยกหลี่เสี่ยวไปไม่มีปราณวรรณกรรมหรือปราณพรสวรรค์ตั้งแต่แรก แต่มันไม่ใช่ฟางหยวนที่ขาดแคลนพรสวรรค์

ฟางหยวนมีบทกวีที่มีชื่อเสียงจํานวนมากอยู่ในความทรงจํา นอกเหนือจากบทกวีเหล่านี้มันยังมีบทกวีที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นด้วยตัวเอง

ดังนั้นหลี่เสี่ยวไปจึงเลือกหนึ่งในนั้นและเริ่มท่อง

อาจารย์เจียงถอนหายใจ บทกวีนี้สร้างได้ค่อนข้างดี มันอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

 อืม ไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจแม้แต่น้อย 

 ข้านั่งข้างหลี่เสี่ยวไปเป็นเวลาสามปีในชั้นเรียน สิ่งนี้เกินมาตรฐานของเขาไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า 

 มันไม่ดีงั้นหรือ? ด้วยบทกวีพื้นๆของเขา อีกสองคนถัดไปจะโชคดีมาก 

ศิษย์ที่อยู่ด้านล่างพูดคุยอย่างมีชีวิตชีวา

บทกวีของหลี่เสี่ยวไปค่อนข้างเข้ากันได้กับความสามารถของเขาที่ทุกคนรู้จัก แต่เขามีสหายร่วมชั้นเรียนที่มีความสามารถเหนือกว่าอีกหลายคน

โดยเฉพาะศิษย์บางคนที่เตรียมบทกวีล้ําค่าเอาไว้ล่วงหน้า

บทกวีเหล่านี้ถูกแต่งขึ้นอย่างพิถีพิถันและตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะนําพวกมันออกมา

เมื่อเสียงกลองดังขึ้น ดอกไม้สีแดงก็ถูกส่งผ่านไป ศิษย์ชั้นยอดเหล่านี้รู้สึกตื่นเต้นมากดวงตาของพวกเขาส่องประกายด้วยความคาดหวัง

เมื่อเสียงกลองหยุดลง

ศิษย์ส่วนใหญ่ต่างผิดหวัง พวกเขาไม่ถูกเลือก

ต่อมาดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้น

ดอกไม้สีแดงหยุดอยู่ที่หลี่เสี่ยวไป! เป็นเขาอีกครั้ง

 โอ้?  หลี่เสี่ยวไปค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน

 กฏก็คือกฏ เจ้าสามารถขึ้นมาอีกครั้ง  นักปราชญ์เฉินหัวเราะและสายศีรษะ

อาจารย์เจียงเริ่มกังวล ตามพื้นฐานของหลี่เสี่ยวไป ครั้งที่แล้วเขาทําได้เหนือมาตรฐานของตนเองแล้ว แต่ครั้งนี้

อย่างไรก็ตามหลี่เสี่ยวไปยังท่องบทกวีของเขาเป็นครั้งที่สอง

บทกวีนี้อยู่ในระดับเดียวกับบทกวีก่อนหน้า

ในที่สุดอาจารย์เจียงก็สามารถผ่อนคลาย เขามองหลี่เสี่ยวไปด้วยสายตาอ่อนโยนมากขึ้น  ดูเหมือนแม้แต่เจ้าก็ยังทํางานอย่างหนัก เจ้าเก็บบทกวีไว้ถึงสองบท ทั้งสองควรเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของเจ้าเองมันไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะแต่งพวกมันขึ้นมา 

หลี่เสี่ยวไปแสดงออกด้วยท่าทีเขินอาย อาจารย์เจียงหัวเราะอย่างมีความสุข

 คนสุดท้าย 

 หลี่เสี่ยวไปได้รับโอกาสถึงสองครั้ง เห้อ… นั่นเป็นโชคร้ายจริงๆ 

 หากข้าถูกเลือก นักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน แต่ข้าไม่มีโอกาส! 

 ข้าสงสัยว่าผู้ใดจะได้รับโอกาสสุดท้าย? 

ทุกคนแทบไม่สามารถรักษาความสงบ พวกเขามองดอกไม้สีแดงอย่างไม่ละสายตา

 ส่งให้ข้าส่งให้ข้า! 

 เห้อ…ผ่านข้าไปอีกแล้ว ข้าหวังว่ามันจะวนกลับมาที่ข้าอีกครั้ง 

 ปัง! 

เสียงกลองหยุดลงอย่างกะทันหัน

นักปราชญ์เฉินเปิดเปลือกตาขึ้นและเผยรอยยิ้ม  ครั้งนี้เป็นผู้ใด? คือ? 

เขามึนงงและไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้  เหตุใดเป็นเจ้าอีกครั้ง? 

หลี่เสี่ยวไปถือดอกไม้สีแดงเดินออกไปด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม

เขาป้องหมัดให้นักปราชญ์ทั้งสองก่อนจะหันหน้ากลับไปทางศิษย์ร่วมชั้นเรียน  สหายทุกท่าน ข้าไม่ได้ทําสิ่งนี้โดยตั้งใจ การได้รับเลือกสามครั้งติดต่อกันทําให้ข้าประหลาดใจและตกใจ มาก ข้าข้ารู้ว่าทุกคนมีความสามารถมากกว่าข้า แต่ข้าต้องท่องบทกวีครั้งที่สาม ข้าขอโทษทุกคนจากใจจริง 

แรกเริ่มศิษย์ร่วมชั้นเรียนของเขาตกใจและโกรธ แต่หลังจากได้ยินคํากล่าวและการแสดงออกของหลี่เสี่ยวไปความโกรธในใจของพวกเขาก็จางหายไป

ในความเป็นจริงพวกเขาเริ่มรู้สึกสงสารหลี่เสี่ยวไป

ท้ายที่สุดพรสวรรค์และทักษะของหลี่เสี่ยวไปก็ด้อยกว่าพวกเขาจริงๆ แล้วเขาจะไม่ทุกข์ทรมานกับการแสดงสามครั้งติดต่อกันได้อย่างไร?

 โชคของเจ้าช่างน่าเหลือเชื่อนัก ลืมมันไปเถอะ เอาล่ะ เริ่มท่องบทกวีได้แล้ว  อาจารย์เจียงหัวเราะ

หลี่เสี่ยวไปท่องบทกวีของเขาอีกครั้ง มันเป็นบทกวีทั่วไปแต่ท่อนสุดท้ายของมันค่อนข้างน่าประทับใจ

แม้มันจะเป็นเพียงจุดเล็กๆแต่มันช่วยยกระดับบทกวีทั้งหมดขึ้นสู่ระดับใหม่

ไม่เพียงนักปราชญ์เฉินจะหัวเราะและชื่นชม กระทั่งอาจารย์เจียงยังรู้สึกประหลาด ใจเล็กน้อย ท่อนสุดท้ายของบทกวีของเจ้าน่าสนใจทีเดียว เจ้าคิดอย่างไรกับมัน 

หลี่เสี่ยวไปเผยรอยยิ้มขมขื่น  ท่านอาจารย์ ข้าไม่กล้าโกหก เดิมทีบทกวีบทนี้มีเพียงสามบรรทัดข้าพึ่งคิดบรรทัดสุดท้ายอย่างกะทันหัน แต่ผู้ใดจะคิดว่าท่านอาจารย์ทั้งสองจะชื่นชอบมันนี่ทําให้ข้าประหลาดใจมาก 

อาจารย์เจียงตกตะลึงก่อนจะหัวเราะเสียงดัง

นักปราชญ์เฉินส่ายศีรษะ  หลี่เสี่ยวไปเจ้าพูดตรงมาก 

ปรากฏว่าเขาลอบใช้วิธีตรวจสอบปราณวรรณกรรมและปราณพรสวรรค์ของหลี่เสี่ยวไปและพบกว่าเด็กผู้นี้มีความสามารถค่อนข้างธรรมดา

 แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รับแรงบันดาลใจและทํางานได้ดีกว่าปกติ นักปราชญ์เฉินไม่มีข้อสงสัย

อาจารย์เจียงต้องมองหลี่เสี่ยวไปใหม่อีกครั้ง

เขาคิด  แม้หลี่เสี่ยวไปจะมีพรสวรรค์ธรรมดา แต่เขายังทํางานอย่างหนัก มันเห็นได้จากวิธีที่เขาเตรียมบทกวีไว้ถึงสามบท ความสามารถในการได้รับแรงบันดาลใจและแต่งกลอนสดบนเวทีของเขาแสดงให้เห็นว่าเขามีศักยภาพ แต่สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเขาคือคํากล่าวในรอบที่สามของเขา เขาขอโทษสหายร่วมชั้นเรียน นั่นเป็นทักษะทางสังคมที่ดี ความสามารถในการพูด การเขียนและการแสดงออกของเขาไม่เลวเลยจริงๆ 

 เดี๋ยว!  อาจารย์เจียงนึกถึงบางสิ่ง  ข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างข้ากับนักปราชญ์เฉินจะแพร่กระจายออกไปทั่วโลก แต่นั่นไม่ใช่จุดสําคัญ สิ่งสําคัญคือหลี่เสี่ยวไปจะโด่งดังจากเรื่องนี้ เขาได้รับโอกาสสามครั้งติดต่อกันเพื่อท่องบทกวี เขาจะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ 

 หลังจากจบเรื่องนี้ บางคนอาจมุ่งเป้ามาที่หลี่เสี่ยวไปเพื่อโจมตีข้า! 

ปัญหาคือหลี่เสี่ยวไปเป็นศิษย์ธรรมดา

อาจารย์เจียงขมวดคิ้วและตัดสินใจ  ข้าต้องเลี้ยงดูหลี่เสี่ยวไปและลอบสนับสนุนเขา! หลังจากนี้ทุกคนจะรู้ว่าหลี่เสี่ยวไปเป็นศิษย์ของข้า แม้ข้าจะมีศิษย์มากมาย แต่เขาจะเป็นคนเดียวที่มีชื่อเสียง

 ในอนาคตหากบางคนพูดถึงหลี่เสี่ยวไป ชื่อของข้าจะปรากฏขึ้นเช่นกัน ชื่อเสียงของเราถูกติดกันแล้วข้าต้องดูแลเขาอย่างดี มิฉะนั้น… 

อาจารย์เจียงรู้สึกกดดันมาก เขาตัดสินใจที่จะทําให้แน่ใจว่าหลี่เสี่ยวไปจะกลายเป็นบัณฑิตที่ดีแม้เขาจะต้องใช้ความพยายามและทรัพยากรจํานวนมาก เขาก็ต้องแกะสลักหยกชิ้นนี้ให้งดงาม!

ภาคกลาง ภูเขาเฟยอี้

กู้หริวรูหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะและปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก เขาสูดหายใจลึกก่อนกล่าว  เรียบร้อยแล้ว เวลาในมิติช่องว่างของเขาถูกเร่งความเร็วจนถึงขีดจํากัดแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติบ่อยมาก 

 ขอบคุณสําหรับการทํางานหนัก  ฉินติงหลิงยิ้มขณะมองฟางเจิ้งที่กําลังนอนหลับอยู่

แต่นางกลับอ้าปากค้างอย่างกะทันหัน

 เกิดสิ่งใดขึ้น?  กู้หริวรูถามด้วยความสงสัย

ฉินติงหลิงกล่าว  ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อตรวจสอบโชคของเขาและพบว่าโชคของฟางเจิ้งเปลี่ยนไปอีกครั้ง โชคเดิมของเขาเป็นเนินเขาสี่เหลี่ยมที่อุดมสมบูรณ์ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นอืม… มันดูเหมือนฝาหม้อ… 

 มันหมายความว่าอย่างไร? 

ฉินติงหลิงส่ายศีรษะ  ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน 

สองเดือนต่อมา

ข่าวบางอย่างทําให้ร่างหลักของฟางหยวนหยุดการฝึกฝนของเขา

 ในที่สุดข้าก็พบที่ตั้งของวังมังกร 

 ดี ข้าเรียนรู้วิธีบนเส้นทางแห่งพลังปราณเรียบร้อยแล้ว ข้าควรดําเนินการล่วงหน้าและขโมยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้อย่างลับๆก่อนที่วังสวรรค์จะเคลื่อนไหว 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท