เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

บทที่ 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

บทที่ 1829 นักพรตมดเขียวรับศิษย์

ทะเลตะวันออก

ร่างหลักของฟางหยวนซ่อนอยู่ในกลุ่มเมฆ

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป  โอ้ โชคของร่างแยกมนุษย์มังกรเปลี่ยนไปอีกครั้ง! 

ฟางหยวนมองโชคเมฆสีดําขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆหม้อปรุงโชค

ภายในเมฆสีดํา โชคสี่รูปแบบที่แตกต่างกันซึ่งเป็นตัวแทนของผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่กําลังปกป้องเมฆสีดําเหล่านี้

โชคมังกรม่วงของร่างแยกมนุษย์มังกรกําลังคํารามอยู่ภายในเมฆสีดํา

มังกรม่วงดูแข็งแรงขึ้นแล้ว ปราณสีฟ้าม่วงถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างของมังกรม่วงอย่างช้าๆ

ด้วยวิธีนี้ร่างมังกรม่วงจึงขยายใหญ่ขึ้น กรงเล็บและฟันของมันแหลมคมมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุดคือเดิมทีมังกรม่วงนอนขดตัวเป็นวงกลม แต่ตอนนี้มันเริ่มยึดตัวและโจมตีเมฆสีดํา

 จากนิ่งเฉยกลายเป็นกระฉับกระเฉงและมีขวัญกําลังใจมากขึ้น ดูเหมือนร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าจะสามารถผ่านฉากในอาณาจักรแห่งความฝัน นี่เป็นเรื่องดี! 

 น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อช่วยร่างแยกมนุษย์มังกรของข้าได้อีกต่อไป 

ตอนนี้ร่างกายและดวงวิญญาณของร่างแยกมนุษย์มังกรถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน วิธีบนเส้นทางแห่งโชคไม่สามารถทะลวงเข้าไป

ฉากที่สองในอาณาจักรแห่งความฝัน

ร่างแยกมนุษย์มังกรวิเคราะห์สถานการณ์และพิจารณาทางเลือกของเขา ด้วยการประกาศทัศนคติของตนเองออกมาอย่างจริงใจ บิดาของเขาจึงให้การยอมรับ

อย่างไรก็ตามเขายังต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

ในห้อง ฟางหยวนถาม  ท่านพ่อ เมื่อเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเราจะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรุ่งเรืองได้อย่างไร? ข้าแน่ใจว่าท่านพ่อมีแผน โปรดสั่งสอนข้าด้วย 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม  เราวางแผนมานานแล้ว ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ไม่เพียงข้า แต่สหายมนุษย์มังกรของเรากําลังทํางานร่วมกัน ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถเรียนรู้ตัวตนของพวกเขา นี่คือการปกป้องพวกเขาและตัวเจ้าเอง 

 ก้าวแรกของแผนการที่ยิ่งใหญ่คือความลับ การทํางานในที่มืดง่ายกว่าการแสดงออก อย่างเปิดเผยข้าเข้าใจ  ฟางหยวนพยักหน้าแต่เขายังถามต่อ  แต่แผนการที่ดีย่อมต้อ งมีปณิธานบางอย่างถูกต้องหรือไม่? 

 มันคือสิ่งนี้  ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้มและยกฟูกันขึ้นมาเขียนอักษรตัวสุดท้ายที่ขาดหายไปในกระดาษที่อยู่บนโต๊ะด้วยคําว่าเซีย

เมื่อรวมกับอักษรสามตัวแรก มันมีความหมายว่า มังกรปกครองโลก

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจก่อนจะตัดกระดาษแผ่นนั้น

เขาส่งเศษกระดาษที่มีอักษรคําว่าเซียให้กับฟางหยวน

ตัวอักษรส่วนที่เหลือถูกเผ่าเป็นกองเถ้าถ่าน

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถอนหายใจกล่าว  วันหนึ่งเผ่ามนุษย์มังกรจะทะยานขึ้นสู่สวรรค์ โลกจะอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเรา แต่ตอนนี้เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งเกินไป พวกเขาเป็นผู้ปกครองโลก พิจารณา จากสถานการณ์ เผ่ามนุษย์มังกรของเรายังอ่อนแอเกินไปและมีขนาดเล็กเกินไป เราไม่ได้เป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ใดๆ ขณะเดียวกันเรายังเป็นกองกําลังย่อยของเผ่ามนุษย์ 

 ตอนนี้เราต้องอดทนจนกว่ารากฐานของเผ่ามนุษย์มังกรจะถูกสร้างขึ้น โชคดีที่เราเกิดจากมนุษย์ ความสัมพันธุ์ของเรากับพวกเขาค่อนข้างลึกซึ้งเช่นกัน โดยเฉพาะในภาคกลาง เรามีสมาชิกอยู่ในสิบนิกายโบราณ เราต้องเรียนรู้และยกระดับรากฐานของเราให้ทันมนุษย์

ฟางหยวนถามต่อ  แล้วข้าควรทําอย่างไร? 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรยิ้ม  เจ้ามีส่วนร่วมแล้ว ตั้งแต่เจ้ายังเด็ก ข้าก็เห็นศักยภาพของเจ้าและ ตั้งใจเลี้ยงดูเจ้าให้เป็นผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเจ้าค่อนข้างดี ข้าวางแผนที่จะให้เจ้าเข้าร่วมพิธีคัดเลือกศิษย์ของนักพรตมดเขียว 

 นักพรตมดเขียว?  ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น เขาคิดถึงคู่รักนักพรตสุรา

คู่รักนักพรตสุราเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของภาคกลาง ฝ่ายชายคือนักพรตมดเขียว ฝ่ายหญิงคือเทพธิดาสุรา ทั้งสองเป็นสหายในวัยเยาว์ที่สนิทสนมกันมาก

เดิมที่พวกเขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ภัยพิบัติแยกพวกเขาออกจากกัน ทั้งสองคิดว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว หลังจากทั้งสองกลายเป็นผู้อมตะ พวกเขาไม่คิดที่จะแต่งงานกับคนอื่น ต้องขอบคุณเรื่องบังเอิญที่วันหนึ่งพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง มันเหมือนความฝันที่เป็นจริง

หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหญิงกล่าวว่า  ข้าจําได้ว่าเจ้าชอบเล่นโคลนและมดเมื่อเจ้ายังเด็ก 

ฝ่ายชายหัวเราะ  เมื่อเรายังเด็ก ครอบครัวของเจ้าเปิดโรงเตี้ยม ชีวิตของเจ้าดีกว่าข้ามาก เจ้ามักเข้าไปในตรอกเพื่อขายสุราที่เจ้าถือไว้บนเสา ข้าอยู่กับเจ้าในช่วงเวลาเหล่านั้นและหวังว่าจะได้ ทําเช่นนั้นตลอดไป 

ด้วยเหตุนี้ฝ่ายชายจึงเรียกตนเองว่านักพรตมดเขียวขณะที่ฝ่ายหญิงเปลี่ยนชื่อเป็นเทพธิดาสุรา

ทั้งสองมีพรสวรรค์และศีลธรรมอันยอดเยี่ยม พวกเขากลายเป็นคู่รักอมตะและอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรกล่าวต่อ  นักพรตมดเขียวเคยแพ้เดิมพันต่อหงเจิ้นจากสิบนิกายโบราณ เขาจึงต้องรับศิษย์และส่งต่อมรดกของเขา ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เขาจะคัดเลือกศิษย์ 

 นักพรตมดเขียวเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์ หากเจ้ากลายเป็นศิษย์คนเดียวของเขา ไม่เพียงเจ้าจะได้เรียนรู้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสจากเขา เจ้ายังสามารถสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีกับคู่รักนักพรตสุรา เมื่อเผ่ามนุษย์มังกรเผชิญหน้ากับความยากลําบากในอนาคต ผู้อมตะระดับ แปดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะช่วยเราได้มาก 

 เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว  ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ  ข้าจะทํางานอย่างหนักและ เป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรพยักหน้า  ดี พิธีจะจัดขึ้นต้นเดือนหน้า เจ้าต้องปิดประตูฝึกฝน ข้าจะสั่งสอนเจ้าเป็นการส่วนตัว! 

ฉากที่สองหายไป ฉากที่สามเริ่มขึ้น

บนภูเขาสูงที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอก

ในป่าไผ่ หน้ากระท่อมหลังหนึ่ง สมาชิกวัยเยาว์ของสิบนิกายโบราณยืนอยู่ที่นี่

พวกเขาเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความสามารถ พวกเขามาที่นี่เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว

ฟางหยวนมีนงงเล็กน้อย เขาสังเกตสภาพแวดล้อมและพบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางเด็กกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มสาวเผ่ามนุษย์ส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงเขา มีเพียงมนุษย์มังกรวัยเยาว์สองคนเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเขา

พื้นที่กว้างใหญ่ตรงกลาง ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์สองคนกําลังต่อสู้กัน

ฟางหยวนจําหนึ่งในนั้นได้ เขาคิด นั่นไม่ใช่เจิ้งซวงงั้นหรือ? 

ตอนนี้เจิ้งซวงกําลังเสียเปรียบ เขากําลังต่อสู้กับหญิงสาวผมทองผู้หนึ่ง

ฟางหยวนฟังมาถึงฉากที่สาม เขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาเร่งถาม  พวกเจ้าคิดอย่างไร? 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้าที่ยืนอยู่ด้านข้างตอบ  อู่ส่วย เจ้าดูถูกพวกเรางั้นหรือ? แม้พวกเราจะแพ้ แต่เราสามารถมองเห็นสถานการณ์นี้ได้อย่างชัดเจน เจิ้งซวงจะแพ้ในอีกสองสามรอบ 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้ากล่าวเสียงเย็น

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนมากกว่า  ชิงซวน อย่าทําเช่นนี้ ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ อู่ส่วยไม่ได้ต้องการทําให้เจ้าขายหน้า 

ชิงซวนคือมนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดฟ้า เขากัดฟันกล่าว  มนุษย์พวกนั้นเจ้าเล่ห์เกินไป พวกเขารู้ว่าข้าแข็งแกร่ง พวกเขาจึงส่งบางคนมาต่อสู้กับข้าอย่างต่อเนื่อง นั่นทําให้ความแข็งแกร่งของข้าลดลงอย่างมากก่อนที่ไฟฉินจะเอาชนะข้าได้อย่างง่ายดาย ฮว งเว่ย อย่าบอกข้าว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้? 

มนุษย์มังกรวัยเยาว์เกล็ดเหลืองฮวงเว่ยถอนหายใจ  เหตุใดข้าจะไม่รู้? เราสองคนถูกกีดขวาง แต่ความจริงก็คือเราไม่แข็งแกร่งพอ หากเราเป็นเหมือนพี่อู่ส่วย แม้พวกเขาจะพยายามขัดขวางพวกเรา แต่พวกเราก็ยังสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ! 

ฟางหยวนฟังและคิด เจ้าหนูเกล็ดฟ้าคือชิงชวน เจ้าหนูเกล็ดเหลืองคือฮวงเว่ย ตอนนี้ข้าผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแล้ว 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฮวงเว่ยกล่าวกับฟางหยวน  พี่อู๋ส่วย ข้าชื่นชมความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของท่าน แต่คู่ต่อสู้ของท่านก็ไม่ธรรมดา ไฟฉินแข็งแกร่งมาก นางสามารถแข่งขันกับท่าน อย่างไรก็ตามท่านผ่านการต่อสู้ที่ยากลําบากมาหลายรอบขณะที่นางได้รับสิทธิให้ผ่านมาถึงจุดนี้โดยตรงและพึ่งต่อสู้กับเจิ้งซวงเพียงผู้เดียว 

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์แล้ว เด็กสาวผมทองไปฉันคือคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา

เขาประเมิน ไฟฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาส นางควบคุมกองทัพของนางโดยอาศัยเพียงสัญชาตญาณแต่มันยังสามารถสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่น…นางเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของฟางหยวนอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากเขารู้เรื่องนี้ ร่างหลักของเขาคงยกระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาสมาก่อนหน้านี้

แต่ผู้ใดจะคิดว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้น

 ข้าแพ้แล้ว  หลังจากชั่วครู่ เจิ้งซวงก็ป้องหมัดกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว

 เป็นเกียรติอย่างยิ่ง  ไฟฉินตอบกลับด้วยการแสดงออกที่เย็นชาก่อนที่นางจะหันหน้าไปทางฟางหยวนรอบสุดท้าย

ฟางหยวนค่อยๆก้าวเข้าสู่ลานประลอง

เขาเดินผ่านเฉิงซวงและทําให้ฝ่ายหลังแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เจิ้งซวงต้องการสนับสนุนฟางหยวนที่มาจากนิกายเดียวกัน แต่เมื่อคิดถึงอัตลักษณ์มนุษย์มังกร เขาก็ทําได้ เพียงปิดปากเงียบ

หลังจากชั่วครู่ การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

มดโผล่ขึ้นมาจากพื้นทีละตัว

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท