เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1830 ต่อสู้โดยใช้มด

บทที่ 1830 ต่อสู้โดยใช้มด

บทที่ 1830 ต่อสู้โดยใช้มด

ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจับมด

ไท่ฉินก็เช่นกัน

มดเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยนักพรตมดเขียว ชัดเจนว่ามันเป็นการทดสอบความสามารถในการควบคุมมด

ฟางหยวนใช้มดงานสามสิบแปดตัวและมดทหารหกตัวโจมตีไท่ฉินอย่างเต็มกําลัง

ไท่ฉินมีมดงานมากกว่าสาบสิบตัวและมดทหารห้าตัว นางเลือกวิธีที่แตกต่างจากฟางหยวน นางให้มดงานสร้างรังมดขณะที่มดทหารคอยปกป้องพวกมัน

กองทัพมดของฟางหยวนได้เปรียบเล็กน้อย เขาแสดงท่าทางก้าวร้าวมาก เด็กหนุ่มสาวที่เฝ้ามองอยู่รอบๆต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ไท่ฉินขมวดคิ้ว  เหตุใดอู๋ส่วยผู้นี้แสดงออกราวกับเป็นอีกคน? เขาก้าวร้าวมาก! 

นางต้องนํามดงานออกมาจากรังและให้มดทหารปกป้องมันเอาไว้

ในไม่ช้าทั้งสองฝ่ายก็เข้าสู่การต่อสู้ที่ดุเดือด

 ผู้ใดจะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ 

 กลยุทธ์ของอู๋ส่วยแตกต่างจากก่อนหน้า เขาเสียงเกินไป 

 ถูกต้อง ตราบเท่าที่ไม่ฉันสามารถป้องกันการโจมตีนี้ นางจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ อู๋ส่วยไม่ได้สร้างรังมดแต่ไท่ฉินมีหนึ่งรัง ระดับพลังของพวกเขาจะแตกต่างกัน 

 มันขึ้นอยู่กับทักษะการจัดการมดในเวลานี้ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุป ความแตกต่างระหว่างมดหนึ่งหรือสองตัวจะตัดสินผลแพ้ชนะ! 

 แม้อู๋ส่วยจะแข็งแกร่ง แต่ไท่ฉินก็มีรากฐานที่ลึกซึ้งเช่นกัน ในความคิดเห็นของข้า ไท่ฉินมีโอกาสชนะสูงกว่าอู๋ส่วยที่หุนหัน 

อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาผู้ชนะชั่วคราวก็ถูกตัดสิน

ไท่ฉินสูญเสียกองทัพของนางไปจํานวนหนึ่ง นางต้องล่าถอยขณะที่ฟางหยวนยังกดดันอย่างต่อเนื่อง

 มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? อู๋ส่วยชนะไท่ฉินจริงๆงั้นหรือ? ไท่ฉินทําสิ่งใดพลาด? 

 นางไม่ได้ทํา! ไท่ฉินต่อสู้ตามปกติแต่อู๋ส่วยทําได้เกินมาตรฐานของเขา เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสหรือเขาอยู่ในระดับนี้มาตั้งแต่แรก? 

 ไม่แปลกใจเลยที่เขาโจมตีโดยตรง เขามั่นใจในตัวเองมาก 

ไท่ฉินล่าถอยด้วยใบหน้ามืดครึมขณะที่ฟางหยวนฆ่ามดของนางมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อกองทัพมดของนางถอยกลับเข้าไปในรังมดที่ไม่สมบูรณ์ นางก็เหลือมดอยู่เพียงสิบสองตัวเท่านั้น นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้า

สถานการณ์ของฟางหยวนดีกว่าเล็กน้อย

ไท่ฉินใช้รังมดเป็นฐานบัญชาการและส่งมดทหารออกไปต่อสู้อยู่ด้านนอก

ฟางหยวนเปลี่ยนความคิด เขาไม่ได้โจมตีอย่างหุนหัน ตอนนี้ศัตรูตกลงสู่หลุมพรางของเขาแล้ว พวกมันไม่สามารถหลบหนีได้อีก

ฟางหยวนไม่แน่ใจเกี่ยวกับรังมด หากเขาโจมตีทันที มันอาจไร้ประโยชน์

ดังนั้นเขาจึงส่งมดทหารเข้าปิดล้อมรังมดก่อนจะใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งทาสจับมดตัวใหม่ที่อยู่ด้านนอก

มดยังโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินอย่างต่อเนื่อง แรกเริ่มมันเป็นมดงาน ต่อมาเป็นมดทหาร และสุดท้ายคือมดลูกศร

มดลูกศรสามารถยิงหนามแหลมออกจากปากของพวกมัน หลังจากยิงหนานสามเล่มออกไป พวกมันจะอ่อนและไม่สามารถต่อสู้แม้แต่กับมดงาน

แต่ถึงกระนั้นมดลูกศรที่มีประโยชน์มาก พวกมันเพียงไม่กี่ตัวสามารถเอาชนะกองทัพมดขนาดใหญ่ หากมีมดลูกศรจํานวนมาก เมื่อพวกมันยิงหนามออกไปพร้อมกัน มันจะกลายเป็นการโจมตีที่ทรงพลัง

 ทั้งสองต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้รับมดลูกศรเหล่านี้ 

 แท้จริงแล้วหากไท่ฉินได้รับมดลูกศร นางจะสามารถใช้พวกมันสังหารมดของฝ่ายตรงข้าม ด้วยวิธีนี้กองกําลังที่อยู่ในรังมดจะสามารถตอบโต้ 

 แม้อู่สวยจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่นอน เขาสามารถพ่ายแพ้เช่นกัน 

 น่าเสียดาย หากมดเกราะปรากฏขึ้นแทนมดลูกศร อู๋ส่วยจะสามารถใช้พวกมันบุกเข้าไปในรังมดและทําลายมัน 

เด็กหนุ่มสาววิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่รู้จบสิ้น

การต่อสู้ระหว่างกองทัพมดเป็นเกมส์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในยุคนี้ มันไม่ได้เป็นเพียงการทดสอบความสําเร็จบนเส้นทางแห่งทาส แต่มันยังเป็นการประเมินความเข้าใจและการตัดสินความสามารถในการจัดการสถานการณ์โดยรวมอีกด้วย

ฟางหยวนและไท่ฉินพยายามอย่างเต็มที่แต่ฟางหยวนยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

เด็กหนุ่มสาวรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

 มดที่อยู่ใกล้จะตกเป็นทาสง่ายกว่ามดที่อยู่ไกล ไท่ฉินอยู่ใกล้มดเหล่านั้นมากกว่าแต่เหตุใด อู๋ส่วยยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ? 

 นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคู่สวยงั้นหรือ? 

 ก่อนหน้านี้พวกเราร่วมมือกันเพื่อลดความแข็งแกร่งของเขา แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขายังมีกําลังเหลืออยู่มากมายเช่นนี้ เขาไม่เหนื่อยบ้างเลยงั้นหรือ? 

หากนี่คืออู๋ส่วยตัวจริง เขาจะรู้สึกเหนื่อย แต่ฟางหยวนไม่ใช่

ฟางหยวนพึ่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน เขาอยู่ในสภาพที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงวิญญาณของเขาที่เป็นดวงวิญญาณแยกของร่างหลัก

แม้ดวงวิญญาณแยกของฟางหยวนจะกลายเป็นดวงวิญญาณมนุษย์มังกรและไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณอีกต่อไป แต่รากฐานของมันก็เหนือกว่าคนทั่วไปอยู่มากมายนัก

รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณคือพื้นฐานและจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเส้นทางแห่งทาสี

ในการต่อสู้เพื่อมดลูกศร ไท่ฉินเป็นฝ่ายแพ้

นอกจากมดลูกศร ฟางหยวนยังมีมดงานและมดทหาร พวกมันร่วมมือกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ กองทัพมดของไฟฉินถูกแยกออกเป็นสองส่วนและทําให้นางไม่สามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้อีก

โชคดีที่มดลูกศรไม่ได้โดดเด่นในการโจมตีภายใต้ภูมิประเทศเช่นรังมดหรืออุโมงค์

 แม้ข้าจะได้เปรียบเล็กน้อย แต่มันก็ไม่โดดเด่นนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไท่ฉินใช้มดงานของนางสร้างรังมดอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้ 

แม้ฟางหยวนจะแสดงท่าทางก้าวร้าวแต่แท้จริงแล้วเขาใช้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อให้ได้รับชัยชนะ

กลยุทธ์การต่อสู้มักถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของความเข้าใจศัตรู

 ต่อไปตราบเท่าที่มดเกราะปรากฏขึ้น ข้าจะสามารถโจมตีรังมด แม้มดประเภทอื่นจะปรากฏขึ้น ตราบเท่าที่พวกมันไม่ใช่มดปืนใหญ่ ข้าก็ยังสามารถได้รับชัยชนะด้วยความได้เปรียบด้านจํานวน  ฟางหยวนมั่นใจในชัยชนะของเขา

เขามีโอกาสสูงที่จะได้รับชัยชนะ เด็กหนุ่มสาวไม่เต็มใจที่จะเห็นมันเกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับว่ามันกําลังจะเกิดขึ้น

 มนุษย์มังกรอี้ส่วยกําลังจะประสบความสําเร็จ 

 ผู้ใดจะคิดว่าการประลองจะจบลงเช่นนี้ 

 อู๋ส่วยซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ เขาช่างน่าเกรงขามนัก 

 เห้อ…น่าเสียดายที่มรดกบนเส้นทางแห่งทาสของนักพรตมดเขียวผู้ยิ่งใหญ่กําลังจะตกอยู่ในมือของมนุษย์มังกร 

ไท่ฉินแสดงออกอย่างเคร่งขรึม นางรู้ว่านางกําลังจะแพ้แต่นางยังไม่ยอมรับ

นางกัดฟันคิด  หากข้าแพ้มนุษย์มังกรเช่นกู้ส่วย มันจะดีกว่าหากข้าแพ้เจิ้นชวงในรอบก่อนหน้านี้ ข้าไม่สามารถพ่ายแพ้ที่นี่ ข้าไม่ยอมแพ้! 

ทันใดนั้นเมฆสีเขียวพลันก่อตัวขึ้นเหนือลานประลอง ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ฝนกรดก็เริ่มตกลงมาจากเมฆสีเขียวเหล่านี้

สายตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เด็กหนุ่มสาวต่างอ้าปากค้าง

 สิ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อมดแต่เป็นสนามรบ 

 หากเกิดแผ่นดินไหว ไท่ฉินจะแพ้โดยที่อู๋ส่วยไม่ต้องทําสิ่งใดเลย หากมันเป็นสิ่งอื่น สถานการณ์อาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่นี่เป็นฝนกรด… 

 แท้จริงแล้วมดของไท่ฉินล้วนอยู่ในรังขณะที่มดของอู๋ส่วยต้องเผชิญหน้ากับการกัดกร่อนจากฝนกรด 

 อู๋สวยเริ่มทํารังแล้ว 

 สายเกินไปแล้ว ฝนกรดทําให้ไฟฉินมีโอกาสกลับมา ความได้เปรียบของอู๋ส่วยหมดไปแล้ว 

ไท่ฉินได้รับความช่วยเหลือจากฝนกรดและสามารถผ่านวิกฤตร้ายแรง

ฟางหยวนต้องถอนกําลังรบกลับมาและสร้างรังเพื่อหลบฝนกรด

หลังจากฝนกรด แม้มดเกราะจะปรากฏขึ้น แต่ฟางหยวนก็สูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาเพื่อปราบปรามไท่ฉิน เขาชนะการต่อสู้เล็กๆและได้รับประโยชน์บางอย่าง ไท่ฉินถูกบังคับให้เข้าสู่เส้นทางแห่งความพ่ายแพ้อีกครั้ง

การต่อสู้ครั้งใหญ่กําลังจะเริ่มขึ้น ไท่ฉินรวบรวมกองกําลังที่เหลืออยู่ของนางเพื่อต่อต้านฟางหยวนอย่างดิ้นรั้น แต่ในจังหวะนี้ราชินีมดกลับปรากฏตัวขึ้น

เพื่อกําหราบราชินีมดปา ผู้ใช้วิญญาณต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสและเอาชนะราชินีมดด้วยกองทหารจนกว่ามันจะยอมจํานน

แต่ราชินีมดตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางกองทัพของไท่ฉิน

ฟางหยวนโจมตีอย่างดุเดือด แต่ไม่ว่ากองทัพของเขาจะใหญ่โตเพียงใด เขาก็ไม่สามารถทะลวงแนวป้องกันสุดท้ายของไฟฉิน

ไท่ฉินใช้วิธีต้องห้ามและได้รับผลกระทบย้อนกลับแต่ในที่สุดนางก็สามารถกําหราบราชินีมด

แม้ราชินีมดจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันยังช่วยให้กองทัพมดเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น

มดของฟางหยวนไม่ได้รับการสนับสนุน แม้กองทัพของเขาจะใหญ่กว่า แต่พวกมันยังกลายเป็นเหยื่อ

หลังจากล้มเหลวในการกําจัดศัตรู ฟางหยวนเลือกล่าถอยอย่างชาญฉลาดแต่ยังทิ้งทหารบางส่วนไว้กีดขวางไม่ฉิน

หลังจากราชินีมดตัวแรกปรากฏตัว มดจะตามมาอีกมากมาย

ในไม่ช้าราชินีมดตัวใหม่ก็ปรากฏขึ้นและถูกจับโดยทั้งสองฝ่าย

การต่อสู้กลายเป็นชะงักงัน

รังมดถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ สนามรบเต็มไปด้วยกองทัพมดของทั้งสองฝ่าย

ไท่ฉินหน้าซีด ฟางหยวนก็เช่นกัน

อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์อันยาวนานของเขา เขาค่อยๆพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง

 ครืน… 

แต่ในจังหวะที่ฟางหยวนกําลังจะปิดฉากการต่อสู้ มันกลับเกิดแผ่นดินไหวขึ้นโดยไม่คาดคิด ฟางหยวนพบความสูญเสียครั้งใหญ่ รังมดส่วนใหญ่ของเขาถูกทําลาย

แม้ไท่ฉินจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกัน แต่นางมีรังมดน้อยกว่า การสูญเสียของนางจึงน้อยกว่า

ทั้งสองฝ่ายกลับมาเท่าเทียมกันอีกครั้ง

 มันเกิดขึ้นอีกแล้ว! 

 เมื่อใดก็ตามที่นางตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นเพ อช่วยนาง 

 โชคของไท่ฉินดีเกินไปหรือไม่? 

 มันเกิดขึ้นสามครั้งแล้ว 

 มีคนโกงหรือไม่? 

 จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ที่นี่เป็นสถานที่ของนักพรตมดเขียว หากไท่ฉินสามารถโกง นางคงชนะไปนานแล้ว! 

สายตาของฟางหยวนเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ

‘นี่เป็นปัญหา’ เขาคิด

พิจารณาจากโชค แม้เขาจะสูญเสียการเชื่อมต่อกับร่างหลัก แต่โชคของเขาย่อมไม่เลวร้ายเช่น

สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคืออาณาจักรแห่งความฝันต้องการให้ข้าแพ้ ข้าไม่สามารถเอาชนะไท่ฉิน

 ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ข้ากําลังจะชนะ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้นและทําให้ข้าสูญเสียโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ 

 เช่นนั้นข้าควรตั้งใจแพ้หรือไม่? 

ในช่วงเวลาปกติเขาจะทําเช่นนี้เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ แต่ตอนนี้ร่างแยกมนุษย์มังกรมีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากเขาเลือกผิด เขาจะล้มเหลวในการทดสอบ หากเป็นกรณีนี้ร่างแยกมนุษย์มังกรจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ร่างหลักของเขาจะต้องเคลื่อนไหว

ร่างหลักของฟางหยวนต้องต่อสู้กับสี่แม่ทัพมังกร เขาจะสูญเสียการควบคุมสถานการณ์ วังมังกรจะบินหนีไป

แผนการของฟางหยวจะจบลงอย่างสูญเปล่า

แล้วเขาควรทําอย่างไร?

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท