เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1837 ราชันมังกรรับสมัครฟางหยวน

บทที่ 1837 ราชันมังกรรับสมัครฟางหยวน

บทที่ 1837 ราชันมังกรรับสมัครฟางหยวน

ราชันมังกรถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต

แต่การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับราชันมังกร

ย้อนกลับไปฟางหยวนเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตโจมตีจักรพรรรดินีอสูรสายฟ้าในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและทําให้นางเสียชีวิตทันที ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิต ฟางหยวนรวมถึงเทพธิดาจื่อเว่ย เฉินอี้ และฟงจิวเก้อยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิต

แต่ครั้งนี้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตกลับไม่ส่งผลกระทบต่อราชันมังกร สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามเขายังตอบสนองอย่างรวดเร็ว  ฟางหยวนมอบมันให้ข้า แต่ดูเหมือนมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? 

ราชันมังกรตอบ  ครั้งหนึ่งข้าเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์ อายุขัยของข้าจะลดลงเรื่อยๆขณะที่ความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วน นี่เป็นเหมือนผู้อมตะที่ใช้วิธียืดอายุขัยมามากเกินไป มันทําให้วิญญาณอายุยืนใช้ไม่ได้ผล ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์ของข้าทําให้วิธียืดอายุขัยอื่นๆหยุดทํางานกับข้า 

 การขโมยชีวิตก็เป็นเพียงวิธีที่จะส่งอิทธิพลต่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เกี่ยวกับอายุขัย นี่อาจเป็นสาเหตุที่มันล้มเหลว 

 เป็นเช่นนั้น  ฟางหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม  กลอุบายดังกล่าวใช้ไม่ได้กับเจ้า แต่มันค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการต่อต้านผู้อมตะของวังสวรรค์ ข้าจะเก็บมันไว้สําหรับอนาคต 

การแสดงออกของราชันมังกรกลายเป็นมืดครื้ม เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

แม้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตจะใช้ไม่ได้ผลกับเขา แต่มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสมาชิกวังสวรรค์ส่วนใหญ่

ในสถานการณ์ปัจจุบันฟางหยวนล้มเหลวในการเอาชนะราชันมังกรเนื่องจากการเข้าแทรกแซงของซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้ง ราชันมังกรตระหนักว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดจากการเปลี่ยนโชคของฉินติงหลิงและการคงอยู่ของฟางเลิ้ง

อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากหากราชันมังกรต้องการทําลายวิญญาณอมตะขโมยชีวิต

เขาต่อสู้กับฟางหยวนมาเป็นเวลานาน เขารู้ว่าบรรพชนทะเลปราณแข็งแกร่งมาก คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดทั่วไป มันเป็นไปได้ที่จะเอาชนะ แต่การสังหารเขาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ราชันมังกรไม่สามารถสร้างเขตแดนอมตะในเวลานี้ เขาไม่สามารถกักขังบรรพชนทะเลปราณ ในเวลาเดียวกันสองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกก็เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ

ดังนั้นหลังจากถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต ราชันมังกรจึงไม่เคลื่อนไหว

เขากล่าวกับฟางหยวนอย่างอบอุ่น  ทะเลปราณ ดังคํากล่าวที่ว่ามิตรภาพมักเกิดขึ้นหลังการต่อสู้ เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้า แต่ข้าก็ไม่สามารถทําสิ่งใดเจ้าเช่นกัน ความจริงก็คือเหตุใดเราต้องต่อสู้เป็นตาย? 

ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว  ราชันมังกร เจ้าต้องการสงบศึกลั้นหรือ? 

เขาเข้าใจเจตนาของราชันมังกรและรู้สึกชื่นชมเล็กน้อย

เขาคิด  ราชันมังกรถูกข้าซุ่มโจมตี เขามีสถานะสูงส่ง ความแข็งแกร่งของเขาอยู่บนจุดสูงสุด แต่เขากลับไม่ยโส เขาสามารถรักษาความสงบและเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน เมื่อเขาตระหนักว่าการหยุดสู้รบมีประโยชน์มากกว่า เขาก็หยุดต่อสู้ทันที บุคคลที่สามารถควบคุมตนเองเช่นนี้ เป็นคนที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง 

แม้ฟางหยวนจะคิดเช่นนี้แต่เขากล่าวอีกอย่าง  นั่นเป็นเพราะวังสวรรค์มารบกวนและยั่วยุข้า ข้าไม่ต้องการต่อสู้กับผู้ใด ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่วังสวรรค์ของเจ้าโลภมากเกินไป เจ้าต้องการกลืนกินทั้งห้าภูมิภาคและรวมโลกเป็นหนึ่ง ข้าเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจึงใช้อุบายหลอกลวงข้าและรวบรวมผู้อมตะระดับแปดจํานวนมากเพื่อปิดล้อมและโจมตีข้า 

ราชันมังกรได้ยินเรื่องนี้และรู้สึกหมดหนทาง

เขารู้สึกราวกับถูกกล่าวหา วังสวรรค์ยังไม่ได้ทําสิ่งใดในเวลานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อบรรพชนทะเลปราณ แต่เขาไม่สามารถตําหนิฝ่ายตรงข้าม นั่นเป็นเพราะมันมีแนวโน้มที่วังสวรรค์จะทําเช่นนั้นในอนาคตจริงๆ

 นี่อาจเป็นเรื่องโกหกของฟางหยวน  ราชันมังกรกล่าว  แม้มันจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้า แต่ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น ในกรณีที่เรารู้แล้ว เหตุใดเราไม่เปลี่ยนมัน? 

ฟางหยวนหัวเราะ  ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? วังสวรรค์ของเจ้าไม่ได้ประกาศว่าตนเองเป็นผู้นําฝ่ายธรรมะงั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะทําตามเจตจํานงสวรรค์และพยายามทุกวิถีทางเพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมเช่นนั้นหรือ? เจ้าต้องการเปลี่ยนอนาคต นั่นไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนชะตากรรมงั้นหรือ? 

ฟางหยวนแสร้งทําเป็นไม่รู้ นี่เป็นข้อกล่าวหาที่เจ้าเล่ห์

ราชันมังกรยิ้ม  วังสวรรค์ทําตามเฝ้าสวรรค์ เราต้องการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม แต่เต๋าสวรรค์ต้องการให้มนุษย์ปกครองโลก ชะตากรรมของเราคือการปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทะเลปราณ เราไม่เคยมีความแค้น เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและไม่รวบกวนกัน 

ราชันมังกรกล่าวอย่างจริงจัง

ที่ขอบสนามรบ การแสดงออกของสองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเปลี่ยนแปลงไป เมื่อได้ยินเรื่องนี้

เฉินกงเจิ้งอ้าปากค้างด้วยความตกใจขณะที่การแสดงออกของซ่งฉีหยวนกลายเป็นน่าเกลียด

เดิมที่เมื่อพวกเขาตระหนักถึงการคงอยู่ของบรรพชนทะเลปราณซึ่งเป็นบุคคลที่สามารถต่อสู้ได้อย่างเท่าเทียมกับราชันมังกร พวกเขามีความสุขมาก

ท่ามกลางห้าภูมิภาค ทะเลตะวันออกมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่ผู้อมตะไม่สามารถรวมตัวกัน พลังการต่อสู้ของพวกเขาแตกต่างกันมาก

เมื่อเส้นโลหิตปฐพีเคลื่อนไหว ร่องลึกใต้พิภพใหม่ถือกําเนิดขึ้นตลอดเวลา กําแพงภูมิภาคอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งห้าภูมิภาคจะรวมเป็นหนึ่งในอนาคต นี่ไม่ใช่ความลับสําหรับทุกคนในเวลานี้

เมื่อห้าภูมิภาครวมเป็นหนึ่ง อีกสี่ภูมิภาคต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ร้ายแรงจากภาคกลาง

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของกองกําลังใหญ่ พวกเขาสามารถมองเห็นภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างชัดเจน

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากบรรพชนทะเลปราณต่อสู้กับวังสวรรค์ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกองกําลังของทะเลตะวันออก

ประการแรก บรรพชนทะเลปราณมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น เขาสามารถต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างเท่าเทียม

ประการที่สอง บรรพชนทะเลปราณเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาไม่ปรากฏตัวมานานหลายปี นี่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยาน เขาอยู่เพียงลําพัง เขาสามารถเข้าร่วมกับทุกกองกําลังที่เขาต้องการ

ประการสุดท้าย บรรพชนทะเลปราณบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ เส้นทางสายนี้เสื่อมถอยมานานหลายปี ในแง่ของทรัพยากรการบ่มเพาะ มันไม่มีความขัดแย้งกับกองกําลังอื่นๆที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

 เป็นพันธมิตรกับวังสวรรค์งั้นหรือ?  ฟางหยวนแสร้งตกตะลึง เขาหยุดเคลื่อนไหวและเก็บกลิ่นอาย

ราชันมังกรกล่าวต่ออย่างกระตือรือร้น  ทะเลปราณ ความขัดแย้งระหว่างเราสามารถแก้ไขด้วยสันติวิธี เกี่ยวกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคต วังสวรรค์ของเราจะชดเชยให้เจ้า 

ราชันมังกรเป็นคนมีประสบการณ์ ตอนนี้เขาเลือกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและแสดงความใจกว้างออกมา

 เจ้าทําไม่ได้!  เฉินกงเจิ้งไม่สามารถควบคุมตนเองอีกต่อไป เขารีบบินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ซ่งฉีหยวนตามไปอย่างใกล้ชิด  วังสวรรค์มีรากฐานที่ล้ําลึก สิ่งที่เรียกว่าการชดเชยไม่มีนัยสําคัญกับพวกเขา พวกเขามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้พวกเขาเพียงต้องการทําให้สถานการณ์เกิดเสถียรภาพ ผู้อาวุโส ท่านไม่สามารถไว้ใจพวกเขา! 

 ถูกต้องแล้ว ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้เรารีบร้อนทําลายแผนการของท่าน ตอนนี้เราเสียใจอย่างสุดซึ้ง  เฉินกงเจิ้งเร่งกล่ว

 นอกจากนี้ข้อตกลงพันธมิตรก็เป็นเพียงเรื่องโป้ปด ข้อตกลงสามารถทําลายหากมีเวลาเพียงพอ วังสวรรค์ไม่สามารถเชื่อถือ  ซึ่งฉีหยวนกล่าวเสริม

ทั้งสองกล่าวราวกับตนเองเป็นผู้น้อยหลังจากเห็นความแข็งแกร่งที่ไม่น่าเชื่อของฟางหยวน

ฟางหยวนมีความสุขอยู่ในใจ เขาเข้าใจความคิดของคนทั้งสอง

ราชันมังกรพยักหน้า  แท้จริงแล้วในระดับของพวกเรา ข้อตกลงไม่สามารถผูกมัดพวกเรา จริงๆ สหายทะเลปราณมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต เจ้าต้องรู้ถึงคุณค่าของมัน ด้วยการคงอยู่ของสิ่งนี้ จุดอ่อนของวังสวรรค์จะอยู่ในกํามือของเจ้า นี่คือรากฐานของพันธมิตรระหว่างเรา แล้วเหตุใดเราจึงต้องทําลายข้อตกลง? 

ฟางหยวนประเมินราชันมังกรอย่างลึกซึ้ง ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนเห็นพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวของราชันมังกรมาแล้ว แต่ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นี้จะมีวาทศิลป์ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ความสามารถของเขาไม่ด้อยกว่าผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ตามความเข้าใจของราชันมังกร วิญญาณอมตะขโมยชีวิตและท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตถูกมอบให้บรรพชนทะเลปราณโดยฟางหยวนเพื่อจัดการเขา แต่ตอนนี้ราชันมังกรกลับใช้สิ่งนี้เพื่อโน้มน้าวให้บรรพชนทะเลปราณเป็นพันธมิตร

ฟางหยวนเงียบ

เขาเข้าใจแผนการของราชันมังกร บรรพชนทะเลปราณไม่ใช่ปีศาจต่างโลก ตราบเท่าที่วิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้น เขาจะไม่สามารถทําสิ่งใด เขาต้องเข้าร่วมกับวังสวรรค์เพื่อความอยู่รอด กองกําลังอื่นไม่สามารถดึงตัวตนระดับบรรพชนทะเลปราณให้เข้าร่วม มีเพียงกองกําลังอันดับหนึ่งเช่นวังสวรรค์เท่านั้นที่มีพื้นฐานนี้

สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกกังวลมาก

ทั้งสองไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเข้าใจสถานการณ์

ฟางหยวนยิ้มอยู่ในใจขณะมองราชันมังกรโดยไม่กล่าวสิ่งใด

ราชันมังกระดับแปดของทะเลตะวันออกด้วยสายตาเย็นชาและกดดัน

แต่ซ่งฉีหยวนกับเฉินกงเลิ้งไม่กลัว

แม้พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันมังกร แต่ในชีวิตก่อนหน้า พวกเขายังกล้าต่อสู้เพื่อวังมังกร

นี่ไม่เกี่ยวกับความกล้าหาญแต่เกี่ยวกับผลประโยชน์

ท่าทีของบรรพชนทะเลปราณสําคัญเกินไป พวกเขาต้องกล่าวบางคํา

เฉินกงเจิ้งเผยรอยยิ้มเย็นชา  ท่านราชันมังกร เหตุใดท่านไม่ให้พวกเรากล่าวบางคํา? พวกเราทําให้ท่านปวดหัวงั้นหรือ? 

ซ่งฉีหยวนกล่าวเสริม  ผู้อาวุโส นี่คือทัศนคติของวังสวรรค์ พวกเขาเป็นคนเอาแต่ใจ 

ราชันมังกรหัวเราะ  หากไม่ใช่เพราะวังสวรรค์ มนุษย์จะมีทุกวันนี้ได้อย่างไร? แม้เจตจํานงสวรรค์จะมีอิทธิพล แต่มันจะมีอิทธิพลมากเพียงใด? มันสามารถฆ่าพวกเจ้าโดยตรงหรือไม่? หากเจตจํานงสวรรค์มีพลังดังกล่าว เราคงสามารถรวบรวมห้าภูมิภาคเป็นหนึ่งมานานแล้ว เหตุใดเราต้องรอมาถึงตอนนี้? 

 ณ จุดนี้ข้าจะเพิ่มข้อเสนอ สหายทะเลปราณ เหตุใดเจ้าไม่เข้าร่วมกับวังสวรรค์ของเรา หลังจากบ่มเพาะอย่างสันโดษมานานหลายปี เจ้าได้รับความแข็งแกร่งระดับนี้ นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเจ้า เจ้าต้องเข้าใจความเจ็บปวดของผู้บ่มเพาะสันโดษเป็นอย่างดี กล่าวถึงภัยพิบัติ มีกี่คนบนโลกใบนี้ที่สามารถช่วยเหลือเจ้า ในทะเลตะวันออกมีผู้ใดอยู่ระดับเดียวกับเจ้า? เจ้าสามารถพึ่งพาคนเหล่านั้นงั้นหรือ? แท้จริงแล้วสองคนนี้ถึงกับทําลายเขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณของเจ้า 

 หากเจ้าเข้าร่วมกับวังสวรรค์ ข้าสามารถช่วยเจ้าเกี่ยวกับภัยพิบัติ แม้ข้าจะทําไม่ได้ แต่สุสานอมตะของวังสวรรค์ยังมีผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่จําศีลอยู่นับไม่ถ้วน เรามีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นเทพธิดาจื่อเว่ย นางครอบครองกระดานหมากรุกกลุ่มดาว นางสามารถช่วยอนุมานเส้นทางแห่งพลังปราณเสื่อมถอยลงแล้ว แต่วังสวรรค์มีมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิด หากเจ้าทําผลงานได้ดี เจ้าอาจได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดในอนาคต! 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท