เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1839 ต่อรองด้วยมรดกที่แท้จริง

บทที่ 1839 ต่อรองด้วยมรดกที่แท้จริง

บทที่ 1839 ต่อรองด้วยมรดกที่แท้จริง

 มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้า?  สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเบิกตากว้าง

ราชันมังกรกัดฟันแน่น  ข้าขอถามได้หรือไม่? 

 มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ  บรรพชนทะเลปราณตอบทันที  หากเจ้าไม่เชื่อข้าสามารถแสดงเนื้อหาบางส่วน 

ราชันมังกรครุ่นคิดก่อนพยักหน้า  ข้าเชื่อ 

ในเวลาเดียวกันเขาคิดกับตนเอง  ปีศาจฟางหยวนช่างเจ้าเล่ห์นัก! เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยวังสวรรค์ ในอนาคตเราจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณเช่นกัน มรดกที่แท้จริงนี้มีค่าน้อยมากสำหรับฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงใช้มันเพื่อทำธุรกรรม แต่บรรพชนทะเลปราณไม่มีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรับข้อเสนอ

บรรพชนทะเลปราณกล่าวต่อ  ราชันมังกร หากเจ้าต้องการให้ข้าหลีกทาง เจ้าจะมอบมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าให้ข้าด้วยหรือไม่? 

ราชันมังกรกัดฟันอีกครั้ง  แน่นอน 

 จริงหรือ?  ดวงตาของบรรพชนทะเลปราณส่องประกายขึ้น  กล่าวตามตรง เทพอมตะแรกกำเนิดเป็นคนที่ข้าชื่นชมมากที่สุด 

ริมฝีปากของราชันมังกรกระตุก เขาคิด  เจ้าแก่ผู้นี้เจ้าเล่ห์เช่นกัน หากเขาชื่นชมเทพอมตะแรกกำเนิดจริง เหตุใดเขาต้องต่อสู้อย่างไร้ปรานีก่อนหน้านี้ เขาถึงกับใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเขาต้องการฆ่าข้า! แต่เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องการมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกำเนิดและใช้สิ่งนี้เพื่อต่อรองกับข้า 

 สหาย พวกเจ้าคงไม่รู้ มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกำเนิดเหลืออยู่ค่อนข้างน้อย เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไป สิ่งเหล่านั้นจึงไม่สามารถใช้งานได้อีก  ราชันมังกรกล่าว

ฟางหยวนขมวดคิ้วและแสดงออกด้วยความผิดหวัง  นั่นหมายความว่าเจ้าไม่สามารถมอบมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกำเนิดให้ข้างั้นหรือ? แล้ววังสวรรค์จะเสนอสิ่งใด? มรดกที่แท้จริงของเทพอมตะกลุ่มดาวหรือเทพอมตะบัวสวรรค์? 

ไม่ว่าจะเป็นมรดกที่แท้จริงใด มันก็มีประโยชน์ต่อฟางหยวนทั้งสิ้น

ราชันมังกรหัวเราะคิกคัก เขาให้ความหวังบรรพชนทะเลปราณด้วยคำตอบที่คลุมเครือ  เราสามารถพูดคุยเรื่องนี้ 

สองผู้อมตะของทะเลตะวันออกมองหน้ากัน พวกเขารู้สึกลำบากใจ ราชันมังกรต้องการรับสมัครบรรพชนทะเลปราณและกระทั่งเสนอมรดกที่แท้จริงของเหล่าเทพ!

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซึ่งไม่สามารถยื่นข้อเสนอดังกล่าว

ราชันมังกรเป็นผู้นำของวังสวรรค์ เขามีความมั่งคั่งอันเป็นที่สุด เขาสามารถใช้ทรัพยากรหรือมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าเพื่อล่อลวงบรรพชนทะเลปราณ

นี่เป็นรากฐานที่วังสวรรค์สะสมมาตลอดหลายล้านปี ตระกูลข่งและตระกูลเฉินไม่สามารถเปรียบเทียบ

ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก

นั่นทำให้เขากับราชันมังกรเข้าสู่การเจรจาที่ซับซ้อน

ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องการถ่วงเวลาให้กับร่างแยกมนุษย์มังกร

สองผู้อมตะของทะเลตะวันออกทำได้เพียงเฝ้ามอง พวกเขารู้สึกวิตกแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

แต่ฟางหยวนไม่ลืมพวกเขา ระหว่างการสนทนากับราชันมังกร เขายังพูดคุยและให้ความหวังกับพวกเขาเล็กน้อย

ราชันมังกรสังเกตเห็นปัญญาและแสดงออกด้วยใบหน้ามืดครื้ม

เขารู้ว่าบรรพชนทะเลปราณต้องการใช้สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกเพื่อรับประโยชน์มากขึ้น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาตราบเท่าที่บรรพชนทะเลปราณยินดีเจรจา มันเป็นสัญญาณที่ดี

 แต่ฟางเจิ้งอยู่ในมือของเฉินกงเจิ้ง นี่เป็นปัญหาเล็กน้อย ข้าต้องนำเขากลับมา  ราชันมังกร

ฟางหยวนคิดถึงฟางเจิ้งเช่นกัน

ก่อนหน้านี้สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกกล่าวถึงฟางเจิ้ง แต่การแสดงของฟางหยวนยอดเยี่ยมเกินไป เขาทำเหมือนไม่สนใจโดยปราศจากข้อบกพร่อง

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับคิดกับตนเอง น้องชายของข้าผู้นี้ไม่เพียงรอดชีวิตจากวังสวรรค์แต่เขายังได้รับการเลี้ยงดูจนกลายเป็นผู้อมตะงั้นหรือ? น่าสนใจมาก! 

 ข้าไม่รู้สาเหตุที่วังสวรรค์ให้ความสำคัญกับเขา แต่มันไม่ใช่ปัญหา ข้าจะนำเขากลับมาและค้นวิญญาณเขาในภายหลัง

ฟางหยวนต้องการปรับแต่งฟางเลิ้งให้เป็นเทพโลหิตของเขามานานแล้ว แต่เนื่องจากแรงกดดันของวังสวรรค์และเหตุผลหลายประการ ฟางเจิ้งจึงถูกทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นเวลานาน สุดท้ายฟงจิวเก้อก็นำตัวเขาไป

นี่ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เมื่อฟางหยวนพบฟางเจิ้งแล้ว เขาจึงต้องจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม

ฟางเลิ้งไม่ได้สำคัญกับฟางหยวนมากนัก แต่เนื่องจากวังสวรรค์ให้ความสำคัญกับเขามาก ฟางหยวนจึงต้องฆ่าเขา นี่คือความระวังตัวของฟางหยวน

สำหรับเส้นทางแห่งเลือด ความสนใจเกี่ยวกับเส้นทางสายนี้ของฟางหยวนในปัจจุบันลดน้อยลงมาก

หากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด ตราบเท่าที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหอพิพากษาปีศาจยังอยู่ วังสวรรค์จะได้รับข้อมูลของเขาและรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด

บางครั้งฟางหยวนก็เดาว่าในชีวิตห้าร้อยปีของเขา เขาบ่มเพาะเส้นทางแห่งเลือดเพราะอิทธิพลของเจตจำนงสวรค์ที่ต้องการใช้มันเป็นกับดักเพื่อจัดการเขา

โชคดีที่ฟางหยวนระวังตัวเสมอ เขาไม่พยายามใช้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดจากชีวิตก่อนหน้าเพื่อเป็นทางลัดในชีวิตนี้

ยิ่งราชันมังกรกล่าวมากเท่าใด คำกล่าวของเขาก็ยิ่งมีพลังมากเท่านั้น

ราชันมังกรตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามให้ความสนใจมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าเป็นอย่างมาก

 บรรพชนทะเลปราณผู้นี้แข็งแกร่งมาก ในโลกนี้อาจมีเพียงมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ ทะเลตะวันออกมีคนเช่นนี้อยู่จริงๆ ข้าต้องตรวจสอบภูมิหลังของเขาหลังจากกลับไป

บรรพชนทะเลปราณคือฟางหยวน เขาไม่เพียงต้องการมรดกที่แท้จริงของวังสวรรค์แต่เขายังต้องการกำจัดฟางเลิ้ง

หากราชันมังกรรู้เรื่องนี้ เขาอาจกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธทันที

อาณาจักรแห่งความฝันของวังมังกร

ห้องทำงานเต็มไปด้วยบรรยากาศอันหนักหน่วง

ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนที่แสดงเป็นอู่ส่วยมองบิดาของเขาด้วยท่าทางน่าเกลียดเขาถาม  เราจะมอบยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ให้คนสารเลวฟานชื่อจริงๆงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าข้าชนะ การแข่งขัน เขาเป็นหัวขโมยที่พยายามฉกชิงมัน หากข้าไม่อดกลั้นเขาคงตายไปแล้ว! 

บิดาของเขาส่ายศีรษะ  ยอดเขาวิจารณ์ศิลป์เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาลและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน นิกายวิหารสวรรค์สีดำปฏิเสธที่จะยอมแพ้ สิ่งที่แย่กว่านั้นคือท่านหญิงวังอักษรศิลป์และนักพรตมดเขียวไม่ช่วยเรากดดันพวกเขา 

 บัดซบ!  อู่ส่วยกำหมัดแน่น  ข้าเป็นศิษย์ของนักพรตมดเขียว ตอนนี้ข้ากำลังพบปัญหาแต่อาจารย์กลับไม่แยแส

 ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ยิ่งเลวร้ายกว่า ข้าเป็นบุตรเขยของนางขณะที่ฟานจือเป็นคนที่ทำร้ายบุตรสาวของนาง แต่นางกลับไม่กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว 

พ่อของอู่ส่วยถอนหายใจ  เราจะมีอิทธิพลต่อผู้อมตะระดับแปดได้อย่างไร? ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของข้า ก่อนหน้านี้ข้าไร้เดียวสาเกินไป นักพรตมดเขียวกับท่านหญิงวังอักษรศิลป์จะไม่รู้เจตนาของพวกเราได้อย่างไร? พวกเขาเพียงเล่นไปตามเกมส์เท่านั้น 

 นั่นเป็นเหตุผลของท่านพ่อ!  อู่ส่วยมองบิดาของเขาด้วยดวงตาส่องประกาย  มีเพียงผู้อมตะระดับแปดเผ่ามนุษย์มังกรของเราเท่านั้นที่พึ่งพาได้ เผ่ามนุษย์มังกรของเราสามารถมีทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะอิทธิพลของบรรพชนราชันมังกรงั้นหรือ? 

พ่อของอู่ส่วยพยักหน้า  บุตรของข้า เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่ผู้อมตะระดับแปดหายากเกินไปแม้เผ่ามนุษย์มังกรของเราจะแข็งแกร่งกว่าเผ่ามนุษย์ แต่เรายังขาดแคลนผู้อมตะระดับแปด 

อู่สวยกล่าว  นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถรอคอยได้อีกต่อไป ผู้อมตะระดับแปดภายนอกไม่สามารถพึ่งพาขณะที่เรายังไม่มีผู้อมตะระดับแปด เราจำเป็นต้องใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นสิ่งสนับสนุน 

พ่อของอู่ส่วยถอนหายใจและสายศีรษะอีกครั้ง  คฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ? เราเคยคิดที่จะสร้างมันมาก่อน แต่การสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดใช้ทรัพยากรมากเกินไป เราไม่สามารถจ่าย ความแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์มังกรสร้างความโกลาหลมามากแล้ว นั่นทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เกลียดชังพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในสถานการณ์นี้หากเรายังสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะพวกเขาจะไม่เสียสติงั้นหรือ? 

 ท่านพ่อ!  อู่สวยมองบิดาของตนด้วยดวงตาเบิกกว้าง  เราจะไม่สร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพียงเพราะทรัพยากรและข่าวลือเหล่านั้นงั้นหรือ? 

 มันยังไม่พองั้นหรือ? บุตรของข้า เผ่ามนุษย์มังกรของเราอาศัยอยู่กับเผ่ามนุษย์ เราไม่สามารถแสดงความก้าวร้าว หากเราสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันจะทำลายความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด เพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับหกก็ยังเป็นเรื่องยาก เห้อ…หลายปีที่ผ่านมาข้าอยู่ในจุดนี้และต้องจัดการกับพวกเขามาตลอด เจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกของข้า  บิดาของอู่ส่วยถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง

อู่ส่วยรู้สึกผิดหวัง เขาโต้แย้ง  ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด เราก็ต้องมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด ไม่ มันต้องเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด! นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถสร้างรากฐานให้กับเผ่าพันธุ์ของเรา! 

 คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า บุตรของข้า ข้ามีความสุขมากที่ได้เห็นทัศนคติของเจ้า แต่บางอย่างไม่สามารถเร่งรีบ ทุกสิ่งต้องใช้เวลา เห้อ…ลืมเรื่องยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ไปซะ  พ่อของอู่ส่วยโบกมือ

อู่ส่วยคิดก่อนพยักหน้า  ข้าเกรงว่าเราคงไม่มีทางเลือก 

ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนต้องการถ่วงเวลาเพื่อให้ร่างหลักช่วยเหลือเขา แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือร่างหลักของเขากำลังถ่วงเวลาเพื่อให้เขาได้รับวังมังกรเช่นกัน

วังมังกรเป็นเหมือนหลุมทรายดูด ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนค่อยๆจมลงไปโดยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง

เขาค่อยๆกลายเป็นอู่ส่วยอย่างช้าๆ เขารู้สึกเหมือนกำลังประสบกับสถานการณ์ทั้งหมดด้วยตัวเอง

หลังจากเรื่องของยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ อู่ส่วยตระหนักว่านักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์ไม่สามารถพึ่งพา แม้แต่พ่อของเขาเองก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือสิ่งใด เขาไม่สามารถเชื่อถือคนเหล่านี้

เขาทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น

อู่ส่วยเริ่มให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของตนเอง

เขามีทั้งพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาด ด้วยการทำงานหนักและพึ่งพาทรัพยากรจากเครือข่าย นอกจากเขาจะแข็งแกร่งขึ้น เขายังกลายเป็นผู้นำกองกำลังเผ่ามนุษย์มังกรที่โดดเด่น

ในวันที่อู่ส่วยก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด เขากลายเป็นคนชั้นสูงของเผ่ามนุษย์มังกรและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่อายุน้อยที่สุด

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท