เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1835 มือสังหารหยินหยาง

บทที่ 1835 มือสังหารหยินหยาง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1835 มือสังหารหยินหยาง

 เดี๋ยว! นี่เป็นอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าไม่ใช่อู๋ส่วยตัวจริง เหตุใดข้าต้องรู้สึกเกลียดชัง?  ร่างแยกมนุษย์มังกรตก ตะลึงเมื่อความคิดของเขากลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง

เขากระพริบตาและตบหน้าผากของตนเองโดยไม่รู้ตัว

เขาไม่รู้สึกถึงเหงื่ออันเย็นเยียบแต่สัมผัสได้ถึงเขามังกรที่อบอุ่น

หัวใจของเขากลายเป็นเย็นยะเยือก

 พี่ใหญ่ เราจะทําอย่างไรต่อไป  ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรถาม

ฟางหยวนมองเขา

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรผู้นี้คือฮวงเว่ย ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าร่วมในพิธีคัดเลือกศิษย์ของนักพรตมดเขียวพร้อมกับอู๋ส่วยแต่เขาแพ้

อย่างไรก็ตามคนผู้นี้มีความสามารถและไหวพริบเพียงพอ นอกจากนั้นด้วยตัวตนมนุษย์มังกร พวกเขาจึงมีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าเผ่ามนุษย์ พวกเขาไม่มีความขัดแย้งภายใน สิ่งนี้ทําให้อัจฉริยะหนุ่มเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมด สามารถเติบโตขึ้นอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอัจฉริยะเช่นฮวงเว่ยที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นพิเศษ

อู๋ส่วยรู้จักพรสวรรค์ของฮวงเว่ยเป็นอย่างดีและต้องการผูกมิตรกับเขา เนื่องจากเหตุบังเอิญบางอย่าง อู๋ส่วยช่วยชีวิตฮวงเว่ยเอาไว้และทําให้ทั้งสองสาบานเป็นพี่น้อง

สองสามฉากที่ผ่านมาของอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ดําเนินไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับมันและกันเสียงเย็น  หากไม่สามารถอดทนกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แผนการของเราจะสําเร็จได้อย่างไร? เราจะทําเหมือนไม่เคยรู้เรื่องนี้เช่นเคย

ชูจิ่วหลิงเคยตั้งท้องลูกของฟานจื่อ นางถูกทอดทิ้งและโกรธมาก นั่นทําให้นางจัดพิธีเลือกคู่ครองเพื่อหาสามี

อู๋ส่วยเชื่อฟังคําสั่งของบิดาและกลายเป็นสามีของชูจิ่วหลิงเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับท่านหญิงวังอักษรศิลป์ซึ่งเป็นผู้อมตะระดับแปด

แต่ชูจิ่วหลิงไม่สามารถหยุดคิดถึงฟานจื่อหลังจากคลอดบุตรชายของเขา

จากนั้นไม่นานฟานจื่อก็คิดถึงชูจิ่วหลิงเช่นกัน เขาตัดสินใจเข้าหานางอีกครั้ง

ชูจิ่วหลิงไม่สามารถควบคุมตนเอง นางลอบติดต่อฟานจื่อ ทั้งสองลอบพบกันนับครั้งไม่ถ้วนและกลายเป็นความลับที่รู้กันในวงกว้าง

อู๋ส่วยที่เป็นสามีของนางกลายเป็นตัวตลกของโลกผู้อมตะภาคกลาง

เขาเคยเป็นอัจฉริยะที่กล้าหาญและหลักแหลม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเช่นเขาจะอดทนกับสิ่งนี้

‘ยิ่งระดับการบ่มเพาะของข้าสูงเท่าใด ข้าก็ยิ่งประสบความสําเร็จในอาณาจักรแห่งความฝันได้ง่ายเท่านั้น’

‘หลังจากอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันนี้มานาน ข้าเกือบคิดว่าตนเองคืออู๋ส่วยจริงๆ’

‘หรือบางที… นี่อาจเป็นการทดสอบที่แท้จริงของวังมังกร?’

ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและตระหนักถึงความจริง

อาณาจักรแห่งความฝันนี้เป็นบททดสอบผู้สืบทอดวังมังกร แต่มันไม่ใช่การทดสอบบุคลิกของพวกเขาเพราะตัวเลือกในอาณาจักรแห่งความฝันอาจไม่สะท้อนถึงความตัวตนที่แท้จริงของคนผู้หนึ่ง

แม้คนผู้หนึ่งจะไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอดวังมังกร แต่ตราบเท่าที่พวกเขาอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันนานพอ พวกเขาจะเริ่มเกลียดชังวังสวรรค์และรักเผ่ามนุษย์มังกร พวกเขาอาจกลายเป็นเหมือนอู๋ส่วยที่พร้อมแบบรับความคาดหวังของเผ่ามนุษย์มังกร

เป็นไปได้ที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสี่ของทะเลตะวันออกจะเคยสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้มาก่อน กระบวนการนี้ทําให้จิตใจของพวกเขาบิดเบี้ยวและกลายเป็นแม่ทัพมังกร!

‘ข้าควรทําอย่างไร?’

‘ข้าเริ่มได้รับผลกระทบจากมันแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะตื่นตัวตลอดเวลา’

‘ยิ่งข้าสํารวจมันมากเท่าใด สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น! หากข้าล้มเหลว ข้าจะกลายเป็นแม่ทัพมังกร หากข้าประสบความสําเร็จ ข้าจะถูกดัดแปลงจิตใจและกลายเป็นเจ้าวังมังกร ร่างหลักของข้าจะไม่มีความสําคัญอีกต่อไป ข้าจะมีเพียงความคิดที่ต้องการกอบกู้เผ่ามนุษย์มังกร!’

หัวใจของร่างแยกมนุษย์มังกรสั่นสะท้านเมื่อเขาตระหนักถึงสิ่งนี้

ไม่ว่าเขาจะประสบความสําเร็จหรือล้มเหลว ผลลัพธ์ก็จะไม่เป็นไปความต้องการของเขา

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือแม้เขาจะต้องการจากไปตอนนี้ มันก็สายไปแล้ว ร่างหลักของฟางหยวนไม่รู้เรื่องนี้ขณะที่ร่างแยกมนุษย์มังกรก็ไม่มีวิธีติดต่อร่างหลัก

‘ข้าตกลงสู่หลุมพรางของวังมังกรแล้ว!’ ร่างแยกมนุษย์มังกรไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ในสถานการณ์นี้

ทันใดนั้นเขาพลันคิดไปถึงชีวิตก่อนหน้า ‘เดี๋ยว! เหตุใดไปหนึ่งปิงจึงสามารถควบคุมวังมังกรและกลายเป็นเจ้าวังมังกรในชีวิตก่อนหน้าของข้า?’

ฟางหยวนไม่เคยรู้ความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้

‘ในชีวิตก่อนหน้า ราชันมังกรนาวังมังกรจากไป แต่เขาไม่ต้องผ่านการทดสอบของอาณาจักรแห่งความฝัน หลังจากนั้นมันตกเป็นของไปหนึ่งซึ่งด้วยเหตุผลบางอย่าง นั่นหมายความว่าราชันมังกรไม่ได้รับการยอมรับจากวังมังกรอย่างสมบูรณ์ เขาเพียงปราบปรามมันด้วยกําลังเท่านั้น’

‘อย่างไรก็ตามกระทั่งเขาจะปราบปรามมันด้วยกําลัง แต่เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? หากเขารู้เหตุใดเขาจึงวางวังมังกร ไว้ในถ้ํามังกรเว้นแทนที่จะเป็นวังสวรรค์ที่ปลอดภัยมากกว่า’

‘วังมังกรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส ในชีวิตก่อนหน้า ตี้จางเฉิงถูกกําหราบเช่นกัน ดูเหมือนราชันมังกรพยายามใช้วังมังกรกําหราบตี้จางเฉิง?’

‘ในที่สุดวังมังกรสามารถกดขี่ตี้จางเฉิงแต่มันกลับต่อต้านวังสวรรค์…’

‘ไป่หนิงปิงไม่ควรมีเวลาส่ารวจอาณาจักรแห่งความฝัน แม้นางจะทํา แต่นางก็ไม่ควรประสบความสําเร็จในการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้’

‘เนื่องจากอาณาจักรแห่งความฝันถูกวังสวรรค์ชิงไป ไป่หนิงปิงจึงกลายเป็นผู้โชคดี?’

ร่างแยกมนุษย์มังกรสายศีรษะ หลังจากพิจารณาเรื่องราวทั้งหมด เขาเริ่มรู้สึกปวดหัว

ข้อมูลมีน้อยเกินไป เขาไม่สามารถค้นหาความจริงของเรื่องนี้

‘ตอนนี้ข้าต้องถ่วงเวลาจนกว่าร่างหลักของข้าจะสังเกตเห็นปัญหาและช่วยข้า’ ร่างแยกมนุษย์มังกรไม่รู้ว่าร่างหลักของฟางหยวนกําลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับราชันมังกร

ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากเขาสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันอย่างจริงจัง เขาจะถูกล้างสมอง

หากเขาล้มเหลว เขาจะกลายเป็นแม่ทัพมังกร ในกรณีที่เขาประสบความสําเร็จ เขาจะกลายเป็นเจ้าวังมังกรและทรยศต่อร่างหลัก ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ความคิด และเป้าหมายในชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไป

ไม่มีเส้นทางใดเป็นไปตามความคาดหวังของเขา

สวรรค์สีขาว

เขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

 บึม! 

การระเบิดที่รุนแรงส่งคลื่นกระแทกพุ่งออกไปรอบๆ

สายลมกรรโชกแรงทําให้ศาลานกกระเรียนเหมือนเรือกระดาษที่ลอยท่ามกลางคลื่นยักษ์มันสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ

ฟางเจิ้งเวียนศีรษะขณะที่ใบหน้าซีดขาว

 ข้าเป็นผู้อมตะ แต่ข้ายังมีคุณสมบัติไม่พอที่จะดูการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากท่านราชันมังกร ข้าคงตายไปแล้ว 

เมื่อฟางเจิ้งมองไปที่ราชันมังกร สายตาของเขาปรากฏให้เห็นถึงความชื่นชมและความขอบคุณ

หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน ราชันมังกรยังกระฉับกระเฉงและยืนตัวตรง เกล็ดมังกรของเขาส่องแสงเจิดจ้า ดวงตาของเขาลุกไหม้ไปด้วยความโกรธ  ทะเลปราณ เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง แต่เจ้าเลือกที่จะโจมตีผู้อ่อนแอ เจ้าไม่มีนิสัยของผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง! 

ฟางหยวนหัวเราะ  การโจมตีจุดอ่อนของศัตรูเป็นวิธีที่ถูกต้อง นั่นเป็นวิธีการต่อสู้พื้นฐานที่สุด นอกจากนี้ข้าก็อยากรู้ว่าผู้ใดอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เหตุใดราชันมังกรผู้ยิ่งใหญ่จึงต้องปกป้องพวกเขาซ้ําแล้วซ้ําอีก? 

ฟางเจิ้งไม่รู้ว่าบรรพชนทะเลปราณคือฟาหงยวนและฟางหยวนก็ไม่รู้ว่าน้องชายของเขาฟางเจิ้งอยู่ในศาลานกกระเรียน

คล้ายกับการต่อสู้ในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากบุคคลที่อยู่ในศาลานกกระเรียน

ฟางหยวนโจมตีศาลานกกระเรียนหลายครั้งแต่ราชันมังกรกลับปกป้องมันเสมอ

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงคํารามของมังกรดังขึ้นท่ามกลางหมอกหนาทึบ

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนรู้สึกสับสน

กลุ่มหมอกเริ่มรวมตัวกันและกลายเป็นปราณมังกร

 นี่เป็นท่าไม้ตายแฝง ช่างแยบยลนัก  หมอกจางหายไปและเผยให้เห็นร่างจริงของฟางหยวน

เผชิญหน้ากับบรรพชนทะเลปราณ ราชันมังกรถูกบังคับให้ใช้พลังที่แท้จริงออกมา

 ท่าไม้ตายนี้เรียกว่าสิ่งใด?  ฟางหยวนมองปราณมังกรยักษ์และต้องถอนหายใจด้วยความชื่นชม

ราชันมังกรหัวเราะเสียงดัง ความโกรธบนใบหน้าของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ การเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้เป็นเพียงการถ่วงเวลา

ในการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ คํากล่าวและการแสดงคืออาวุธ

ประสบการณ์ของราชันมังกรเหนือกว่าฟางหยวน เขาสามารถใช้ทักษะการแสดงระหว่างการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่ทันระวังตัว

 ท่าไม้ตายนี้เรียกว่ามังกรผงาด ข้าประสบความสําเร็จหลังจากฝึกฝนมาสิบปี เจ้าทําถูกต้องแล้วที่ไม่โจมตีมันทันที เพราะทุกวิธีที่เจ้าใช้จะช่วยให้มันเติบโตขึ้น จากหนอนสู่มังกร พลังของมันจะเพิ่มขึ้นนับร้อยเท่า เจ้าจะไม่สามารถป้องกันมันได้  ราชันมังกรอธิบายอย่างสบายๆ

เขากล่าวเรื่องนี้ออกมาเพราะต้องการให้ฟางหยวนโจมตีน้อยลง ในเวลาเดียวกันเขาก็กําลังเตรียมท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถปกปิด

สมองของฟางหยวนทํางานอย่างรวดเร็ว

เขาไม่เคยเห็นราชันมังกรใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรผงาดในชีวิตก่อนหน้า

แท้จริงแล้วเมื่อราชันมังกรอาละวาดในชีวิตก่อนหน้า เขาไม่เคยใช้คําพูดหรือการแสดงเพื่อหลอกลวงศัตรูของเขา

นี่หมายความว่าราชันมังกรกําลังปฏิบัติต่อบรรพชนทะเลปราณในฐานะศัตรูที่ทรงพลัง ตอนนี้เขากําลังต่อสู้อย่างจริงจัง

ความลึกซึ้งของท่าไม้ตายอมะตมังกรผงาดไม่ด้อยกว่าท่าไม้ตายอมตะทะเลปราณไร้ขอบเขต นอกจากนี้ฟางหยวนยังไม่ลืมท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนปราณทั้งสามของราชันมังกร

 ดูเหมือนท่าไม้ตายอมตะมังกรผงาดจะถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโต้เขตแดนอมตะโดยเฉพาะหากปราณเหล่านี้พัฒนา เป็นปราณมังกร พวกมันจะแข็งแกร่งมาก’

‘แต่แล้วอย่างไร?’

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยัน เขาโจมตีทันที

ปราณดาบก่อตัวขึ้นและฟันลงไปอีกครั้ง

ราชันมังกรตะลึง ‘เขามองทะลุท่าไม้ตายนี้อย่างชัดเจน เขาไม่หลีกเลี่ยงแต่กลับโจมตี เขาพยายามหยุคข้าจากการใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไปงั้นหรือ?’

การกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังต้องใช้เวลา แต่ฟางหยวนไม่ให้เวลาราชันมังกร

ราชันมังกรไม่หดหู่ เขาหยุดท่าไม้ตายอมตะและนําศาลานกกระเรียนหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

 เจ้าต้องการปราบปรามข้า แต่เจ้ากําลังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่างให้กับมังกรผงาดของข้า เมื่อพวกมันเติบโตขึ้น และกลายเป็นมังกร ข้าจะมีโอกาส!  ราชันมังกรเต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้

ดังคาด ปราณดาบถูกดูดซับขณะที่ปราณมังกรนับสิบก่อตัวขึ้น

เปรียบเทียบกับพวกมัน ศาลานกกระเรียนเหมือนยุงตัวเล็กๆที่อยู่ข้างช้าง

 ช่างทรงพลังนัก ในที่สุดท่านราชันมังกรก็ตอบโต้!  ฟางเจิ้งมีความสุขมาก

ฟางหยวนกล่าวซ้ําๆ  นี่คือท่าไม้ตายอมตะมังกรผงาดงั้นหรือ? มันทรงพลังจริงๆ แต่ มันยังไม่เพียงพอ 

หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ มือสังหารหยินหยาง!

 ครืน ๆ 

มือสองข้างปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า หนึ่งสีขาว หนึ่งสีดํา

มือทั้งสองมีขนาดใหญ่มาก พวกมันแทบสามารถปิดท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด

เมื่อพวกมันปรากฏขึ้น พวกมันคว้าลําคอและหางของปราณมังกรเอาไว้ทันที

ปราณมังกรคํารามและพยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่มือยักษ์ขาวดําไม่ขยับเขยื้อนราวกับพวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะ

ฟางหยวนบีบมือทั้งสองข้างของเขาจากระยะไกล

 บึม! 

ปราณมังกรถูกระเบิดทําลายโดยไม่สามารถต่อต้าน

ฟางเจิ้งอ้าปากค้างและไม่สามารถหุบมันได้

ฟางหยวนมองราชันมังกรและกล่าวอย่างชัดเจน  เอาล่ะ ข้าอุ่นเครื่องเสร็จแล้ว 

ราชันมังกรแสดงออกอย่างจริงจัง ดวงตาของเขาจ้องมองฟางหยวนราวกับต้องการกลืนกินฝ่ายหลัง

เขาเปิดปากกล่าว  เยี่ยมมาก เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรจริงๆ 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท