เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

บทที่ 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1842 ขโมยวิญญาณชะตากรรม

อู๋ส่วยใช้วังมังกรสังหารซ่งเต๋าจื่อแห่งนิกายเมฆาวายุต่อหน้าทุกคน นั่นทําให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่ว

ระหว่างงานเลี้ยงฉลอง นักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาร่วมงาน นี่เป็นการยืนยันอิทธิพลของอู๋ส่วยที่เติบโตขึ้น ตอนนี้เขามีคุณสมบัติที่จะพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับผู้อมตะระดับแปดแล้ว

คืนวันงานเลี้ยง อู๋ส่วยนอนหลับฝันดี

ในความฝัน เขาสามารถเติมเต็มความปรารถนาทั้งหมดของตน เขาบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่เขาเต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อพวกมัน

เขากลายเป็นผู้นําเผ่ามนุษย์มังกร เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ราชันมังกรก้าวลงจากตําแหน่ง

เขาควบคุมวังมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีสถานะที่เท่าเทียมกับมนุษย์

เขากักขังฟานจื่อและทรมานคนผู้นี้ต่อหน้าชูจิ่วหลิงก่อนที่เขาจะจัดการกับชูจิ่วหลิงด้วยตนเอง ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ต่อสู้กับเขา หลังจากนางพบกับความพ่ายแพ้ นางต้องร้องขอให้เขาไว้ชีวิตบุตรสาวของนางและเสนอตัวนางเองเป็นลูกน้องของเขา อู๋ส่วยตกลง เขาใช้ชูจิ่วหลิงเป็นคนรับใช้ ขณะที่ท่านหญิงวังอักษรศิลป์กลายเป็นทาสที่ภักดีต่อเขา

เขาวางนักพรตมดเขียวและเทพธิดาสุราไว้ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเผ่ามนุษย์มังกร แม้พวกเขาจะไม่ต้องการ แต่เผ่ามนุษย์มังกรแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาต้องยอมจํานนต่อพลังอํานาจของอู๋ส่วย

สิ่งที่ทําให้เขามีความสุขที่สุดคือเขาทําให้ไม่ฉันกลายเป็นจักรพรรดินีมังกรเพียงคนเดียวของเขา ทั้งสองมีลูกๆที่เฉลียวฉลาดและมีพรสวรรค์มากมาย

วันต่อมาอู๋ส่วยตื่นขึ้นด้วยรอยยิ้ม

เขามองไท่ฉินที่นอนอยู่ด้านข้างและห่มผ้าให้นางด้วยความรักก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ

การต่อสู้ของอู๋ส่วยกับซึ่งเต่จ่อปลุกขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร ด้วยอิทธิพลนี้ เผ่ามนุษย์มังกรจึงกระตือรือร้นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

ไม่กี่ทศวรรษต่อมา ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกรทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ราชันมังกรรู้เรื่องนี้และเรียกอู๋ส่วยไปพบ

อู๋ส่วยเดินทางไกลหลายพันลี้เพื่อไปพบราชันมังกรแต่กลับถูกดุด่า

หลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมนุษย์มังกร

ราชันมังกรสังให้เขาประกาศอาชญากรรมของตนเองและก้าวลงจากตําแหน่งเจ้าของเกาะดอกไม้แดนใต้

อู๋ส่วยไม่เต็มใจแต่ต่อหน้าราชันมังกรกับวังสวรรค์ เขายังอ่อนแอเกินไป

เขากลับเกาะดอกไม้แดนใต้ด้วยความโกรธและต้องทําตามคําสั่งของราชันมังกรอย่างไม่เต็มใจ

กู้เหลียงมาเยี่ยมเขา

อู๋ส่วยพบคนผู้นี้ครั้งแรกในงานเลี้ยงหลังการสังหารซ่งเต๋าจื่อของเขา

หลายปีที่ผ่านมากู้เหลียงเริ่มสนิทสนมกับเผ่ามนุษย์มังกรของเกาะดอกไม้แดนใต้ พวกเขาร่วมงานกันบ่อยครั้งและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 อู๋ส่วย ข้าได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเกาะดอกไม้แดนใต้แล้ว เหตุใดเจ้าต้องยอมรับว่ามันเป็นอาชญากรรม? 

อู๋ส่วยถอนหายใจ  กู้เหลียง นี่เป็นคําสั่งของบรรพชนราชันมังกรของข้า ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเชื่อฟังเขา 

อู๋ส่วยกล่าวต่ออย่างจริงจัง  ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า เมื่อข้าสังหารซ่งเต๋าจื่อ ข้าคิดว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทําให้เผ่ามนุษย์มังกรของข้าสามารถเงยหน้าขึ้น แต่หลังจากหลายทศวรรษผ่านไป ดูเหมือนข้าจะติดอยู่ในหลุมทราย การกระทําทั้งหมดของข้ามีผลเพียงเล็กน้อย ข้ากําลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทุกทิศทาง 

กู้เหลียงยิ้มและปลอบโยน  อย่าประเมินตนเองต่ําเกินไป หลายปีที่ผ่านมาข้าเห็นการทํางานหนักของเจ้า หากไม่ใช่เพราะการจัดการของเจ้า เผ่ามนุษย์มังกรบนเกาะดอกไม้แดนใต้คงถูกคนโลภกลืนกินไปแล้ว ทํายที่สุดมันก็เป็นสิบนิกายโบราณและวังสวรรค์ที่เจ้ากําลังต่อต้าน 

อู๋ส่วยเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะที่เขาจะถอนหายใจและเงยหน้าขึ้น  การนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้นอาจฟังดูง่ายแต่มันยากราวกับการปีนป่ายขึ้นสู่สวรรค์ 

กู้เหลียงยังยิ้ม  ค่อยๆก้าวไปที่ละขั้น ก่อนที่วังสวรรค์จะขึ้นสู่อํานาจ พวกเขาก็พบกับสถานการณ์เดียวกันมิใช่หรือ? 

อู๋ส่วยกล่าวด้วยน้ําเสียงหดหู่  ด้วยค่าสั่งของบรรพชน งานหนักหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษของข้าก็กลายเป็นสูญเปล่า มนุษย์ปกครองโลก นี่คือสิ่งที่ยากที่จะปฏิเสธ 

กู้เหลียงเสนอ  ข้ามีวิธี 

 โอ้ วิธีใด? บอกข้าเร็ว ไม่จําเป็นต้องลังเล เราเป็นสหายสนิท  อู๋ส่วยเร่งถาม

 มันเป็นแผนการทั่วไป เจ้าเพียงกังวลเกี่ยวกับขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าและเกาะดอกไม้แดนใต้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา ราชันมังกรต้องการกําจัดสิ่งนั้น แต่หากเจ้าก้าวเข้าสู่ระดับแปด มันจะเป็นอย่างไร? 

 ระดับแปด? เหตุใดข้าจะไม่ต้องการมัน!? แต่การกําวข้ามภัยพิบัติสุดท้ายอันตรายมาก แม้ข้าจะมีวังมังกรแต่ข้ายังเกรงว่า…  อู๋ส่วยลังเล

 ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าดูแลเกาะดอกไม้แดนใต้มานานหลายปี เจ้าจะไม่กล้ารับความเสียงได้อย่างไร? เจ้ารู้ว่าตนเองมีความสําคัญกับเกาะและเผ่าพันธุ์ ความกังวลเหล่านี้เป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะช่วยให้เจ้าประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งสุดท้ายและกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง!  กู้เหลียงกล่าวและปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมา

ปรากฏว่าเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด!

อู๋ส่วยตกใจมาก  กู้เหลียง…ไม่…ผู้อาวุโส…ท่าน… 

กู้เหลียงยกมือขึ้นหยุดอู่ส่วย  อู๋ส่วย มาคุยกันในฐานะสหาย ความจริงก็คือข้าเข้าหาเจ้าด้วยเจตนาบางอย่างภาคกลางแข็งแกร่งเกินไป อีกสี่ภูมิภาคอ่อนแอ ในฐานะผู้อมตะของทะเลตะวันออก ข้ายินดีที่จะเห็นความขัดแย้งภายในของภาคกลาง แต่ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะเรื่องนั้น ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าจากใจจริง กล่าวตามตรง เราค่อนข้างเหมือนกัน 

อู๋ส่วยดีใจมาก  หลายปีที่ผ่านมาข้าเคยขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะระดับแปดหลายคน แต่กระทั่งนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์ก็ยังปฏิเสธข้า ความช่วยเหลือของเจ้ามาในจังหวะที่เหมาะสมจริงๆ ข้า อู๋ส่วย จะไม่มีวันลืมความเมตตานี้! 

ฉากต่อไปของอาณาจักรแห่งความฝันคือภัยพิบัติของอู๋ส่วย

เขาได้รับความช่วยเหลือจากกู้เหลียงและประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติ

ในที่สุดอู๋ส่วยก็กลายเป็นผู้อมตะระดับแปด

แม้เขาจะเชื่อฟังคําสั่งของราชันมังกรและทําให้เผ่ามนุษย์มังกรรู้สึกสิ้นหวัง แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรก็พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

อู๋ส่วยกลายเป็นตัวตนอันดับสองของเผ่ามนุษย์มังกร เขาก้าวข้ามรุ่นพ่อ มีเพียงราชันมังกรเท่านั้นที่อยู่เหนือเขา

อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริงและสามารถพูดคุยอย่างเท่าเทียมกับนักพรตมดเขียวและท่านหญิงวังอักษรศิลป์

ทัศนคติของราชันมังกรที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน ราชันมังกรไม่เรียกอู๋ส่วยไปดุด่าอีกต่อไป

นี่ทําให้อู๋ส่วยรู้สึกหลุดพ้นจากแรงกดดันทั้งหมด

 ทิวทัศน์ของระดับแปดช่างแตกต่างอย่างแท้จริง! 

 ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้อมตะบนจุดสูงสุดไปแล้ว 

อู๋ส่วยรู้สึกขอบคุณเหลียง หลังจากเรื่องนี้ความร่วมมือของพวกเขาก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

กู้เหลียงบอกความลับมากมายกับอู๋ส่วย  รากฐานของวังสวรรค์คือวิญญาณชะตากรรม ในประวัติศาสตร์ เทพปีศาจสองคนบุกโจมตีวังสวรรค์แต่เหตุใดพวกเขาถึงล้มเหลว? เหตุผลเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถท่าลายวิญญาณชะตากรรม เนื่องจากการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาว พวกเขาจึงไม่สามารถสั่นคลอนรากฐานของวังสวรรค์ 

 อย่างไรก็ตามการหลอมรวมเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเข้ากับเจตจํานงสวรรค์ทําให้เต๋าสวรรค์ไม่พอใจ วิถีแห่งสวรรค์คือการรักษาสมดุล แต่มนุษย์รุ่งเรืองและแข็งแกร่งเกินไป สวรรค์ไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้! 

อู๋ส่วยได้เรียนรู้เรื่องสําคัญมากมายจากกู้เหลียง แม้เขาจะอาศัยอยู่ในภาคกลางและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหนึ่งในสิบนิกายโบราณ แต่เขากลับไม่เคยล่วงรู้ความลับเหล่านี้

 อู๋ส่วย หากเจ้าต้องการนําเผ่ามนุษย์มังกรทะยานขึ้น การบ่มเพาะระดับแปดยังไม่เพียงพอในความเป็นจริง แม่เจ้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด มันก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อวังสวรรค์ หลังจากทั้งหมดวังสวรรค์มีผู้อมตะระดับแปดมากมาย! 

 ข้าขอกล่าวตามตรง หากเผ่ามนุษย์มังกรของเจ้าก้าวข้ามขอบเขตที่วังสวรรค์จะรับได้ พวกเขาจะกําจัดพวกเจ้าอย่างแน่นอน 

อู๋ส่วยคิดและขอคําแนะนําจากกู้เหลียง

กู้เหลียงตอบ  การทะยานขึ้นของเผ่ามนุษย์มังกรไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องตั้งเป้าไปยังแหล่งกําเนิดของทุกสิ่ง! 

 แหล่งกําเนิด? เจ้าหมายถึงวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?  อู๋ส่วยเผยรอยยิ้มขมขึ้น  วิญญาณชะตากรรมอยู่ในการดูแลของวังสวรรค์ 

 มันยากจริงๆ แต่มันยังมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เรามีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  ดวงตาของกู้เหลียงส่องประกายขึ้น

อู๋ส่วยถูกล่อลวง  เจ้ากําลังกล่าวถึง…บัวแดง? 

 ถูกต้อง เดิมที่วังสวรรค์ต้องการเลี้ยงดูบัวแดงให้กลายเป็นเทพอมตะ แต่เขามีเจตนาอื่น เขาเลือกที่จะท้าทายวังสวรรค์ ราชันมังกรยุ่งอยู่กับเรื่องนี้ มันทําให้เขาปวดหัวจนทําให้เขาไม่มีเวลาดูแลเผ่ามนุษย์มังกร จากจุดนี้ เจ้าต้องขอบคุณบัวแดงที่ช่วยลดแรงกดดันที่เจ้ากําลังเผชิญ  กู้เหลียงกล่าว

 เราจะยืมพลังของบัวแดงงั้นหรือ? นั่นเป็นความคิดที่ดี แต่เราจะติดต่อเขาได้อย่างไร?  อู๋ส่วยถามอีกครั้ง  บัวแดงลึกลับเกินไป เป็นเรื่องยากที่จะค้นหาเขา 

 เราไม่สามารถเข้าหาบัวแดง แม้เราจะต้องการพบเขา แต่เขาจะปฏิเสธเรา บางทีเขาอาจโจมตีหรือกระทั่งทําลายล้างพวกเรา  การแสดงออกของกู้เหลียงเปลี่ยนแปลงไป

เขากล่าวต่อ  ไม่ว่าบัวแดงจะเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจ เขาก็ยังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ 

 หากเขาไม่ต้องการร่วมมือ เราจะยืมกําลังของเขาได้อย่างไร?  อู๋ส่วยถาม

กู้เหลียงหัวเราะ  บัวแดงต้องการชุบชีวิตครอบครัวและคนรัก เขาต้องต่อสู้กับเต๋าสวรรค์และท้าทายโชคชะตา ความขัดแย้งนี้ไม่สามารถแก้ไข ดังนั้นเขาจึงหันหลังให้กับอาจารย์ของเขา ขณะที่ราชันมังกรยังไม่สามารถเปลี่ยนใจบัวแดง บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์และทําลายวิญญาณชะตากรรมอย่างแน่นอน เมื่อเขาบุกวังสวรรค์ มันจะเป็นโอกาสของเรา 

 บัวแดงจะโจมตีวังสวรรค์เมื่อใด? 

 ข้าไม่แน่ใจ อาจใช้เวลาหลายปีหรืออาจไม่กี่วันข้างหน้า 

อู๋ส่วยพยักหน้า  ข้าเข้าใจแล้ว จากนี้ไปเราต้องเข้าหาวังสวรรค์เพื่อรวบรวมข้อมูล เมื่อบัวแดงโจมตี เราจะใช้โอกาสนั้นขโมยวิญญาณชะตากรรม! 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท