เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1836 ขโมยชีวิตราชันมังกร

บทที่ 1836 ขโมยชีวิตราชันมังกร

บทที่ 1836 ขโมยชีวิตราชันมังกร

อาณาจักรแห่งความฝัน

 นี่คือยอดเขาวิจารณ์ศิลป์งั้นหรือ?  ร่างแยกมนุษย์มังกรมองภูเขาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าและแสดงออกด้วยความประหลาดใจ  มันไม่ใช่ภูเขาที่แท้จริงแต่เป็นภาพมายา 

 ข้าก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นมันเป็นครั้งแรก  ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรฮวงเว่ยกล่าวมาจากด้านข้าง

สองฉากผ่านไปในอาณาจักรแห่งความฝัน

ตอนนี้พวกเขาอยู่ในถ้ําสวรรค์ของผู้อมตะเหวินซิ่ว เนื่องจากภัยพิบัติที่รุนแรงทําให้มันเกิดรูช่องโหว่และถูกค้นพบ

เหวินซิ่วเป็นผู้อมตะหญิงระดับแปดในตํานาน นางเป็นผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ที่เสียชีวิตไปนานแล้ว นางเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ขาดแคลนทรัพยากร เหตุผลที่นางสามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดเพราะนางเป็นเจ้าของสถานที่พิเศษ นั่นคือยอดเขาวิจารณ์ศิลป์

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางอ้าปากค้าง  ยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งข้อมูล มันคล้ายกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ! 

นอกจากอู๋ส่วยและฮวงเว่ยยังมีผู้อมตะภาคกลางหลายคนอยู่ที่นี่

ทุกคนมองไปยังยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ด้วยดวงตาส่องประกาย

แน่นอนว่าพวกเขาต้องการมัน!

ฮวงเว่ยกล่าว  พี่ใหญ่ เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น ข้าจะช่วยปกป้องและถ่วงเวลาให้ท่าน 

 ตกลง  ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนพึ่งตอบกลับเมื่อกลุ่มผู้อมตะภาคกลางเริ่มโจมตีเขา

 จู่โจมก่อนได้เปรียบ! 

 อู๋ส่วยแข็งแกร่งที่สุด หากเราต่อสู้กับเขาเพียงลําพัง พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา 

 เราจะปล่อยให้ยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ตกอยู่ในมือของมนุษย์มังกรได้อย่างไร? 

ปรากฏว่าขณะที่อู่ส่วยและฮวงเว่ยกําลังพูดคุยกัน ผู้อมตะเผ่ามนุษย์คนอื่นๆก็ทําข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว

นั่นทําให้อู๋ส่วยและฮวงเว่ยตกอยู่ในวงล้อมทันที

การโจมตีพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง

 ช่างกล้าหาญนัก!  ร่างแยกมนุษย์มังกรของฟางหยวนคํารามด้วยความโกรธ กลิ่นอายของเขาปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่กองทัพมดจะปรากฏขึ้นและปกป้องฮวงเว่ยกับตัวเขาเอง

 บึม บึม บึม! 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์โจมตีอย่างดุเดือด ในไม่ช้ากองทัพมดของฟางหยวนก็ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่

ฟางหยวนตอบโต้และสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปสองสามรอบ เขาก็สามารถทะลวงออกจากวงล้อม

การต่อสู้ดําเนินต่อไปอีกนับสิบรอบ กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ไม่สามารถทําสิ่งใด

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสสามารถต่อสู้กับศัตรูจํานวนมากได้ด้วยตัวเขาเองเพียงลําพัง โดยเฉพาะอู่ส่วยที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาบังคับให้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ของภาคกลางต้องล่าถอยไปในที่สุด

แน่นอนว่าอู๋ส่วยต้องจ่ายราคามหาศาลขณะที่ฮวงเว่ยได้รับเจ็บสาหัส

 มันเป็นชัยชนะที่ยากลําบาก แต่อย่างน้อยเราก็ได้รับยอดเขาวิจารณ์ศิลป์  ฮวงเว่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น

แต่ก่อนที่อู๋ส่วยจะได้รับมัน เขากลับพบสิ่งกีดขวาง

 เกิดสิ่งใดขึ้น?  พวกเขาค้นพบเหตุผลอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นว่าบางคนลอบเข้า ไปยึดครองยอดเขาวิจารณ์ศิลป์ขณะที่พวกเขากําลังต่อสู้

มันไม่ใช่ผู้ใดนอกจากฟานจื่อ ชายชู้ของชูจิ่วหลิงซึ่งเป็นภรรยาของอู๋ส่วย

ฟานจื่อหมดสติอยู่ ณ จุดนั้นเนื่องจากรากฐานของเขาอ่อนแอเกินกว่าที่จะปรับแต่งยอดเขาวิจารณ์ศิลป์

 คนผู้นี้!  อู๋ส่วยคํารามด้วยความโกรธ เขาแทบจะพุ่งเข้าไปสังหารฟานจื่อทันที

 ท่านไม่สามารถฆ่าเขา!  ฮวงเว่ยที่อยู่ด้านข้างตะโกนเตือน

 เพราะเหตุใด?  อู๋ส่วยหันกลับมาด้วยดวงตาแดงก่ํา

ฮวงเว่ยอธิบาย  พี่ใหญ่ ข้าเข้าใจความเจ็บปวดของท่าน หากท่านฆ่าเขา ปู่ของเขาจะเคลื่อนไหว ตอนนี้เขาเป็นสมาชิกของวังสวรรค์ ในเวลาปกติ เขาไม่สามารถเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามหากหลานชายของเขาถูกสังหาร เขาจะต้องตรวจสอบความจริงและแก้แค้นท่าน 

ใบหน้าของอู๋ส่วยกลายเป็นบิดเบี้ยว ดวงตาของเขากลายเป็นมืดครื้ม

เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ถอนหายใจ  น้องเล็ก เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าไม่สามารถฆ่าเขา มิฉะนั้นในกรณีที่ดีที่สุดข้าอาจพบอันตราย ในกรณีที่เลวร้ายกว่านั้นบางคนอาจใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างกําจัดเผ่ามนุษย์มังกรของเรา ข้า อู๋ส่วย ต้องรับผิดชอบต่อเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมด ข้าจะใช้อารมณ์ส่วนตัวตัดสินปัญหาได้อย่างไร? 

ในเวลาเดียวกันที่สวรรค์สีขาว

 มันควรจะอยู่ที่นี่  หลังจากสํารวจสวรรค์สีขาวมาเป็นเวลานาน เฉินกงเจิ้งก็เปิดปากกล่าวด้วยความมั่นใจ

ซ่งฉีหยวนยืนอยู่ด้านข้าง  วิธีการตรวจสอบของพี่เฉินช่างลึกล้ํา ในกรณีนี้เราจะร่วมมือกัน 

เฉินกงเจิ้งตอบ  แน่นอน ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดศาลานกกระเรียนของนิกายกระเรียนอมตะจึงมาที่ทะเลตะวันออกอย่างลับๆและหายไปที่นี่ 

คนทั้งสองไม่ใช่ผู้อมตะทั่วไป หนึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิน อีกหนึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลซง พวกเขาต่างเป็นผู้อมตะระดับแปด

เดิมทีทั้งสองกําลังทําภารกิจสําคัญ แต่ในช่วงเวลานั้นพวกเขากลับค้นพบศาลานกกระเรียนโดยบังเอิญ

ทั้งสองเป็นผู้มีอํานาจ พวกเขาจําศาลานกกระเรียนได้และสงสัยพฤติกรรมของมัน พวกเขาคิด ‘เหตุใดสิบนิกายโบราณของภาคกลางจึงมาที่ทะเลตะวันออก?’

เฉินกงเจิ้งยังพบผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆศาลานกกระเรียน

ดังนั้นคนทั้งสองจึงเดินทางมาจากระยะไกลโดยใช้วิธีการตรวจสอบของเฉินกงเจิ้ง

ทั้งสองเกรงว่ามันจะเป็นการแจ้งเตือนศัตรู พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป เมื่อฟางหยวนซุ่มโจมตีราชันมังกรกับศาลานกกระเรียน พวกขาจึงไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น

เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ ฟางหยวนก็ยังราชันมังกรและศาลานกกระเรียนไว้ในเขตแดนอมตะของเขาเรียบร้อยแล้ว

แต่วิธีการของเฉินกงเจิ้งก็ไม่ธรรมดา เขาค้นพบเบาะแสและสรุปว่าเขตแดนอมตะซ่อนอยู่ที่นี่

ดังนั้นสองผู้อมตะจึงเริ่มโจมตีมัน

 เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดเฉินกงเจิ้งกับซ่งฉีหยวนถึงมาที่นี่? พวกเขามีข้อตกลงกับวัง สวรรค์งั้นหรือ?  หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง

การโจมตีจากสองผู้อมตะของทะเลตะวันออกทําให้ฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยคุก คามทั้งภายนอกและภายใน

เผชิญหน้ากับราชันมังกร ฟางหยวนต้องให้ความสนใจกับการต่อสู้อย่างเต็มที่โดยไม่สามารถแบ่งความสนใจไปที่อื่น แต่ตอนนี้เฉินกงเจิ้งกับซ่งฉีหยวนกลับปรากฏตัวขึ้น มันกลายเป็นสถานการณ์ที่ยากลําบากสําหรับฟางหยวน

 ครืน.. 

เขตแดนอมตะเกิดการสั่นสะเทือน ราชันมังกรมีความสุขมาก  เกิดสิ่งใดขึ้น? บางคนโจมตีเขตแดนอมตะนี้นหรือ? นี่เป็นโอกาสที่ดี! 

ราชันมังกรคํารามขณะที่เขาเพิ่มพลังโจมตี

ฟางหยวนกันเสียงเย็น เขาใช้เขตแดนอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเพื่อหลบการโจมตีของราชันมังกรและเล็งเป้าไปที่ศาลานกกระเรียน

การโจมตีจุดอ่อนของศัตรูเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด เมื่อจุดอ่อนของราชันมังกรถูกค้นพบ เขาจึงต้องรับบทเป็นฝ่ายตั้งรับและโจมตีเป็นครั้งคราว

แต่ช่วงเวลาดีๆมักอยู่ไม่นาน เขตแดนอมตะเกิดช่องโหว่ขึ้นในที่สุด

ราชันมังกรหัวเราะเสียงดัง  ทะเลปราณ โชคของเจ้าค่อนข้างแย่ แม้เจ้าจะใช้เขตแดนอมตะ แต่คนนอกกลับเข้ามาโจมตี เจ้าเล็งเป้ามาที่จุดอ่อนของข้าตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขตแดนอมตะของเจ้าถูกทําลายและกลายเป็นจุดอ่อนของเจ้าไปแล้ว 

หลังกล่าวจบคํา ราชันมังกรก็ส่งปราณมังกรพุ่งออกไปทุกทิศทาง

ฟางหยวนพยายามหยุดพวกมันแต่ปราณมังกรว่องไวมาก มันมุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนของเขตแดนอมตะโดยตรง

ฟางหยวนไม่สามารถหยุดพวกมัน เขาถอนหายใจและทําได้เพียงเฝ้ามองเขตแดนอมตะถูกทําลายเท่านั้น

ฟางหยวนพ่นเลือดออกมาจากปากเมื่อได้รับผลกระทบย้อนกลับ

ราชันมังกรไม่รีบโจมตีศัตรูแต่ผลักศาลานกกระเรียนออกไป  ไป! 

ปราณมังกรนําศาลานกกระเรียและฟางเจิ้งหลบหนีออกจากสนามรบ

หลังจากเขตแดนอมตะถูกทําลาย ราชันมังกรก็กลับมายังทะเลตะวันออก เขาพบว่าผู้ที่ทําลายเขตแดนอมตะนี้คือซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้ง

ทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก พวกเขาไม่ใช่พันธมิตร ขณะที่บรรพชนทะเลปราณปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะแห่งทะเลตะวันออก

ดังนั้นราชันมังกรจึงส่งฟางเจิ้งจากไปเป็นอันดับแรกเพื่อกําจัดจุดอ่อนของตนเอง

 เกิดสิ่งใดขึ้น?  ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งตกตะลึง

 ราชันมังกร?  พวกเขาจําตัวตนของราชันมังกรได้ทันที นี่ทําให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

ราชันมังกรมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน เขาเป็นอาจารย์ของเทพปีศาจบัวแดง เขาอาวุโสกว่าซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งมาก ทั้งสองไม่คิดว่าพวกเขาจะพบราชันมังกรในสถานการณ์นี้

และยิ่งไม่คิดว่าราชันมังกรจะถูกซุ่มโจมตีโดยผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออก!

สวรรค์!

ตั้งแต่เมื่อใดที่ทะเลตะวันออกมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ เขากล้าซุ่มโจมนีราชันมังกร!

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งมองหน้ากันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ทั้งสองคิดคล้ายกัน  ดูเหมือนพวกเราจะมาขัดขวางแผนการของสหายผู้นี้ พวกเราช่วยคนของวังสวรรค์! 

 สหาย พวกเรา…  ซ่งฉีหยวนต้องการอธิบายแต่ฟางหยวนกันเสียงเย็นและเร่งไล่ล่าศาลานกกระเรียนไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

ราชันมังกรโกรธมากเมื่อเห็นสิ่งนี้  คนผู้นี้เป็นจิ้งจอกเฒ่า! เขายังเล็งเป้าไปที่ศาลานก กระเรียนกระทั่งตอนนี้! 

ดังนั้นเขาจึงต้องออกไล่ล่าเช่นกัน

ราชันมังกรเร็วมาก ในไม่ช้าเขาก็ตามทัน

ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งชําเลืองมองกันเล็กน้อยด้วยเหงื่อที่ไหลท่วมร่าง

 พวกเขาต่างเป็นสัตว์ประหลาด! 

 ทะเลตะวันออกมีผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด เขาสามารถต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างเท่าเทียม? 

 ลืมมันไปซะ เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเขาคือศาลานกกระเรียน มีสิ่งใดอยู่ในนั้น? 

 เราขัดขวางแผนการของเขา เราควรจัดการคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่ออธิบายจุดยืน

ของเรา 

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งตัดสินใจก่อนจะพุ่งเข้าไปหาศาลานกกระเรียนด้วยความเร็วสูง

 พวกเจ้าไม่สามารถฆ่าข้า ข้าเป็นสมาชิกในอนาคคตของวังสวรรค์ ข้าได้รับความคุ้มครองจากท่านราชันมังกร ข้าชื่อฟางเจิ้ง ข้าเป็นน้องชายของฟางหยวน!  ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ฟางเจิ้งไม่รู้สึกอายที่จะตะโกนสิ่งเหล่านี้ออกมาเพื่อรักษาชีวิต

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งหยุดเคลื่อนไหว พวกเขามองผู้อมตะระดับหกผู้นี้ด้วยความประหลาดใจ

ฟางเจิ้งพยายามสงบจิตใจลง  วังสวรรค์ต้องการใช้ข้าเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้กับฟางหยวน พวกเขาให้ความสําคัญกับข้ามาก พวกเจ้าสามารถใช้ข้าเป็นตัวประกันและรีดไถทรัพยากรจากวังสวรรค์ ข้าเชื่อว่าวังสวรรค์จะทําให้พวกเจ้าพึงพอใจ 

เฉินกงเจิ้งโบกมือและทําให้ฟางเจิ้งหมดสติทันที เขามองซ่งฉีหยวนก่อนกล่าว  พี่ซ่ง เราควรทําอย่างไร? 

ซ่งฉีหยวนขมวดคิ้ว  ดูเหมือนเราจะไม่สามารถฆ่าเขาจริงๆ สถานการณ์นี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้า กลับไปดูการต่อสู้กันเถอะ 

 ตกลง 

ทั้งสองกลับไปยังสนามรบและพบว่าราชันมังกรเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขากําลังโจมตีอย่างดุเดือด ขณะที่ผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกพยายามป้องกันตัว

ราชันมังกรกําจัดฟางเจิ้งออกไปแล้ว เขาไม่มีจุดอ่อนอีก ดังนั้นเขาจึงสามารถต่อสู้ได้อย่างไรกังวล

ฟางหยวนปกป้องตนเองอย่างสิ้นหวัง

 โอ้ ไม่ ผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกอยู่ในอันตราย 

 พวกเราควรทําอย่างไร? พวกเราควรช่วยเขาหรือไม่? 

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งลังเล

พวกเขาเข้าแทรกแซงเรื่องนี้โดยบังเอิญ ตอนนี้พวกเขายังสงสัยและไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

แต่ในเวลานี้ทั้งสองกลับอ้าปากค้าง

ปรากฏว่าฟางหยวนเปลี่ยนกลยุทธ์ เขาพุ่งเข้าหาราชันมังกร

 ราชันมังกร เจ้าตกหลุมพรางของข้าแล้ว ลองรับสิ่งนี้! 

ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต!

ราชันมังกรตกตะลึงขณะที่เขาถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต

มันกลายเป็นว่าฟางหยวนแสร้งเผยจุดอ่อนเพื่อรอโอกาสนี้

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งมองหน้ากันด้วยความตกใจ

เพราะหลังจากราชันมังกรถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ การแสดงออกของเขาค่อนข้างแปลกประหลาด เขาลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อนและไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 ขโมยชีวิต…เหตุใดมันอยู่ในมือของเจ้า?  ราชันมังกรมองฟางหยวนด้วยความประหลาดใจ

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท