เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1841 สัญญาในอนาคต

บทที่ 1841 สัญญาในอนาคต

บทที่ 1841 สัญญาในอนาคต

อาณาจักรแห่งความฝันของวังมังกร

การต่อสู้อันดุเดือดกําลังมาถึงจุดสําคัญ

ซ่งเต๋าจือได้รับบาดเจ็บแต่กลิ่นอายของเขายังเหนือกว่าอู๋ส่วย

 อู๋ส่วย เจ้าไม่ได้หยุดท่าไม้ตายของข้า นั่นคือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้า รับความพ่ายแพ้!  ซ่งเต๋าจือตะโกน ร่างกายของเขาปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมา

แสงสีเขียวราวกับต้นสนพุ่งเข้าไปหาอี้ส่วยอย่างไม่หยุดยั้ง

อู๋ส่วยนอนอยู่ในหลุมลึกโดยไม่ขยับเขยื้อนราวกับเขายอมรับความพ่ายแพ้

ผู้อมตะหลายคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้ต่างถอนหายใจ

 อู๋ส่วยกําลังจะแพ้ 

 นี่เป็นเรื่องปกติ ซ่งเต๋าจือเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดของนิกายเมฆาวายุ พลังการต่อสู้ของเขาเป็นสามอันดับแรกท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ดของภาคกลาง อู๋ส่วยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา 

 เขาเป็นเพียงผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกร มันยอดเยี่ยมมากแล้วที่เขาสามารถต่อสู้ได้ถึงระดับนี้ 

 อู๋ส่วยตกลงกับนิกายเมฆาวายุก่อนการต่อสู้ ผู้ชนะจะได้รับเกาะดอกไม้แดนไม้ หากอู๋ส่วยแพ้ การทํางานหนักตลอดหลายร้อยปีของเขาจะกลายเป็นสูญเปล่า 

 ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าอู่ส่วยและสหายมนุษย์มังกรของเขาดูแลเกาะดอกไม้แดนใต้ได้เป็นอย่างดี มันเต็มไปด้วยทรัพยากร ตอนนี้นิกายเมฆาวายุกําลังจะได้รับมัน 

 เจ้าไม่สามารถกล่าวเช่นนั้น เดิมทีอู๋ส่วยก็ใช้อุบายเพื่อยึดเกาะดอกไม้แดนใต้มาจากนิกายเมฆาวายุ นี่เป็นเพียงการแก้แค้น เขาสมควรได้รับมัน 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เฝ้ามองอย่างมีความสุขและเพลิดเพลินไปกับความทุกข์ทรมานของคนอื่น

ไท่ฉินมองอยู่ที่มุมหนึ่งเพียงลําพัง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ําตาขณะที่นางพึงพำ  ที่รัก… 

ในเวลาเดียวกันกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรก็แสดงออกด้วยความเคร่งเครียด

มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ความลับบางอย่างและยังมีความหวัง

 พี่ใหญ่ ใช้มันและทําให้โลกทั้งใบตกตะลึง!  ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรฮวงเว่ยตะโกนให้กําลังใจอู๋ส่วยอยู่ภายใน

เป็นเพียงเวลานี้ที่อู๋ส่วยเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า

 ในที่สุดเจ้าก็ใช้ท่านี้ ซ่งเต๋าจือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ารอสิ่งนี้มานานแล้ว  อู๋ส่วยหัวเราะ

 เจ้าหมายความว่าอย่างไร? 

 ฮึม เขากําลังรอมันอยู่ 

 เขาเป็นเพียงผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกร เขาจะพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร? 

 ท่าไม้ตายอมตะคลื่นต้นสนสวรรค์ของซ่งเต๋าจือมีชื่อเสียงมากในภาคกลาง ไม่ มันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้อมตะระดับเจ็ดเพียงไม่กี่คนที่สามารถรับมือท่าไม้ตายนี้ 

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาวังขนาดใหญ่กลับปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

อู๋ส่วยเข้าไปภายในและพุ่งเข้าปะทะท่าไม้ตายอมตะคลื่นต้นสนสวรรค์ของศัตรูโดยตรง

 มันคือสิ่งใด? 

 คฤหาสน์วิญญาณอมตะ! 

 ข้าไม่เคยเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะเช่นนี้มาก่อน อู๋ส่วยสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเองงั้นหรือ? 

 ควรจะเป็นเช่นนั้น ศึกนี้ประกาศให้โลกรับรู้ ทั้งสองฝ่ายสามารถใช้สมบัติของตน ตามกฏ อู๋ส่วยสามารถใช้มัน! 

 โอ้ สวรรค์ เผ่ามนุษย์มังกรมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะแล้วและมันยังเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด! 

 ดู วังหลังนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะคลื่นต้นสนสวรรค์แม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั่วไป มันสามารถต่อต้านพลังอํานาจระดับแปด! 

ทุกคนอ้าปากค้าง

ซ่งเต๋าจือทั้งโกรธและตกใจมาก

หัวใจของเขาจมดิ่งลงเมื่อเขาเห็นท่าไม้ตายอมตะที่เขาภาคภูมิใจหายไปในอากาศ

อู๋ส่วยกําลังใช้วังมังกร!

เสียงของอู๋ส่วยดังขึ้น  ซ่งเต๋าจือ หากเจ้าคุกเข่าร้องขอความเมตตา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! 

ซ่งเต๋าจือหน้าซีด เขากล่าวด้วยความโกรธ  อย่าแม้แต่จะคิด! เจ้าเป็นเพียงมนุษย์มังกรแต่กล้าทําให้ข้าขายหน้างั้นหรือ? 

แม้ซ่งเต๋าจือจะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแต่เขายังไม่ยอมแพ้

 เจ้าต้องชนะ!  ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆตะโกนให้กําลังใจ

ภายในวังมังกร อู๋ส่วยหัวเราะเสียงเย็น เขาบังคับวังมังกรพุ่งเข้าโจมตีคู่ต่อสู้โดยตรง

 อา…  ซ่งเต๋าจือไม่สามารถหลบได้ทันเวลา เขากรีดร้องอย่างน่าสมเพชขณะถูกวังมังกรบดขยี้จนตาย!

 อันใด! ซ่งเต๋าจือตาย! 

 เขาฆ่าซ่งเต๋จือจริงๆ! เขาต้องการก่อสงครามงั้นหรือ? 

 ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรฆ่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ของเรา เขาพยายามทําสิ่งใด? 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์เต็มไปด้วยความโกรธขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรหน้าซีดและรู้สึกกังวล

เป็นเพียงเวลานี้ที่อู๋ส่วยตะโกนออกมาจากวังมังกร  หุบปาก! การต่อสู้ระหว่างข้ากับซ่งเต๋าจือเป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย มันถูกประกาศออกไปทั่วโลกก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น หากผู้ใดคัดค้านออกมาต่อสู้กับข้าและรับความตายของพวกเจ้า! 

เงียบกริบ!

ฉากต่อไปของอาณาจักรแห่งความฝันคืองานฉลอง

มีโต๊ะนับร้อยที่วางไปด้วยสุราอาหาร ทุกคนต่างเฉลิมฉลองอย่างมีความสุข

เป็นธรรมชาติที่อู๋ส่วยจะนั่งอยู่ที่โต๊ะหลัก

 ขอแสดงความยินดีกับพี่ใหญ่ หลังการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่มีผู้ใดกล้าแย่งชิงเกาะดอกไม้แดนใต้อีกต่อไป นิกายเมฆาวายุสูญเสียแม่ทัพที่ทรงพลังไปในครั้งนี้เช่นกัน  ฮวงเว่ยยกถ้วยสุราขึ้นและกล่าวด้วยความตื่นเต้น

อู๋ส่วยตบไหล่ฮวงเว่ย  น้องเล็ก ทั้งหมดไม่ใช่เพราะข้าเพียงผู้เดียว มันเป็นผลงานของเจ้าเช่นกัน 

 พี่ใหญ่…  ฮวงเว่ยน้ําตาคลอเบ้า

 ศิษย์พี่ การต่อสู้ครั้งนี้ทําให้ท่านโด่งดังไปทั่วโลก ข้าขอแสดงความยินดีกับท่าน  ไท่ฉินยกถ้วยสุราขึ้นและกล่าวตามมารยาทแต่น้ําเสียงของนางเต็มไปด้วยความรัก

 ศิษย์น้อง ขอบคุณสําหรับความห่วงใย  อู๋สวยรู้ว่าไท่ฉินมีความกังวลอยู่ในใจ

ดังนั้นเขาจึงตะโกนเสียงดัง  การต่อสู้ของข้ากับซ่งเต๋จื่อเป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย โลกสามารถยืนยันเรื่องนี้ ผู้ใดก็ตามที่ตายต้องยอมรับชะตากรรมของเขา! ซ่งเต๋จือเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี เขาสมควรได้รับเกียรติจากความตายในครั้งนี้ ข้าแน่ใจว่านิกายเมฆาวายุจะไม่กลืนคําสัญญาของตนเอง 

นิกายเมฆาวายุส่งตัวแทนมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้เช่นกัน พวกเขาเป็นผู้อมตะระดับหกทั่วไป

ซ่งเต๋าจือถูกฆ่าโดยอู๋สวย นิกายเมฆาวายุสูญเสียเกาะดอกไม้แดนใต้ แต่เพื่อรักษาชื่อเสียงของฝ่ายธรรมะ พวกเขาต้องส่งสมาชิกมาร่วงงานเลี้ยงของอู๋สวย

คํากล่าวของอู๋ส่วยทําให้ใบหน้าของตัวแทนนิกายเมฆาวายุกลายเป็นสีแดง เขาลังเลก่อนจะลุกขึ้นกล่าว  นิกายเมฆาวายุของข้าไม่ใช่นิกายเล็กๆ เมื่อพวกเราตกลงกันแล้ว พวกเราจะกลับคําพูดได้อย่างไร? 

 ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านทูตเชิญนั่ง  อู๋สวยโบกมือและหัวเราะ

ทูตจากนิกายเมฆาวายุกัดฟันด้วยความโกรธ แต่ชื่อเสียงของนิกายเมฆาวายุอยู่ในมือของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องนั่งลง

 สหายอู๋ส่วย ข้าคือผู้อมตะของทะเลตะวันออก กู้เหลียง ข้าดูการต่อสู้ของเจ้ากับซ่งเต๋าจือ และเห็นวิธีที่เจ้าเอาชนะเขา เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก ข้าขอดื่มให้เจ้า  ผู้อมตะชายที่สวมชุดคลุมและมงกุฎเดินออกมา

เขาเรียกตนเองว่ากู้เหลียง เขาเป็นชายวัยกลางคนแต่รอยยิ้มของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้มีอํานาจออกมาดื่มาก

สู้ครั้งนี้ทําให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก อมตะของทะเลตะวันออกยังมาร่วมงานเลี้ยงของเขา

 ท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาถึงแล้ว!  ยามเฝ้าประตูประกาศเสียงดัง

ห้องโถงตกสู่ความโกลาหลทันที ผู้อมตะระดับแปดปรากฏตัวที่นี่

ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ไม่ได้มาคนเดียว นางพาบุตรสาวมาด้วย นั่นคือชูจิ่วหลิง ภรรยาในนามของอู๋ส่วย

 บุตรเขยของข้า ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะของเจ้า  ท่านหญิงวังอักษรศิลป์เผยรอยยิ้มบาง แม้นางจะกล่าวประโยคง่ายๆเพียงประโยคเดียวแต่การแสดงออกของทุกคนกลับเปลี่ยนแปลงไป

 ท่านแม่และภรรยาที่มีคุณธรรมของข้า ข้าจัดที่นั่งไว้ให้พวกท่านแล้ว เชิญนั่งลงก่อน  อู๋ส่วย ยิ้มและเชิญทั้งสองแต่ในใจลอบประหลาดใจ

จากมุมมองของอู๋ส่วย เป็นธรรมดาที่เขาต้องเชิญท่านหญิงวังอักษรศิลป์มาร่วมงานนี้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องทําหน้าที่บุตรเขยที่ดี อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะมาจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นนางยังพาบุตรสาวมาด้วย นี่เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของอู๋ส่วย

 นักพรตมดเขียวมาถึงแล้ว!  หลังจากท่านหญิงวังอักษรศิลป์ ผู้อมตะระดับแปดคนที่สองก็มาถึง

นี่คืออาจารย์ของอู๋ส่วย แต่ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา อู๋ส่วยไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกต่อไป

อู๋ส่วยส่งเทียบเชิญให้เขาเช่นกัน

 ศิษย์คารวะท่านอาจารย์!  อู๋ส่วยรีบทักทาย

 ศิษย์ของข้า ข้ามาเยี่ยมเจ้าแล้ว  นักพรตมดเขียวมองอู๋ส่วยและพยักหน้าสรรเสริญ  อืม เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก 

 ท่านอาจารย์ เชิญนั่ง  อู๋ส่วยแสดงออกด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ได้เสแสร้งแต่มันเป็นอารมณ์ที่แท้จริงของเขา

อิทธิพลและผลประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้เหนือความคาดหมายของเขาไปไกลมาก

หลังจากงานเลี้ยง อู๋ส่วยส่งผู้อมตะระดับแปดกลับด้วยตนเอง แต่ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ทิ้งบุตรสาวของนางไว้ข้างหลัง

 พวกเจ้าทั้งสองแยกจากกันมานานแล้ว พวกเจ้าควรใช้เวลาอยู่ด้วยกัน  ท่านหญิงวังอักษรศิลป์กล่าวด้วยน้ําเสียงเรียบๆแต่มันมีความหมายซ่อนอยู่

ชูจิ่วหลิงเงียบ นางไม่ได้ใจร้อนเหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้นางสงบมาก

แต่ในยามค่ําคืน อู๋ส่วยกลับทิ้งนางไว้ในห้องเพียงลําพัง  ภรรยาที่ดีของข้า พักผ่อนเถอะ ข้าต้องทํางานบางอย่าง 

เขายังสุภาพมากเหมือนครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน

ชูจิ่วหลิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า  สามีไปทํางานของท่านเถอะ 

อู๋ส่วยจากไป เขาไปหาไท่ฉิน

 น้องหญิง ข้ามาแล้ว 

 ท่านพี่ ข้าคิดว่าวันนี้ท่านจะไม่มา 

 มันจะเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าต้องรู้ว่าเจ้าสําคัญเพียงใดในหัวใจของข้า หญิงผู้นั้นไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับเส้นผมเพียงเส้นเดียวของเจ้า 

ไท่ฉินมีความสุขมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่นางยังถามด้วยความกังวล  ท่านพี่ ข้ายังรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ท่านฆ่าผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายเมฆาวายุ พวกเขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปจริงๆงั้นหรือ? 

 แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยมันไป แต่แล้วอย่างไร?  อู๋ส่วยหัวเราะเย้ยหยัน เขามองดวงจันทร์บนท้องฟ้าและถอนหายใจ  วันนี้หลังจากงานเลี้ยง ข้า อู๋สวย ในที่สุดก็ตระหนักถึงความจริงบางอย่าง 

 มันคือสิ่งใด? 

ดวงตาของอู๋ส่วยสั่นไหวเล็กน้อย  บนโลกใบนี้ ความแข็งแกร่งคือสิ่งสําคัญที่สุด เจ้าคิดว่าเหตุใดท่านอาจารย์และท่านหญิงวังอักษรศิลป์จึงมางานเลี้ยงของข้า? นั่นเป็นเพราะข้าเป็นเจ้าของคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกร แม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ข้าสามารถใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด นี่คือรากฐานของข้า ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติที่จะพูดคุยกับพวกเขาแล้ว 

 นิกายเมฆาวายุจะจดจําความแค้นนี้เอาไว้ แต่พวกเขายังต้องคิดถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะ วังมังกรของข้า! 

 ตราบเท่าที่ข้ามีความแข็งแกร่งนี้ ข้าก็ไม่จําเป็นต้องกลัวสิ่งใด 

 ไม่ ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดอย่างแน่นอน ข้าจะทําให้วังมังกรกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดเช่นกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าอยากรู้นักว่าผู้ใดยังกล้าดูถูกข้า! 

 ท่านพี่…  ไท่ฉินวางศีรษะลงบนหน้าอกของอู๋ส่วยด้วยความรัก

อู๋สวยก้มศีรษะลงและลูบผมของนางเบาๆ  น้องหญิง ข้าจะทําให้เจ้ามีความสุข ข้าจะมอบชีวิตที่ดีแก่เจ้า ตอนนี้ท่านหญิงวังอักษรศิลป์ยังเป็นภัยคุกคามของข้า แต่เมื่อข้ากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด ข้าจะมอบสถานะที่เหมาะสมให้เจ้า 

 ข้าไม่ต้องการสถานะใดๆ ท่านพี่ ข้าพอใจมากแล้วที่ได้อยู่เคียงข้างท่าน 

 แต่ข้าไม่พอใจ ข้าอยากมีลูกมากมายกับเจ้าในอนาคต ข้าต้องการเพลิดเพลินกับการเฝ้ามองบุตรหลานของพวกเราเติบโตขึ้น 

 มันจะมีวันนั้นจริงหรือ?  ใบหน้าของไท่ฉินกายเป็นแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

 แน่นอน  อู๋ส่วยกอดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น  เชื่อข้า วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอน! 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท