เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1838 ต่อสู้เพื่อฟางหยวน

บทที่ 1838 ต่อสู้เพื่อฟางหยวน

บทที่ 1838 ต่อสู้เพื่อฟางหยวน

ราชันมังกรยื่นข้อเสนอครั้งใหญ่!

แต่ไม่มีผู้ใดแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเห็นได้ชัด ทัศนคติของเขาอาจส่งผลกระทบต่อทะเลตะวันออกและกระทั่งภาคกลาง

นี่คือคุณค่าของเขา ในโลกของผู้ใช้วิญญาณ ความแข็งแกร่งสำคัญที่สุด

ซ่งฉีหยวนกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาหัวเราะเสียงเย็น  ท่านราชันมังกร ท่านช่างไร้ยางอายนักก่อนหน้านี้ท่านต่อสู้กับผู้อาวุโสทะลปราณอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ตอนนี้ท่านกลับต้องการรับสมัครเขา ผู้ใดจะเชื่อคำกล่าวของท่าน 

ราชันมังกรเผยรอยยิ้มบาง  จะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล พวกเจ้าทั้งสองไม่เชื่อข้าเพราะพวกเจ้าเกรงว่าวังสวรรค์จะฉกฉวยผลประโยชน์ของพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสองมีกองกำลังและอาณาเขตของตนเอง พวกเจ้าเป็นเจ้าของทะลมากมายและต้องปกป้องกองกำลังของพวกเจ้า แต่ทะเลปราณอยู่เพียงลำพัง เขาไม่เหมือนพวกเจ้า 

 น่าขัน ผู้อาวุโสทะเลปราณเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก หากเขาเข้าร่วมกับวังสวรรค์ เขาจะถูกพวกเจ้าโดดเดี่ยวและถูกกีดกันอย่างแน่นอน!  เฉินกงเจิ้งตะโกน

 โดดเดี่ยวและกีดกันงั้นหรือ?  ราชันมังกรมองเฉินกงเจิ้งด้วยสายตารังเกียจ  ด้วยหัวใจที่คับแคบเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ตระกูลเฉินไม่เคยทำสิ่งสำคัญหลังจากที่เจ้าเป็นผู้นำมานานหลายปีระบบนิกายยอมรับคนนอกเป็นอย่างมาก เรามองเพียงพรสวรรค์ สำหรับเรื่องของภาคกลางกับทะเลตะวันออก? อีกไม่นานห้าภูมิภาคจะรวมเป็นหนึ่ง ทุกคนบนโลกใบนี้จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกันทั้งหมด 

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งเงียบ

อย่างไรก็ตามแม้คำกล่าวของราชันมังกรจะมีเหตุผลแต่ฟางหยวนจะเข้าร่วมกับวังสวรรค์ได้อย่างไร

หากราชันมังกรรู้ว่าเขากำลังคุยกับฟางหยวน ผู้ใดจะรู้ว่าเขาจะแสดงออกอย่างไร

เฉินกงเจิ้งต้องการกล่าวอีกครั้ง เขายังไม่ยอมแพ้

ราชันมังกรก่นเสียงเย็น  ตระกูลเล็กๆของเจ้าต้องการยึดครองบางส่วนของโลกใบนี้สั้นหรือ? ความทะเยอทะยานของคนผู้หนึ่งต้องพอดีกับกำลังของตน มิฉะนั้นเจ้าจะดึงดูดปัญหาในอนาคตแท้จริงแล้วข้าสามารถทำหน้าที่เป็นปัญหานั้นในขณะนี้และมอบสิ่งที่สมควรแก่ตระกูลเฉินของเจ้า 

เฉินกงเจิ้งทั้งโกรธและตกใจเมื่อถูกคุกคาม แต่เขาไม่โต้ตอบ เขามาที่นี่เพื่อโน้มน้าวบรรพชนทะเลปราณ เขาไม่ต้องการยั่วยุวังสวรรค์ มิฉะนั้นเมื่อสงครามห้าภูมิภาคเริ่มขึ้น ตระกูลเฉินจะกลายเป็นตัวหมากเบี้ยที่ถูกสังเวยซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

ซ่งฉีหยวนตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกมาในเวลานี้ เขาป้องหมัดขึ้น  ราชันมังกร ในฐานะผู้อมตะภาคกลาง ท่านกำลังคุกคามผู้อมตะระดับแปดสามคนของทะเลตะวันออก ท่านต้องการยั่วยุพวกเราจริงๆงั้นหรือ? 

ฟางหยวนกันเสียงเย็นและแสดงออกด้วยท่าทางน่าเกลียด  ข้าคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้เช่นกันในอนาคตเมื่อผู้อมตะของวังสวรรค์โจมตีข้า พวกเจ้าจะใช้น้ำเสียงนี้ พวกเขาคิดว่าตนเองเป็นผู้ปกครองโลกและทุกคนต้องยอมจำนนต่อพวกเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข

เฉินกงเจิ้งและซ่งฉีหยวนรู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้

สถานการณ์กลายเป็นแปลกประหลาด ก่อนหน้านี้ราชันมังกรต่อสู้กับฟางหยวนอย่างดุเดือดแต่ตอนนี้ราชันมังกรและสองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกกลับกำลังต่อสู้เพื่อฟางหยวน

ฟางหยวนมีความสุขที่ได้เห็นสถานการณ์นี้ เขายืนอยู่ตรงกลางเฝ้ามองทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันและจะก้าวออกไปช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่อ่อนแอกว่าในจังหวะที่เหมาะสม

 นี่เป็นโอกาสที่หายากจริงๆ หากข้าจัดการเรื่องนี้ได้ดี บางทีตระกูลเฉินและตระกูลซึ่งอาจกลายเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์

ฟางหยวนตัดสินใจที่จะหว่านความไม่ลงรอย เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความขัดแย้งและส่งอิทธิพลต่อโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออกทั้งหมด

ราชันมังกรรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเห็นการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของบรรพชนทะเลปราณ

เขาไม่รำคาญบรรพชนทะลปราณแต่เป็นฟางหยวน

 ปีศาจฟางหยวนมีเจตนาร้าย เขาเก่งในเรื่องวางแผนล่อลวง หากบรรพชนทะเลปราณช่วยเขา เรื่องนี้จะแย่ลง

 สหายทะเลปราณ  ราชันมังกรคิดก่อนกล่าว  หากมีผลประโยชน์ร่วมกัน เราก็สามารถทำงานร่วมกัน หากเราทำร้ายกัน เราก็จะเป็นศัตรู คนเหล่านี้พยายามหว่านความขัดแย้งและใช้เจ้าเป็นเหงื่อสังเวช 

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่จริงจัง เขาไม่ได้สัญญาว่าจะให้รางวัลและยังชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของวังสวรรค์

ในทางตรงข้ามเมื่อเห็นบรรพชนทะเลปราณสนับสนุนพวกเขา สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกก็กล้าที่จะตอบโต้มากกว่าก่อนหน้า

ฟางหยวนเฝ้ามองทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันด้วยวาจา หลังจากชั่วครู่บรรยากาศก็ร้อนแรงมากขึ้นคำกล่าวของพวกเขากลายเป็นแข็งกร้าวมากขึ้น

ฟางหยวนสังเกตการแสดงออกของราชันมังกรและตระหนักว่าราชันมังกรเริ่มร้อนรน  เหตุใดข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็นแผนการของฟางหยวน? แต่เด็กผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ เขาสัญญากับข้าหลายสิ่งเขายังมอบมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าให้ข้า แม้ข้าจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณแต่ข้าก็มีบุตรหลานอยู่ในมิติช่องว่างของข้า มันเป็นสิ่งที่ดีที่จะเตรียมการล่วงหน้าสำหรับพวกเขา 

ฟางหยวนกล่าวถ้อยคำที่ไร้ยางอายออกมาโดยไม่กระพริบตา

ราชันมังกรตระหนักว่าฟางหยวนพยายามรับสมัครบรรพชนทะเลปราณเช่นกัน

แต่นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก บรรพชนทะเลปราณผู้นี้แข็งแกร่งมาก ในสถานการณ์ที่ไม่มีผู้อมตะระดับเก้า แทบไม่มีผู้ใดสามารถคุกคามเขา กระทั่งราชันมังกรก็ยังอยู่ในระดับเดียวกับเขาเท่านั้นแม้ท่าไม้ตายอมตะของบรรพชนทะเลปราณอาจไม่งดงามหรือซับซ้อนมากนักแต่เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งที่ไร้สาระมาก มันเป็นเรื่องลึกลับอย่างแท้จริงที่คนผู้หนึ่งสามารถบ่มเพาะได้ถึงระดับ

ราชันมังกรหัวเราะ  ฟางหยวนเป็นเพียงคนโชคดี เขาเป็นตัวหมากเบี้ยชั้นต่ำที่คิดจะใช้ประโยชน์จากเจ้า ในแง่ของรากฐาน เขาจะเปรียบเทียบกับวังสวรรค์ได้อย่างไร? 

 ทะเลปราณ หากเจ้าเข้าร่วมกับวังสวรรค์ เจ้าไม่จำเป็นต้องสละมิติช่องว่างของเจ้า เจ้าสามารถเก็บมันไว้ เอาล่ะ ยังไม่ต้องกล่าวถึงการเข้าร่วมกับวังสวรรค์ในตอนนี้ ข้าเพียงต้องการแสดงความจริงใจ ในอนาคตหากเจ้าต้องการเข้าร่วมกับพวกเรา ข้าจะเชิญเจ้าอย่างเปิดเผย 

 ตั้งแต่เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ วังสวรรค์ของข้าก็ยินดีจัดหาทรัพยากรระดับแปดบนเส้นทางแห่งพลังปราณที่สูญพันธุ์ไปแล้วตลอดจนมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งพลังปราณให้เจ้า 

ราชันมังกรตัดสินใจที่จะค่อยๆโน้มน้าวบรรพชนทะเลปราณ

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้

เส้นทางแห่งพลังปราณเสื่อมถอยไปแล้ว อาจมีเพียงวังสวรรค์เท่านั้นที่สามารถเก็บทรัพยากรจากอดีตกาลเอาไว้

กองกำลังอื่นไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์ พวกเขาจะไม่เก็บสมบัติดังกล่าวเอาไว้

ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งเห็นฟางหยวนถูกล่อลวง พวกเขารีบร้อนกล่าว  ผู้อาวุโสทะเลปราณท่านรู้ว่าราชันมังกรมาที่ทะเลตะวันออกอย่างลับๆเพราะเขาต้องการวังมังกร เราพึ่งจับฟางเลิ้งได้ก่อนหน้านี้ เราค้นวิญญาณของเขาและได้รับข้อมูลมากมาย 

 ถูกต้อง ราชันมังกรเพียงต้องการสร้างเสถียรภาพในเวลานี้เพื่อนำวังมังกรกลับไป เมื่อภารกิจของเขาประสบความสำเร็จ ผู้ใดจะรู้ว่าทัศนคติของเขาจะเป็นอย่างไร?  ซ่งฉีหยวนเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ

ฟางหยวนรู้สึกมีความสุข  วังมังกรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด ซ่งฉีหยวนและเฉินกงเจิ้งย่อมกังวลมากและต้องการหยุดราชันมังกร

แต่ภายนอกฟางหยวนยังแสดงออกด้วยท่าทางจริงจัง  ข้ารู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับวังมังกรข้ายังได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าจากฟางหยวน เราทำข้อตกลงกัน ราชันมังกร หยุดอยู่ที่นี่หากเจ้าต้องการแสดงความจริงใจ เราสามารถสงบศึก ข้าจะไม่เอาความเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตของชีวิตก่อนหน้า มิฉะนั้นแม้ข้าจะไม่สามารถเอาชนะเจ้า แต่ข้าก็จะเป็นฝ่ายไปเยี่ยมภาคกลางก่อน 

ราชันมังกรคิด  บรรพชนทะเลปราณผู้นี้ดูเหมือนเยือกเย็นแต่แท้จริงแล้วเขามีบุคลิกที่ไร้ยางอาย 

ฟางหยวนกล่าวว่าเขาจะไปเยี่ยมภาคกลาง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ไปเพื่อเยี่ยมชม

วังสวรรค์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ พวกเขาไม่ต้องการให้ตัวตนเช่นบรรพชนทะเลปราณไปสร้างหายนะ

บรรพชนทะเลปราณเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาแข็งแกร่งมาก วังสวรรค์ไม่มีวิธีจัดการกับเขาอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับคนอื่นๆหรือฟางหยวนที่วังสวรรค์คิดว่าเขายังเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด ราชันมังกรไม่รู้สึกว่าคนเหล่านี้เป็นภัยคุกคามเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันมังกร

อย่างไรก็ตามบรรพชนทะเลปราณแตกต่างออกไป หลังการเผชิญหน้าครั้งนี้ ราชันมังกรต้องระวังเขาเป็นพิเศษ

ราชันมังกรมีท่าไม้ตายอมตะดูดกลืนพลังปราณทั้งสามเป็นไพ่ตายแต่บรรพชนทะเลปราณจะไม่มีไพ่ตายงั้นหรือ?

เขาต้องมีอย่างแน่นอน!

ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษ การบรรลุระดับนี้เป็นเรื่องยากมาก แม้เขาจะอยู่เพียงลำพังแต่เขายังถือเป็นอุปสรรคสำคัญของวังสวรรค์

ตามความคิดของราชันมังกร คนเช่นนี้ต้องถูกกำจัด!

ดังนั้นเมื่อฟางหยวนกล่าวว่าวังสวรรค์จะโจมตีบรรพชนทะเลปราณในอนาคต ราชันมังกรจึงรู้สึกเชื่อเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามราชันมังกรไม่ต้องการยอมแพ้ต่อวังมังกร

แต่เขาควรทำอย่างไร?

ราชันมังกรรู้สึกปวดหัว

เขาตระหนักว่าฟางหยวนต้องการเห็นเขาต่อสู้กับบรรพชนทะเลปราณ แต่หากเขาไม่ต่อสู้ เขาต้องยอมแพ้ต่อวังมังกรงั้นหรือ?

เป็นไปไม่ได้!

 ทะเลปราณ สิ่งที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงความจริงใจของวังสวรรค์  ราชันมังกรกล่าว  ต่อไปเราจะพูดคุยเกี่ยวกับธุรกรรมของเราที่เกี่ยวข้องกับวังมังกร ปีศาจฟางหยวนเจ้าเล่ห์เกินไป เขาจ่ายราคามหาศาลเพื่อทำให้เจ้าขัดขวางพวกเรา มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ดี แต่เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด มันน่าขันที่เขาคิดว่าเขาสามารถล้อเล่นกับผู้อมตะระดับแปด 

ราชันมังกรกล่าวอย่างเคร่งขรึม  ทรัพยากรใดๆที่เขามอบให้เจ้า วังสวรรค์สามารถให้เจ้าได้มากกว่า! นอกจากนี้ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้าเคลื่อนไหว ข้าต้องการให้เจ้าเฝ้ามองอยู่ด้านข้าง 

 โอ้ งั้นหรือ?  ฟางหยวนแสร้างตกตะลึงเล็กน้อย

 แน่นอน!  ราชันมังกรกล่าวด้วยความมั่นใจ

 ผู้อาวุโสทะเลปราณ  สองผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกต้องการแทรกแซงแต่ฟางหยวนโบกมือหยุดพวกเขา

ฟางหยวนมองราชันมังกรและเผยรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย  ราชันมังกร ฟางหยวนมอบมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าให้ข้า 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท