เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1843 การเสียสละ

บทที่ 1843 การเสียสละ

บทที่ 1843 การเสียสละ

อู๋ส่วยกลายเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาสามารถทําลายแรงกดดันทั้งหมด เขายังพบโอกาสที่จะเอาชนะวังสวรรค์ นั่นคือการหยิบยืมความแข็งแกร่งของเทพปีศาจบัวแดง

หลังจากพูดคุยกับเหลียง อู๋ส่วยเปลี่ยนกลยุทธ์ เขากดตนเองให้ต่ําและทําตัวเหมือนก่อนหน้า

แรกเริ่มเมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปด สมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรรู้สึกตื่นเต้นมาก หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับแปดสามารถช่วยเหลือพวกเขา

อย่างไรก็ตามตอนนี้อู๋ส่วยกลับเริ่มเข้าหาวังสวรรค์และสิบนิกายโบราณ ทําให้สมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรหลายคนไม่เข้าใจ

อู๋ส่วยพยายามอย่างมากที่จะแสดงทัศนคติที่สํานึกผิด เขาค่อยๆได้รับความไว้วางใจและความโปรดปรานจากสิบนิกายโบราณมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจงใจเข้าหาวังสวรรค์และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขา

ในความเป็นจริงเขายังทุ่มทุนสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะให้กับวังสวรรค์อีกด้วย

สําหรับความขัดแย้งระหว่างเผ่ามนุษย์กับเผ่ามนุษย์มังกร เขาเปลี่ยนจุดยืนเช่นกัน เขาปราบปรามเผ่ามนุษย์ มังกรและปกป้องผลประโยชน์ของมนุษย์

ผ่านไปหนึ่งร้อยปี แม้อู๋ส่วยจะประสบความสําเร็จ แต่เขาก็ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากวงสวรรค์

 ข้าควรทําอย่างไร?  อู๋ส่วยปรึกษากู้เหลียง

กู้เหลียงกล่ว  เจ้าเป็นมนุษย์มังกร ขณะที่วังสวรรค์ดูถูกมนุษย์กลายพันธุ์จากส่วนลึกของหัวใจ ความหวังเดียวของเราคือราชันมังกร เราต้องใช้ประโยชน์จากเขา 

 ข้าจะได้รับความไว้วางใจจากบรรพชนราชันมังกรได้อย่างไร? ความประทับใจที่เขามีต่อข้าคือ…  อู๋ส่วย เผยรอยยิ้มขมขึ้นและส่ายศีรษะ

กู้เหลียงมองอู๋ส่วยอย่างจริงจัง  มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสามารถเสียสละหรือไม่? 

อู๋ส่วยตอบอย่างไม่ลังเล  ข้าทําเพื่อเผ่ามนุษย์มังกรมาตลอด แล้วข้าจะไม่สามารถเสียสละได้อย่างไร? 

 ดี  กู้เหลียงป้องหมัดขึ้น  มีเพียงคนเช่นเจ้าที่สามารถทําสิ่งที่ยิ่งใหญ่! 

กู้เหลียงบอกแผนการของเขาแต่อู๋ส่วยลังเลเพราะเหลียงบอกให้เขาเสียสละฮวงเว่ย!

ฮวงเว่ยเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ติดตามอู่ส่วยมาตั้งแต่เด็ก เขาทํางานหนักเพื่อพัฒนาเกาะดอกไม้แดนใต้และภักดีต่ออู๋ส่วยมาตลอด

กู้เหลียงกระตุ้น  ทุกคนรู้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับฮวงเว่ย เราจะสร้างสถานการณ์ที่เจ้าต้องตัดสินใจ หากเจ้าปกป้องผลประโยชน์ของมนุษย์และเสียสละฮวงเว่ย ราชันมังกรจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเจ้าอย่างแน่นอน 

 แต่…เจ้ากําลังบอกให้ข้าสังหารแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า เขาเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุดและเขาก็ยกย่องข้ามากที่สุด…  อู๋ส่วยรู้สึกไม่เต็มใจ

 ข้าเชื่อว่าฮวงเว่ยจะเข้าใจการเสียสละของเขา เขาจะทํามันอย่างแน่นอน เขากล่าวถูกต้องหรือไม่?  กู้เหลียงกล่าว

อู๋ส่วยถอนหายใจขณะที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง  ข้ารู้จักฮวงเว่ยเหมือนที่ข้ารู้จักตนเอง หากเขารู้ว่านั่นเป็นแผนการของข้า เขาจะเสียสละตนเองอย่างแน่นอน 

 ไม่!  กู้เหลียงกล่าวแทรก  แผนนี้สําคัญเกินไป ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าใดยิ่งปลอดภัย ควรมีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่รู้ สหาย เจ้าต้องรู้ว่าแม้แต่คนตายก็ยังสามารถถูกสอบสวนเพื่อหาหลักฐาน เราไม่สามารถบอกแผนการของเรากับฮวงเว่ย 

 นี่…  อู๋ส่วยปิดเปลือกตาและส่ายศีรษะ  ขอข้าคิดดูก่อน ให้เวลาข้าคิด… 

เขาลังเลอยู่ครึ่งปีก่อนจะตัดสินใจในที่สุด

ระหว่างฮวงเว่ยกับเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมด อย่างหลังส่าคัญกว่า

อู๋ส่วยและกู้เหลียงวางแผนกันอย่างลับๆ พวกเขาสร้างความขัดแย้งและสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์เพื่อรวบรวมหลักฐานในการกล่าวหาฮวงเว่ย

หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น มันได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้คนของภาคกลาง

ฮวงเว่ยกรีดร้องอย่างไร้เดียงสา  ข้าไม่ได้ทํา พี่ใหญ่ ท่านรู้จักข้า ข้าจะทําเช่นนั้นได้อย่างไร? 

อู๋ส่วยปกป้องฮวงเว่ยในตอนแรก แต่เมื่อหลักฐานถูกเปิดเผยมากขึ้น เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรักษาความยุติธรรมและลงโทษประหารฮวงเว่ย

เรื่องนี้ทําให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เผ่ามนุษย์มังกรโกรธอู๋ส่วยมาก มนุษย์มังกรจํานวนมากเริ่มย้ายออกจากเกาะดอกไม้แดนใต้

สิบนิกายโบราณยกย่องอู่ส่วยเป็นอย่างมาก กระทั่งราชันมังกรยังพยักหน้าสรรเสริญ  เขาเติบโตขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้ามีความสุขมาก 

อู๋ส่วยได้รับความไว้วางใจจากราชันมังกรหลังจากเรื่องนี้

แต่หัวใจของอู๋ส่วยกลับว่างเปล่า

ก่อนการประหารชีวิตฮวงเว่ย ค่ากล่าวสุดท้ายของฮวงเว่ยยังติดอยู่ในหัวใจของอู๋ส่วย

 พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยเสียใจที่ติดตามท่าน! หากท่านต้องการประหารข้า ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ข้าก็ยินดี! แต่พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทําเรื่องนี้ ท่านต้องระวังผู้อมตะเผ่ามนุษย์เหล่านั้นให้มาก พวกเขาพยายามหลอกลวงท่าน หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้ทําเรื่องที่ผิดต่อท่านเพราะพวกเขาเปลี่ยนกลยุทธ์แล้ว พวกเขากล่าวหาข้าและต้องการก่าจัดข้า พวกเขาจะค่อยๆตัดมือตัดเท่ของท่าน 

 พี่ใหญ่ ข้าไม่สามารถเฝ้ามองอนาคตของเผ่ามนุษย์มังกร หลังจากข้าตาย ข้าหวังว่าท่านจะสานต่อความฝันนี้ เผ่ามนุษย์มังกรจะไม่ประสบความสําเร็จหากปราศจากท่าน! 

ฮวงเว่ยคุกเข่าอยู่บนพื้นและร่ําไห้ขณะกล่าวถ้อยคําเหล่านี้ ทุกประโยคของฮวงเว่ยทําให้อู่ส่วยรู้สึกราวกับถูกมีดทิ้งแทงไปที่หัวใจของเขา

อู๋ส่วยเกือบสูญเสียการควบคุมตนเองและต้องการบอกความจริงกับฮวงเว่ยว่าคนที่ใส่ร้ายเขาก็คือพี่ใหญ่ที่เขารักที่สุดผู้นี้!

อู๋ส่วยต้องการคุกเข่าขอโทษฮวงเว่ย แต่สุดท้ายเขาก็ยังสามารถควบคุมตนเอง

เขากล่าวเสียงเย็น  ฮวงเว่ย เจ้าก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่และสังหารผู้คน เจ้ายังปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดบาปของตนแม้แต่ตอนนี้ เห้อ…ข้ารู้สึกผิดหวังนัก ข้ารู้สึกเจ็บปวดจริงๆ 

แต่เมื่อกล่าวได้เพียงครึ่งประโยค อู๋ส่วยกลับเริ่มหลั่งน้ําตา น้ําเสียงของเขากลายเป็นสั่นเทา

เขาไม่กล้ามองหน้าฮวงเว่ยและรีบหันหลังกลับทันที

 พี่ใหญ่!  ฮวงเว่ยมองอู๋ส่วยที่กําลังจะจากไปและตะโกน  พี่ใหญ่ ให้ข้าเรียกท่านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ข้าจะตาย! อย่าลืมความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเผ่ามนุษย์มังกร! 

อู๋ส่วยเร่งเดินจากไป เขาต้องการหลบหนีไปจากจุดนี้

ผู้อมตะหลายคนมาดูการประหารชีวิตฮวงเว่ยแต่อู๋ส่วยไม่ได้อยู่ที่นั่น

คืนนั้นเขาฝัน

ในความฝันเขาเห็นฮวงเว่ยกําลังชี้นิ้วมาที่เขาและดุเขาเสียงดัง

อู๋ส่วยบอกความจริงกับเขา

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ฮวงเว่ยเริ่มร้องไห้และคุกเข่าลงบนพื้น  พี่ใหญ่ ท่านทํางานหนักเกินไป ข้าโง่เขลาเกินไป ขากล่าวโทษท่าน เพื่อผลประโยชน์ของเผ่ามนุษย์มังกร ท่านต้องแบกรักภาระและเสียสละ ข้ายินดีที่จะเสียสละตนเองเช่นกัน! 

อู๋ส่วยรีบประคองฮวงเว่ยให้ลุกขึ้น  น้องเล็ก ข้าดีใจที่เจ้าเข้าใจข้า! 

หลังจากตื่นนอน อู๋ส่วยยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า

เขาไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียงทันที เขานอนมองเพดาน รอยยิ้มของเขาจางหายไป แต่น้ําตากลับเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขา

การเสียชีวิตของฮวงเว่ยท่าให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ เกาะดอกไม้แดนใต้ตกสู่ความสับสน ขวัญกําลังใจของสมาชิกเผ่ามนุษย์มังกรตกต่ําลง พวกเขารู้สึกผิดหวังในตัวอู๋ส่วย

แต่อู๋ส่วยกลับสามารถเข้าออกวังสวรรค์

นี่เป็นความก้าวหน้าครั้งสําคัญ

เมื่อวังสวรรค์ต้องการสร้างประตูสวรรค์กลาง

อู๋ส่วยรีบคว้าโอกาสนี้และรายงานราชันมังกรว่าเขาเต็มใจบริจาควังมังกรของเขา

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาวังมังกรยังเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด

อู๋ส่วยพิจารณาเรื่องนี้อยู่เป็นเวลานาน การสูญเสียวังมังกรไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อีกครั้งในอนาคต สิ่งสําคัญที่สุดคือวิญญาณชะตากรรม

แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของราชันมังกรกลับไม่เป็นไปตามความคาดหวังของอู๋ส่วย ราชันมังกรกล่าว  อู๋ส่วย ข้ามีความสุขมากที่เจ้ายินดีทําเช่นนี้ แต่ประตูสวรรค์กลางเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ขณะที่วังมังกรของเจ้าเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส มันไม่เหมาะสม นอกจากนี้ด้วยรากฐาน ของวังสวรรค์ เราไมต้องการความมั่งคั่งของเจ้า 

อู๋ส่วยถอยหายใจ  ท่านปู่ เมื่อข้ายังเด็ก ข้ายโสเกินไป ข้าทําสิ่งเลวร้ายมามาก ตอนนี้ข้าสํานึกผิดแล้ว ข้าต้องการชดเชยความผิดของตนเอง โปรดให้โอกาสข้า ข้าจะไม่ทําให้ท่านผิดหวัง! 

ราชันมังกรหัวเราะ  เอาล่ะ เจ้ากับพ่อของเจ้าจะรับผิดชอบในการสร้างประตูสวรรค์กลาง 

อู๋ส่วยดีใจมาก  ขอบคุณท่าน!! 

การสร้างประตูสวรรค์กลางต้องใช้ทรัพยากรจํานวนมาก กู้เหลียงมาหาอู๋ส่วยเพื่อช่วยเขา

เขากล่าวกับอู๋ส่วย  วังสวรรค์มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ พวกเขาต้องการสร้างประตูสวรรค์กลาง แต่นี่เป็นโอกาสที่ดี เราสามารถใช้มันเพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม 

อู๋ส่วยทํางานอย่างหนักเพื่อสร้างประตูสวรรค์กลาง

เผ่ามนุษย์มังกรไม่พอใจและเริ่มดด่าเขามากขึ้น พวกเขากระทั้งเรียกอู๋ส่วยว่าคนทรยศของเผ่ามนุษย์มังกร

แม้แต่พ่อของอู๋ส่วยยังเย็นชากับเขา

อู๋ส่วยอดทนต่อความเข้าใจผิดเหล่านี้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างประตูสวรรค์กลาง

การสร้างประตูสวรรค์กลางไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะเมื่อมันอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของวังสวรรค์

ระหว่างที่เขากําลังทํางานอย่างหนัก อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น

พ่อของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนตาย เขาเรียกอู๋ส่วยไปพบ

 ข้าพบวิญญาณชะตากรรม บุตรของข้า ข้าได้รับการเปิดเผยจากวิญญาณชะตากรรม เผ่ามนุษย์มังกรของเราจะปกครองโลก!  พ่อของอู๋ส่วยตื่นเต้นมาก เขาจับมือของอู๋ส่วยเอาไว้อย่างแน่นหนา

 อันใด!?  อู๋ส่วยตกใจมาก  เกิดสิ่งใดขึ้น? ท่านพ่อ! 

พ่อของเขาอธิบาย  ข้าค้นพบเรื่องนี้โดยบังเอิญ แต่ข้าตั้งใจปิดบังมันโดยการจงใจทําให้เกิดความผิดพลาด ในการสร้างประตูสวรรค์และได้รับฟันเฟืองเพื่อใช้มันเป็นข้ออ้างออกมาจากวังสวรรค์ 

 เผ่ามนุษย์มังกรจะปกครองโลก! บุตรของข้า เผ่ามนุษย์มังกรของเราถูกสวรรค์กําหนดให้เข้าแทนที่เผ่ามนุษย์ นี่คือการเปิดเผยของวิญญาณชะตากรรม!  พ่อของอู๋ส่วยกล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก  เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? กระจายข่าวนี้ออกไปทั่วโลก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มังกรจะตื่นเต้นกับมันมาก! 

 ท่านพ่อ ท่านควรพักผ่อน ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง  อู๋ส่วยรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน

หลังจากนั้นเขาก็ไปพบกู้เหลียง

อู๋ส่วยกับกู้เหลียงร่วมงานกันมานาน ตอนนี้อู๋ส่วยรู้แล้วว่ากู้เหลี่ยงไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์

เมื่อได้ยินคําบอกเล่าของอู๋ส่วย กู้เหลียงตกใจมาก แต่หลังจากสามารถตอบสนอง เขาเข้าใจความลังเลของอู๋ส่วยทันที

 อู๋ส่วย เจ้าไม่ควรประกาศข่าวนี้และรวบรวมมนุษย์มังกร หากวังสวรรค์รู้เรื่องนี้ พวกเขาจะกําจัดเผ่ามนุษย์มังกรทั้งหมดบนโลกใบนี้อย่างแน่นอน 

 เราต้องหลอกวังสวรรค์ต่อไปและทําให้พวกเขาคิดว่าความลับนี้ยังปลอดภัย 

 การกระท่าของพ่อเจ้าผิดปกติเกินไป พวกเขาจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน 

 กู้เหลียง เจ้ารู้จักข้าดี นั่นทําให้ข้ารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  อู๋ส่วยถอนหายใจ  เราควรทําอย่างไร? 

กู้เหลียงลังเลแต่เขายังเปิดปากกล่าว  เจ้าคิดวิธีแก้ปัญหาไว้แล้วใช่หรือไม่? ในสถานการณ์นี้ ด้วยการสังเวยบิดาของเจ้าและแสงให้เขาเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บ เราจะรอดพ้นจากวิกฤตนี้ 

อู๋ส่วยหน้าซีด เขาส่ายศีรษะ  เจ้าต้องการให้ข้าฆ่าพ่อของตนเองงั้นหรือ? ไม่ ข้าจะไม่ทํามัน! 

 เจ้าไม่ทําได้งั้นหรือ? หากวังสวรรค์รู้เรื่องนี้ เผ่ามนุษย์มังกรของเจ้าจะถูกทําลายล้าง  กู้เหลียงถอนหายใจ  ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าเหตุใดบรรพชนราชันมังกรของเจ้าจึงปฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์มังกรเช่นนี้ วังสวรรค์ต้องรู้เรื่องนี้มานานแล้ว 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท