เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1857 มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

บทที่ 1857 มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1857 มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

 ปัง! 

ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง ฟางกงทุบโต๊ะและยืนขึ้นด้วยความโกรธ  ซวนปัจน เจ้าคนโลภมาก! เขากล้าเรียกร้องมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาคิดว่าตนเองเป็นผู้ใด? เขาเป็นเพียงผู้บ่ม เพาะสันโดษระดับเจ็ด เขากล้ารีดไถตระกูลฟางของข้า! เขาสมควรตาย! เราต้องฆ่าเขา! 

ฟางกงเต็มไปด้วยความโกรธหลังจากได้รับรายงาน

ฟางตี้เฉิงกล่าว  ซวนปัจนมีทักษะบางอย่าง การตัดสินใจรับสมัครซวนปู่จินของเราคือการรับมือกับสถานการณ์ในเวลานั้น ซวนปัจนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขามีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม เขาเลือกช่วงเวลานี้ ร้องขอมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธเขาได้โดยง่าย

 เจ้าจะมอบมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมให้เขางั้นหรือ? นั่นคือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์!  ดวงตาของฟางกงเบิกกว้าง

ฟางที่เฉิงเผยรอยยิ้มขมขึ้น  หากเราไม่ให้เขา เขาจะไม่ทํางาน แล้วเราจะทําอย่างไรกับเขา? ถูกต้อง ตอนนี้เขาอยู่ในฐานทัพของเรา เราอาจกําจัดเขาได้หากเราโจมตีเขาพร้อมกัน แต่หลังจากฆ่าเขา แล้วอย่างไร? หากปราศจากความช่วยเหลือจากเขา การปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์จะยิ่งยากลําบากและใช้เวลานานมาก ปัจจุบันตระกูลฟางของเรากําลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากทุกทิศทาง กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อไม่นานมานี้! 

นี้เป็นผลงานของฟางหยวน เขาส่งแม่ทัพมังกรออกมาโจมตีแหล่งทรัพยากรของตระกูลฟางแต่พวกเขาไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ทุกคนคิดว่านี่เป็นฝีมือกองกําลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตกหรืออาจเป็นได้กระทั่งวังสวรรค์

ฟางกงเงียบ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง เขาสามารถสงบจิตใจได้ในที่สุด

ในสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฟาง พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จิน หากพวกเขาสามารถควบคุมวงเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งหมด

ซวนปู่จินเป็นกุญแจสําคัญสําหรับตระกูลฟางที่จะก้าวข้ามสถานการณ์นี้

 สมกับเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาขอลาออกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฮ่าฮ่า ซวนปัจนมีทั้งความกล้าและความสามารถบางอย่างจริงๆ  ฟางกงเผยรอยยิ้มเย็นชา

ฟางตี้เฉิงรู้จักฟางกงเป็นอย่างดีและเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายตกลง

แน่นอนว่าเมื่อสถานการณ์นี้ผ่านพ้นไป ฟางกงจะตอบแทนซวนปู่จินอย่างเหมาะสม

ฟางตี้เฉิงยิ้ม  แท้จริงแล้วคําร้องขอของซวนปู่จีนสมเหตุสมผล เขาไม่ได้ร้องขอมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าและไม่ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเรา หากเขากล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ เราจะ อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างแท้จริง 

รากฐานของตระกูลฟางไม่ใช่เส้นทางแห่งการโจรกรรม

มันไม่เคยเป็น

เส้นทางแห่งการโจรกรรมเป็นเพียงผลประโยชน์เล็กๆที่ตระกูลฟางบังเอิญได้รับมาจากปีศาจต่างโลกเท่านั้น

หลายปีที่ผ่านมา ตระกูลฟางค้นคว้าเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์จนถึงขีดจํากัดของพวกเขาแล้ว

ฟางตี้เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม  ซวนปู่จินมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา พิจารณาเพียงคําขอของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกเวลาได้ดีและร้องขอผลประโยชน์ได้ถึงขีดจํากัดที่พวกเราจะสามารถยอมรับได้ มันไม่ง่ายเลยที่จะทําสิ่งนี้ให้สําเร็จ 

ฟางกงหัวเราะ  ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนเจ้าจะชื่นชมเขาไม่น้อย 

ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายขึ้น  พรสวรรค์ก็คือพรสวรรค์ ข้าจะดูแคลนเขาเพราะอคติของตัวข้าเองได้อย่างไร? หากคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ทํางานให้กับตระกูลของเรา มันย่อมเป็นสิ่งที่ดี 

ฟางกงหรี่ตา  มันไม่ง่ายเลยที่คนเช่นซวนปู่จินจะยอมจํานนและภักดีต่อตระกูลของเรา 

หลังจากการหารือของสองผู้อาวุโสสูงสุด ตระกูลฟางตัดสินใจมอบมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ให้ฟางหยวน

ฟางหยวนได้รับเนื้อหาของมรดกที่แท้จริงดังกล่าว

มันเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะขโมยเต่

ย้อนกลับไปในยุคของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาสามารถสร้างเส้นทางแห่งการโจรกรรมเพราะท่าไม้ตายนี้

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าไม้ตายที่สําคัญมาก มันเป็นต้นกําเนิดของเส้นทางแห่งการโจรกรรม!

ฟางหยวนตกตะลึงเมื่อเห็นมันเป็นครั้งแรก

มรดกนี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของท่าไม้ตายอมตะขโมยเต่า มันไม่ใช่การขโมยสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิต แต่มันเป็นการขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

นอกจากนี้มันยังมีบางสิ่งที่ทําให้ฟางหยวนแทบน้ําลายไหลด้วยความปรารถนาเมื่อคิดถึงมัน

นั่นคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะรังโจรระดับแปดที่สามารถขโมยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

 ข้าเป็นปรมาจารณ์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมขณะที่ตระกูลฟางไม่มีความสําเร็จด้านนี้ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังสามารถสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์และใช้ท่าไม้ตายอมตะขโมยเต๋า

 แม้พวกเขาจะมีความคิดสร้างสรรค์ แต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับต้นฉบับ

 หากข้าลองสร้างสิ่งนี้ มันจะต่างออกไป! 

ฟางหยวนถูกล่อลวง

การร้องขอเนื้อหาของมรดกนี้คือขีดจํากัดของฟางหยวน เขาตระหนักถึงมันเป็นอย่างดี หากเขาขอวิญญาณอมตะขโมยเต๋า ตระกูลฟางจะปฏิเสธ นอกจากนี้พวกเขายังจะจดจําเรื่องนี้เอาไว้และคิดบัญชีกับฟางหยวนในภายหลัง

สิ่งสําคัญก็คือข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา หากข้าให้ความสนใจเส้นทางแห่งการโจรกรรมมากเกินไป มันจะน่าสงสัย

 ฟางตี้เฉิงไม่มีข้อสงสัยในครั้งนี้เพราะข้าทําทุกสิ่งอย่างถูกต้อง ก่อนหน้านี้ข้าเคยใช้วิธีขโมยวิญญาณอมตะ จากนั้นข้ายังใช้ความเข้าใจจากมันเพื่อสังหารหว่านเหลียงฮัน สิ่งเหล่านี้ประทับอยู่ในใจของคนตระกูลฟาง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

 แต่นี่เป็นเนื้อหาทั้งหมดจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์หรือไม่? ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้

 หากข้าขโมยมันมาโดยตรงจะเป็นอย่างไร?  ฟางหยวนคิด

มันไม่ยากสําหรับเขาที่จะจัดการตระกูลฟาง แม้ฟางกงจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่คนผู้นี้ยังด้อยกว่าราชันมังกรรวมถึงฟางหยวน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะฟางกงได้อย่างเด็ดขาด หลังจากทั้งหมดฟางกงเคยปราบปรามเฉินอี้มาแล้ว นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟางมีหลายสิ่งที่ฟางหยวนไม่รู้

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือหากตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย กองกําลังฝ่ายธรรมะของทะเลทรายตะวันตกจะมีเหตุผลที่สมบูรณ์แบบในการจัดการตระกูลฟาง ขณะเดียวกันวังสวรรค์ก็จะไม่นิ่งเฉยเช่นกัน

ฟางหยวนไตร่ตรองก่อนจะตัดสินใจช่วยฟางที่เฉิงและรักษาเสถียรภาพเอาไว้

นี้เป็นแผลการที่เหมาะสมที่สุด

หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ซวนปู่จนเลิกคร่ําครวญเกี่ยวกับความเหน็ดเหนื่อย เขายังทุ่มเทความพยายามกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เช่นเดิม อย่างน้อยก็ในมุมมองของคนตระกูลฟาง

ความคืบหน้าในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ล้าช้ามากแต่การสะสมเหล่านี้ค่อยๆทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ตอนนี้ประตูวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกเปิดออกแล้วขณะที่ผู้อมตะสามารถเข้าไปภายใน

สมาชิกตระกูลฟางรู้สึกตื่นเต้นมากกับเรื่องนี้ ฟางกงหัวเราะเสียงดังด้วยความยินดี

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นฟางตี้เฉิงกลับไม่มีความคืบหน้าอีก

 ดูเหมือนหลังจากนี้มันจะยากล่าบากมากขึ้น มันแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

 เราอาจต้องปรับเปลี่ยนค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาทั้งหมด  ฟางตี้เฉิงกล่าวกับฟางหยวน

ฟางหยวนพยักหน้า  แต่เราจะปรับเปลี่ยนมันอย่างไร? เห้อ…หากเรามีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ มันจะง่ายกว่ามาก ตอนนี้เราทําได้เพียงคาดเดาเหมือนคนตาบอด! 

ฟางตี้เฉิงเผยรอยยิ้มขมขึ้น  เราจะทําสิ่งใดได้อีกนอกจากการคาดเดา? 

ยิ่งฟางตี้เฉิงกับฟางหยวนค้นคว้าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งตระหนักถึงความยิ่งใหญ่และความเฉลียวฉลาดของเทพอมตะบัวสรรค์มากเท่านั้น

ฟางเฉิงคิดอย่างหนักแต่ก็ยังไม่พบทางออกที่ดี

ฟางหยวนมีความคิดมากมายแต่เขาไม่ได้กล่าวพวกมันออกมา

หากเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม มันจะมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

 การนั่งอยู่ที่นี่และพยายามคิดหาหนทางแก้ปัญหาด้วยความมึนงงไม่ใช่วิธีการของข้า ข้าจะท่องเที่ยวไปรอบๆและผ่อนคลายจิตใจ บางทีขาอาจได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างในกระบวนการนี้  ฟางหยวนหาข้ออ้างเพื่อออกไป

ฟางตี้เฉิงและฟางกงต้องการให้เขาอยู่ต่อแต่พวกเขายังต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จินในภายหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเขาไว้ในเวลานี้

ฟางหยวนออกจากตระกูลฟาง และเข้าสู่ทะเลทรายผีเขียวแต่ในความจริงเขาลอบสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันอย่างลับๆ

เขาได้รับอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งไม้มาจากการรีดไถกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้

ไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ช่วยเหลือพวกเขา แล้วอย่างไร ผู้ใดสน!

ไม่มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้ เขาก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้ด้วยตนเอง

วิธีแก้ปัญหาของฟางหยวนเรียบง่ายและตรงไปตรงมา

อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งไม้เหล่านี้ไม่ยาก ฟางหยวนสามารถคลี่คลายพวกมันได้อย่างง่ายดาย

เดิมที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งไม้ของฟางหยวนธรรมดามาก

แต่หลังจากสองสามวัน เขากลับกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งไม้

เมื่อถึงจุดนี้ ฟางหยวนเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมและวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งด้วยความมั่นใจที่เพิ่มสูงขึ้น

แรงบันดาลใจมากมายปรากฏขึ้นในใจของเขาและส่วนใหญ่มีความเป็นไปได้

 ดูเหมือนขาต้องดัดแปลงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

แต่เพื่อดัดแปลงท่าไม้ตายนี้ ข้าต้องมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ที่เหมาะสมซึ่งข้าไม่มีฟางหยวนลังเล

มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขาที่จะหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ ท่ายที่สุดเขาก็มีนิกายหลางหยา!

แต่หากเขาทําเช่นนั้นการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคจะหยุดลง

จากการค้นวิญญาณฟางเจิ้ง ฟางหยวนตระหนักถึงแผนการของฉันติงหลิง

เขาอนุมานได้ว่าวงสวรรค์ต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค แม้พวกเขาจะไม่ประสบความสําเร็จในการหลอมรวมส่วนใหญ่แต่พวกเขายังสามารถหลอมรวมบางสิ่ง

หากเขาเปลี่ยนแผนตอนนี้ มันก็หมายความว่าเขายอมแพ้ในการแข่งขันหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชค

แต่หากเขายังหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคต่อไป มันจะเป็นเรื่องยากสําหรับเขาที่จะก่าหราบวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ฟางหยวนมีลางสังหรณ์ที่คลุมเครือว่านี่เป็นโอกาสครั้งสําคัญ หากเขาเสียโอกาสนี้ไป ความหวังที่เขาจะได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ในภายหลังจะน้อยมาก

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท