เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1856 ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น

บทที่ 1856 ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1856 ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น

ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังใหญ่ตั้งตระหง่านราวกับภูเขาที่มีชีวิตชีวา

มันเป็นวังขนาดใหญ่โดที่งดงาม หน้าประตูทางเข้ามีแผ่นโลหะที่สลักไว้ด้วยค่าว่า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาขนาดใหญ่

หลังจากชั่วครู่ ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็หยุดทํางาน ผู้อมตะสองคนปรากฏตัวขึ้นจากภายใน

หนึ่งอยู่ในชุดคลุมสีเขียว เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดา ตอนนี้ใบหน้าของเขาขาวซีดและมีเหงื่อปกคลุมอยู่บนหน้าผาก เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิง

อีกหนึ่งอยู่ในชุดคลุมดํา เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างผอมสูงที่ดูหยิ่งผยองและมีผมงอกทิ้งตัวยาวลงไปด้านหลัง เขาคือตัวตนปลอมของฟางหยวนที่มีนามว่า ซวนปู่จิน

ฟางหยวนถอนหายใจ  วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ช่างน่าเหลือเชื่อนัก มันให้ความรู้สึกราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต มันเหมือนต้นไม้ยักษ์ขณะที่พวกเราเป็นเพียงหนอนแมลงสองตัวที่พยายามเจาะเข้าไป แต่เราแทบไม่สามารถทําสิ่งใดกับมัน 

 เป็นเช่นนั้นจริงๆ  ฟางเฉิงพยักหน้า  สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือเราทําลายกิ่งก้านของต้นไม้บางส่วนแต่พวกมันกลับสามารถงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง 

ฟางหยวนวิเคราะห์  นี่เป็นรูปแบบเฉพาะตัวของเทพอมตะบัวสวรรค์ตามบันทึก เขาเป็นเทพอมตะที่มีความสามารถในการฟื้นฟูสูงที่สุด มันเป็นแก่นแท้บนเส้นทางแห่งไม้ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง เราเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา มันยากสําหรับเราที่จะปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ เราควรเชิญผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งไม้หนึ่งหรือสองคนมาร่วงงานกับเรา 

ฟางเฉิงเผยรอยยิ้มขมขึ้น  เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้งั้นหรือ? น่าเสียดายที่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้หายากมากในทะเลทรายตะวันตก นอกจากนั้นหลังจากข่าวเกี่ยวกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รั่วไหลออกไป กองกําลังอื่นก็พยายามขัดขวางพวกเราในเรื่องนี้ 

 แน่นอนว่ามีกองกําลังที่ต้องการส่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้มาช่วยพวกเรา เจ้าเดาได้หรือไม่ว่าพวกเขาคือผู้ใด?  ฟางที่เฉิงถาม

ฟางหยวนตอบทันที  มันควรเป็นวังสวรรค์ถูกต้องหรือไม่? 

 ถูกต้อง มันคือวังสวรรค์! ราชันมังกรต้องการนําวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับไป เขายังกล่าวว่าพวกเขาจะลืมความขัดแย้งในอดีตและมอบทรัพยากรมากมายให้กับพวกเรา  ฟางเฉิงเผยรอยยิ้มเย็นชา

ทะเลทรายตะวันตกเป็นภูมิภาคที่มีความประนีประนอมมากที่สุด ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีประนีประนอมของราชันมังกร

เขากล่าว  วังสวรรค์พยายามใช้สถานการณ์ของทะเลทรายตะวันตกเพื่อบีบให้ตระกูลฟางของเรายอมจํานน ไม่ว่าพวกเขาจะมอบทรัพยากรใดให้กับพวกเรา แต่มันจะเปรียบเทียบกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ตราบเท่าที่เราสามารถใช้งานคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เราจะสามารถฉกชิงทรัพยากรทุกชนิดที่เราต้องการ

 ฮ่าฮ่าฮ่า  เสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านหลังซวนปู่จิน  น้องซวนปู่จินเจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว 

ผู้อมตะที่พึ่งมาถึงก็คือฟางกง

ฟางกงตบไหล่ฟางหยวนและกล่าว  น้องชายครั้งนี้ล่าบากเจ้าแล้ว เจ้าพึ่งมาถึง แต่เจ้ากลับต้องทํางานทันทีโดยไม่ได้หยุดพัก ตอนนี้ข้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าไว้แล้ว 

ฟางหยวนยิ้ม  ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง การปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้นสําหรับข้า นอกจากนี้ข้าก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของตระกูลฟาง แล้วข้าจะไม่ช่วยงานของตระกูลได้อย่างไร? 

แต่ในใจเขากลับคิดอีกอย่าง  ตระกูลฟางเผชิญหน้ากับแรงกดดันมากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขอให้ข้าช่วยปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วที่สุด ทัศนคติที่กระตือรือร้นของตระกูลฟางที่มีต่อข้าไม่ใช่เรื่องแปลก ดูเหมือนข้าควรใช้โอกาสนี้รีดไถพวกเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟางหยวนมีความคิดชั่วร้าย

ไม่เพียงเขาจะต้องการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังต้องการรับผลประโยชน์เพิ่มเติมจากตระกูล ฟาง

ตระกูลฟางโชคไม่ดีที่รับเขาเข้ามา ในชีวิตก่อนหน้า โดยปราศจากการแทรกแซงของฟางหยวน สถา นการณ์ของตระกูลฟางดีกว่านี้มาก พวกเขาสามารถแก้ปัญหาของตนเองแม้พวกเขาจะไม่ประสบความสําเร็จในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้ทันการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมก็ตาม

งานเลี้ยงและทัศนคติที่อบอุ่นของคนตระกูลฟางแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จินเป็นอย่างมาก

ฟางหยวนสัญญาว่าเขาจะทุ่มเทความพยามยามทั้งหมดเพื่อช่วยพวกเขา

ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างมีความสุข

หลายวันต่อมาฟางหยวนยังปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับฟางตี้เฉิง

อย่างไรก็ตามพวกเขายังพบปัญหามากมาย

แม้ข้าจะไม่ได้ใช้ความพยายามทั้งหมดแต่ข้าก็แสดงความสามารถตามมาตรฐานของผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญาออกไปแล้ว

 แต่ถึงกระนั้นความคืบหน้าในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ยังช้ามาก

ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ เขารู้สึกสงสารฟางตี้เฉิงแต่ก็ลอบมีความสุขเล็กน้อย

ฟางตี้เฉิงต้องใช้กําลังทั้งหมดของเขาในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้ง เขาไม่มีพลังงานเหลือพอที่จะต่อต้านแผนการของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามแม้ฟางหยวนจะเก็บความแข็งแกร่งส่วนหนึ่งเอาไว้ แต่เขายังรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

แน่นอนว่าฟางเฉิงที่ทุ่มเทความพยายามมากกว่าย่อมเหนื่อยมากกว่า

ตระกูลฟางมีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา พวกเขาพยายามใช้สิ่งนี้เพื่อปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

 นี่เป็นการปรับแต่งที่ทรงพลัง

 มันมีความหวังที่จะประสบความสําเร็จแต่พวกเขาก็ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

 มันจะง่ายกว่ามากหากพวกเราได้รับความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไม้ แน่นอนว่าหากข้าทุ่มเท ความพยายามทั้งหมด ผลลัพธ์ของมันจะดีกว่านี้

แต่ฟางหยวนไม่ทําเช่นนั้น

เขาจะหยุดเมื่อถึงจุดหนึ่งเสมอ

ฟางตี้เฉิงถาม  น้องชาย เจ้าได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ? มันร้ายแรงหรือไม่? ข้าเตรียมวิธีรักษาที่เหมาะสมไว้แล้ว

ฟางหยวนแสงไอ  ขอบคุณพี่ชายสําหรับความห่วงใย ข้าได้รับบาดเจ็บจริงๆ แต่มันไม่ร้ายแรง ข้าสามารถจัดการมันด้วยตัวข้าเอง มันเป็นเพียงว่า…ข้าต้องใช้พลังงานอมตะจํานวนมาก จิตใจของข้าก็เหนื่อยล้า ปริมาณงานมีมากเกินไป ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อใดที่พวกเราจะประสบความสําเร็จในการปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สําหรับตอนนี้ข้าทนไม่ไหวแล้ว 

ดวงตาของฟางที่เฉิงเบิกกว้างเล็กน้อย

ซวนปู่จินขอลาออกจากงาน!

พวกเขาพยายามอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน หากพวกเขาไม่ยืนกรานทําเรื่องนี้ต่อไป การทางานหนักทั้งหมด ที่ผ่านมาจะกลายเป็นสูญเปล่า

เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิงยิ่งกังวล

 น้องชาย!  ฟางตี้เฉิงยิ้ม  ตระกูลฟางของเราจะไม่ทําร้ายเจ้า เจ้าวางใจได้ 

ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง  พี่ชาย โปรดอย่าคิดว่าข้ากําลังพยายามบอกเลิก ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น! ข้าเชื่อ ในตระกูลฟาง การเข้าร่วมกับตระกูลฟางเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดของข้า ในเวลาเดียวกันความร่วมมือ ระหว่างเราก็ดําเนินมาเป็นเวลานานแล้ว เราต่อสู้เพื่อตั้งเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์มาด้วยกัน เรามีข้อตกลง ข้าไม่เคยลืม สิ่งเหล่านี้ 

ในฐานะปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางที่เฉิงเข้าใจความหมายของฟางหยวนทันที

เขาหัวเราะ  น้องชาย ข้าเข้าใจ ฮ่าฮ่า เรายังไม่ลืมข้อตกลง เจ้าช่วยตระกูลฟางของเราต่อสู้เพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลฟางของเราต้องมอบวิญญาณอมตะให้เจ้าแต่จนถึงตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น นี่เป็นความผิดพลาดของตระกูลฟางจริงๆ ข้าต้องขอโทษสําหรับเรื่องนี้ บอกข้าว่าเจ้าต้องการวิญญาณอมตะดวงใด ข้าจะรีบนํามันมาให้เจ้าอย่างรวดเร็วที่สุด 

 เห้อ…ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ท่านเข้าใจผิดแล้ว  ฟางหยวนกล่าว

 เข้าใจผิดงั้นหรือ? ข้าเข้าใจเจ้าผิดงั้นหรือ!?  ฟางเฉิงลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ

เขาเข้าใจบุคลิกของซวนปู่จิน คนผู้นี้จะไม่ทําสิ่งใดหากปราศจากผลประโยชน์!

ย้อนกลับไปเมื่อพวกเขาต่อสู้เพื่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ซวนปู่จินฉวยโอกาสยื่นข้อเสนอเพื่อรับวิญญาณอม

ตอนนี้เขากําลังจะทําเหมือนเดิมอีกครั้ง

ฟางตี้เฉิงต้องการตบศีรษะฟางหยวนที่โลภมากแต่เขาต้องบังคับตนเองให้สงบ

เขาไม่สามารถทําสิ่งใดกับเรื่องนี้ ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากซวนปู่จิน

ฟางเฉิงยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะมอบวิญญาณอมตะให้ฟางหยวนแต่ฟางหยวนยังปฏิเสธ

ฟางตี้เฉิงรู้สึกสังหรณ์ร้ายว่าซวนปู่จินจะมีแผนการใหญ่ซ่อนอยู่ หลังจากเจรจาหลายรอบ เขากล่าวออกมาโดยตรง  น้องชาย เพียงกล่าวความคิดของเจ้าออกมา 

ฟางหยวนตอบ  พี่ชาย โปรดอย่าดูถูกข้า ข้าเป็นสมาชิกของตระกูลฟาง ข้าจะเพิ่มปัญหาให้ตระกูลได้อย่างไร ข้าคือซวนปู่จิน ท่านคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร? การขอวิญญาณอมตะเป็นรางวัลทุกครั้งมากเกินไป ดังนั้น ข้ายินดีก้าวถอยหลัง ข้าไม่ต้องการรางวัลเป็นวิญญาณอมตะ 

ฟางที่เฉิงรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคํากล่าวต่อไปของฟางหยวน  หากท่านต้องการให้ข้ากล่าวตามตรง ข้าก็จะเปิดใจกับท่าน พี่ชาย เราเป็นฝ่ายเดียวกัน ฮ่าฮ่า ข้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดจากท่าน ข้าสนใจมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ข้าไม่ต้องการวิญญาณอมตะ ข้าเพียงต้องการเรียนรู้เนื้อหาของมรดกเท่านั้น หากพี่ชายคิดว่ามันมากเกินไป ท่านสามารถลืมมันไปซะ 

การแสดงออกของฟางตี้เฉิงเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องมองฟางหยวนและลอบสาปแช่งอยู่ภายใน ดังนั้นเป้าหมายของเจ้าก็คือมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์! ช่างกล้าหาญนัก! 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท