เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1861 ฟางกงเลิกสงสัย

บทที่ 1861 ฟางกงเลิกสงสัย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1861 ฟางกงเลิกสงสัย

ฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟาง

ฟางตี้เฉิงนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว

ผู้อมตะหนุ่มระดับหกผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างเตียง เขาคือฟางหยุน

ฟางหยุนเป็นบุตรบุญธรรมของฟางตี้เฉิง เขาโค้งคํานับด้วยความกังวล  ท่านพ่อ ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านต้องพักผ่อนให้เพียงพอ โปรดบอกข้าว่าข้าสามารถท่าสิ่งใดเพื่อท่าน 

ฟางหยุนไม่รู้ตัวเลยว่าพ่อที่อยู่ด้านหน้าเขาเป็นคนอื่น

ในความเป็นจริงฟางหยวนถือเป็นฆาตกรผู้สังหารบิดาของฟางหยุนแต่เขากลับปฏิบัติต่อศัตรูเหมือนบิดาของตนเอง

ฟางตี้เฉิงไอและโบกมือเบาๆ  หยุนเอ๋อ เจ้าไม่จําเป็นต้องทําสิ่งใด ข้าจะไม่รู้จักเจ้าได้อย่างไร ไม่จําเป็นต้องพูดมาก มานั่งนี่ 

ใบหน้าของฟางหยุนผ่อนคลายลง เขายักไหล่และนั่งลงข้างเตียง  ท่านพ่อ ท่านทําให้ข้าตกใจจริงๆ ข้าไม่คิดว่าท่านจะทําเรื่องใหญ่เช่นนี้ มันเสี่ยงมาก น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสซวนปู้จินเสียชีวิต 

ฟางหยุนค่อนข้างเศร้า

ฟางหยวนเคยช่วยชีวิตฟางหยุนในฐานะซวนปู้จิน ฟางหยุนจดจําเรื่องนี้เอาไว้ในใจมาตลอดและให้ความสำคัญกับซวนปู้จินเสมอ

ครั้งนี้ฟางตี้เฉิงไม่ได้บอกความจริงเกี่ยวกับแผนการของเขากับฟางหยุน คนที่รู้แผนการนี้มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สามเท่านั้น

แผนการครั้งนี้ไม่ควรมีคนรู้มากเกินไปโดยเฉพาะฟางหยุน

ซวนปู้จินมีความใกล้ชิดกับฟางหยุน เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ชาญฉลาด เขาอาจตระหนักถึงแผนการทั้งหมดผ่านฟางหยุน

ฟางตี้เฉิงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด

ฟางตี้เฉิงไม่ได้ทําพลาด เขาประเมินซวนปู้จินไว้สูงมากแล้ว แต่เมื่อเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของซวนปู้จิน เขาก็ตระหนักว่าเขาประเมินฟางหยวนต่ําเกินไป

ในความเป็นจริงไม่เพียงฟางตี้เฉิง กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยและผู้อมตะทั้งโลกก็ประเมินฟางหยวนต่ําเกินไป พวกเขายังคิดว่าฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด

ฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับแปดมานานแล้ว เขากระทั่งใช้ตัวตนปลอมบรรพชนทะเลปราณเพื่อรับมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะแรกกําเนิดจากราชันมังกร

ฟางตี้เฉิงเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด คฤหาสน์วิญญาณอมตะและค่ายกลวิญญาณอมตะที่เขาพึ่งพาถูกมองทะลุอย่างสมบูรณ์โดยฟางหยวน

ฟางตี้เฉิงปฏิบัติต่อชวนปัจนราวกับจระเข้แต่เขาไม่เคยคิดว่ามังกรที่ชั่วร้ายจะซ่อนตัวอยู่ภายใต้หนังจระเข้

ดังนั้นเขาจึงถูกบดขยี้ เขาทําพลาดครั้งใหญ่จนไม่สามารถหวนกลับ

 หยุนเอ๋อ ยื่นมือมา  ฟางตี้เฉิงกล่าว

ฟางหยุนงุนงงแต่เขายังยื่นมือออกไป

ฟางตี้เฉิงวางวิญญาณอมตะสามดวงไว้ในมือของฟางหยุน

 ท่านพ่อ ท่านทําสิ่งใด?  ฟางหยุนตกใจ

 ข้าจะมอบมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของขาให้เจ้า 

ฟางหยุนมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว  แต่ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเมฆา ไม่ใช่เส้นทางแห่งปัญญา ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนอนุญาตให้ข้าบ่มเพาะเส้นทางแห่งเมฆาเช่นนั้นหรือ? 

ฟางตี้เฉิงพยักหน้า  ข้าอนุญาตให้เจ้าบ่มเพาะเส้นทางแห่งเมฆาเพราะเจ้ามีบุคคลิกที่เหมาะสมกับเส้นทางสายนี้ แต่เส้นทางแห่งเมฆาเป็นเส้นทางสายเล็กๆ มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเส้นทางแห่งปัญญา 

 สิ่งสําคัญที่สุด เหตุการณ์ครั้งนี้ทําให้ข้าตั้งค่าถามกับตนเอง ความตายของซวนปู้จินเป็นสิ่งเตือนใจข้า ข้าต้องมองหาผู้สืบทอดบนเส้นทางแห่งปัญญาให้กับตระกูล หากบางสิ่งเกิดขึ้นกับข้า คนผู้นั้นจะเข้ามาแทนที่ข้า 

 ท่านพ่อ อย่ากล่าวเช่นนี้  ฟางหยุนเร่งกล่าว

 ชีวิตไม่แน่นอน อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ชีวิตเต็มไปด้วยสิ่งที่คาดไม่ถึง ตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องนอนอยู่บนเตียง นี่เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยคิดมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็รู้สถานการณ์ของตระกูลฟาง ข้าต้องเตรียมพร้อมส่าหรับอนาคต  ฟางตี้เฉิงกล่าวด้วยน้ําเสียงที่จริงจังและจริงใจ

ฟางหยุนพยักหน้า  ท่านพ่อกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา 

ฟางตี้เฉิงส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม  เจ้าเป็นบุตรชายของข้า ในฐานะบิดา ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เหมาะกับเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งเมฆาเหมาะสมกับเจ้ามากที่สุด ข้ากําลังวางแผนเพื่อตระกูล แต่ข้าจะไม่มองข้ามเจ้า ดังนั้น ข้าต้องมอบมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าให้เจ้าเป็นคนแรก แต่เจ้าไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้ามีรากฐานบนเส้นทางแห่งเมฆาอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากและเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ หากเจ้าเปลี่ยนเส้นทางตอนนี้ 

 เจ้าเพียงเก็บมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าเอาไว้ ในอนาคตหากไม่มีทางเลือก เจ้าสามารถเปลี่ยนมาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา หากข้าจากไปในวันหนึ่ง เจ้าสามารถเลือกผู้สืบทอดที่เหมาะสมเพื่อส่งต่อมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้า เจ้าเข้าใจหรือไม่? 

 ท่านพ่อ ท่านฉลาดมาก ขาเข้าใจแล้ว!  ฟางหยุนหัวเราะ เขารู้สึกผ่อนคลายลงทันทีที่รู้ว่าตนเองไม่ต้องบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา

 ไปเถอะ เจ้าเด็กเหลือขอ พ่อต้องการพักผ่อน ทําความคุ้นเคยกับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาทั้งสามดวงเป็นอันดับแรก  ฟางตี้เฉิงโบกมือ

 เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อน  ฟางหยุนจากไปอย่างรวดเร็ว

มีเพียงร่างแยกของฟางหยวนเท่านั้นที่เหลืออยู่ในห้อง

เขาปิดเปลือกตาลงและไตร่ตรอง ร่างกายของข้าเป็นของฟางตี้เฉิง มันไม่มีข้อบกพร่องในแง่ของเลือด ฟางตี้เฉิงยังไม่ตาย ดวงวิญญาณของเขาอยู่กับร่างหลักของข้า ดังนั้นป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ดวงวิญญาณของข้าสามารถผสานตัวเข้ากับร่างกายได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อบกพร่อง 

‘อย่างไรก็ตามเพียงสิ่งเหล่านี้ยังไม่พอ’

ร่างแยกฟางตี้เฉิงของฟางหยวนคิดถึงฟางกง

แม้ฟางหยวนจะไม่คุ้นเคยกับฟางกงมากนักแต่เขาเข้าใจธรรมชาติของฟางกง

ภายนอกฟางกงอาจดูกล้าหาญ เลือดร้อน และไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย แต่ในความจริงภายใต้ความเดือดร้อนของเขา เขามีไหวพริบและระวังตัวมาก

เรื่องนี้เห็นได้ชัดจากแผนการต่อต้านเฉินอี้

เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ เขาซ่อนระดับการบ่มเพาะและปลอมตัวเป็นผู้อมตะทั่วไป เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาระเบิดพลังออกมาและโจมตีเฉินอี้อย่างรุนแรง นั่นทําให้เฉินอี้ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่

ฟางหยวนรู้ว่าการหลอกลวงคนประเภทนี้ไม่สามารถพึ่งพาเพียงคําว่าไม่พบข้อบกพร่องที่สามารถพบได้

เขาต้องแสดงละครฉากใหญ่

 โอ้ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองมอบมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาให้ฟางหยุนงั้นหรือ?  ฟางกงได้รับข่าวนี้ในไม่ช้า

คนที่รายงานข่าวคือหลานชายในสายเลือดของเขา ฟางเล้ง

ฟางเล้งแก่กว่าฟางหยุนเล็กน้อย ทั้งสองสนิทกันมาก เมื่อฟางหยุนได้รับมรดก เขาจึงไม่สามารถซ่อนมันจากพี่ชายที่เขานับถือผู้นี้

เห็นได้ชัดว่าฟางเล้งฉลาดกว่าฟางหยุน

ในคืนนั้นเขารายงานข่าวนี้กับฟางกงและทําให้ฟางกงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ฟางกงเข้าใจความตั้งใจของของฟางตี้เฉิง

สถานการณ์ภายนอกของตระกูลฟางค่อนข้างหนักหน่วงแต่ภายในก็มีการต่อสู้เช่นกัน

การแย่งชิงทรัพยากรทําให้เกิดความขัดแย้งโดยธรรมชาติ

ตระกูลฟางแบ่งออกเป็นสองฝ่าย นั่นคือฝ่ายของฟางกงและฝ่ายของฟางตี้เฉิง

ทั้งสองฝ่ายทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีความขัดแย้งภายใน แม้ฟางกงจะมีฟางฮั่วเฉิง แต่ฟางตี้เฉิงครอบครองมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาซึ่งเป็นรากฐานของฝ่ายหลังมาตลอด

ฟางกงขมวดคิ้วเพราะเขาเคยคิดว่าเขาอาจมีโอกาสขอมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญานี้จากฟางตี้เฉิง

ครั้งนี้ฟางตี้เฉิงเกือบเสียชีวิตขณะที่มรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ในมือของเขา มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของตระกูลฟางหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นกับเขา

นี่เป็นผลประโยชน์ของตระกูล หากฟางกงกดดันฟางตี้เฉิง มีโอกาสที่เขาจะประสบความสําเร็จในการบังคับให้ฟางตี้เฉิงส่งมอบมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญา

มีความแตกต่างระหว่างการเมืองของตระกูลกับนิกาย

ตระกูลให้ความสําคัญกับสายสัมพันธ์ในครอบครัว มรดกจะถูกส่งผ่านผู้สืบทอดทางสายเลือด แม้ฟางหยุนจะเป็นบุตรบุญธรรมของฟางตี้เฉิง แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาก ในอนาคตเมื่อฟางตี้เฉิงเกษียณ ตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองจะถูกส่งต่อให้ฟางหยุนตามธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูล

ตระกูลฟางมีผู้อมตะจานวนมากแต่ตําแหน่งนี้ต้องเป็นของฟางหยุนเท่านั้น

เว้นเพียงฟางตี้เฉิงจะมอบมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาให้กับคนที่โดดเด่นมากกว่าฟางหยุน

ในความเป็นจริงมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญานี้ถูกส่งต่อให้ฝ่ายของเขาจากรุ่นสู่รุ่นมาตลอด

ฟางหยุนบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเมฆา เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญานี้ เป็นจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดของฝ่ายฟางตี้เฉิง

ฟางกงต้องการใช้จุดอ่อนนี้แต่เขาไม่คาดหวังว่าฟางตี้เฉิงจะหยุดแผนการของเขาก่อนที่เขาจะเริ่มมัน

 สมกับเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา  ฟางกงผ่อนคลายลงและโบกมือ

ฟางเล้งเข้าใจ  ข้าขอลา 

 เราพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว เช่นนั้นก็ลืมมันไปซะ ท้ายที่สุดพวกเราก็เป็นสมาชิกตระกูลฟางเช่นกัน เราอยู่ฝ่ายเดียวกัน  ฟางกงไม่ได้อารมณ์เสียมากนักแต่เขายังกังวลเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามแผนการของฟางตี้เฉิงประสบความสําเร็จ การเสียสละชวนปัจนเพื่อปรับแต่งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นผลงานของฟางตี้เฉิง นี่ทําให้ฝ่ายของฟางกงได้รับแรงกดดันมากขึ้น

ฟางกงต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฟางผู้นี้ดูแลตระกูลมานานหลายปี เขาไม่เพียงต้องดูแลการบ่มเพาะของตนเองและเลี้ยงดูคนรุ่นหลังแต่เขายังต้องนําตระกูลฟางต่อสู้กับศัตรูภายนอกและให้ความสนใจกับความขัดแย้งภายใน

 ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองดําเนินการอย่างรวดเร็ว ความตั้งใจที่แท้จริงของเขาเห็นได้ชัดจากสิ่งนี้ เขาไม่ใช่การปลอมตัวของชวนปัจนอย่างแน่นอน  ร่องรอยของความสงสัยสุดท้ายจางหายไปจากจิตใจของฟางกงในที่สุด

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท