เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1854 สนามรบสิบสองราศี

บทที่ 1854 สนามรบสิบสองราศี

บทที่ 1854 สนามรบสิบสองราศี

สายธารแห่งกาลเวลาไหลอย่างเขื่อยเฉื่อยและเรืองแสงหลากหลายสีสันออกมา

อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเท่านั้น

นี่คือสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่ไหลเข้าสู่ถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

ทันใดนั้นร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้น

เขามีใบหล่อเหล่า ดวงตามืดมิดราวกับขุมนรก เส้นผมสีดําของเขายาวลงไปถึงเอวราวกับน้ําตก

มันคือร่างหลักของฟางหยวน!

‘ได้เวลาแล้ว’ ฟางหยวนมองสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและสะบัดมือ

ดวงแสงสิบสองดวงถูกยิงออกไป

ดวงแสงทั้งสิบสองตกลงไปในสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและกลายเป็นอสูรปีแรกก่าเนิดสิบสองตัว

อสูรปีแรกกําเนิดทั้งสิบสองมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันได้แก่ หนู วัว เสื้อ กระต่าย มังกร อสรพิษ ม้า แพะ ลิง ไก่ สุนัข และหมู ท่ามกลางพวกมัน หนู วัว และสุนัขมีความโดดเด่นและแข็งแกร่งที่สุด

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนต่อสู้กับวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา อสูรปีแรกกําเนิดที่โดดเด่นทั้งสามตัวปรากฏตัวขึ้นและโจมตีเรือรบหมื่นปีของฟางหยวน อสูรปีชวดแรกกําเนิดบุกขึ้นเรือเพื่อขโมยวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ํา

โชคดีที่ฟางหยวนเตรียมรับมือเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาสร้างวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําปลอมขึ้นมา เพื่อเป็นเหยื่อล่อหนูตัวนั้นถูกหลอกและนําเหยื่อจากไป นี่ทําให้เรือรบหมื่นปีสามารถหลบหนีจากอันตราย

หลังจากครั้งนั้นฟางหยวนกลับไปที่สายธารแห่งกาลเวลาอีกครั้งเพื่อปราบปราบและจับกุมอสูรปีแรกกําเนิดทั้งสาม

นั่นทําให้ฟางหยวนสามารถรวบรวมอสูรปีแรกกําเนิดได้ครบสิบสองชนิดในที่สุด

ฟางหยวนต้องการใช้พวกมันสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสู้โบราณสนามรบสิบสองราศี

 ข้าต้องฝึกใช้งานสนามรบสิบสองราศให้ชํานาญก่อนการต่อสู้กับวังสวรรค์ สําหรับถ้ําสวรรค์นักรบอสูร มันเกินพอแล้ว  ฟางหยวนมีแผนการอยู่ในใจ

อสูรปีแรกกําเนิดทั้งสิบสองคํารามเสียงดังก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นรูปปั้นทองคําและระเบิดเสาแสงสีทองจะพุ่งขึ้นสู่อากาศ

เสาแสงพุ่งเข้าหลอมรวมกันก่อนจะพุ่งกลับลงมาและกลายเป็นหมอกสีทองปกคลุมสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเอาไว้ทั้งหมด

หมอกสีทองส่งอิทธิพลต่อสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและทําให้มันเคลื่อนที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ

สนามรบสิบสองราศีเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสู่โบราณ ขณะที่ฟางหยวนเป็นกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เมื่อเขากระตุ้นใช้งานมัน เขาสามารถทําให้มันหลุดพ้นจากขีดจํากัดของค่ายกลวิญญาณอมตะรูปแบบการต่อสู้โบราณและทําให้มันส่งอิทธิพลต่อเวลาของถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

เรื่องนี้ส่งผลกระทบที่รุนแรง

 ตอนนี้จิตวิญญาณสวรรค์กิเลนต้องสังเกตเห็นมันแล้ว  ฟางหยวนยิ้มและโบกมือส่งกองทัพอสูรปีออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ท่ามกลางพวกมันมีอสูรปีเดียวดายและอสูรปีบรรพกาลรวมอยู่ด้วย

พวกมันพุ่งออกมาจากหมอกสีทองและบุกเข้าไปในถ้ําสวรรค์นักรบอสูรทันที

โดยทั่วไปผู้บุกรุกจะบุกเข้าถ้ําสวรรค์นักรบอสูรผ่านรูช่องโหว่ พวกเขาไม่สามารถบุกเข้าไปผ่านสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

แต่ในฐานะกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟางหยวนสามารถทําสิ่งนี้ได้โดยธรรมชาติ

จิตวิญญาณสวรรค์ก็เลนตกใจมาก  ไม่! สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้บุกรุกเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขาเปลี่ยนกระแสเวลาของถ้ําสวรรค์นักรบอสูร เราต้องหยุดเขา! 

ผู้คนในถ้ําสวรรค์นักรบอสูรไม่รู้จักโลกภายนอก พวกเขาคิดว่าถ้ําสวรรค์นักรบอสูรคือโลกทั้งใบ พวกเขาไม่แม้แต่จะสามารถเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง

แต่จิตวิญญาณสวรรค์ก็เลนเกิดจากเจตจํานงของผู้อมตะนักรบอสูร มันไม่ได้ถูกจํากัดด้วยสิ่งนี้

หลังจากฟางหยวนเคลื่อนไหว จิตวิญญาณสวรรค์กิเลนตระหนักได้ทันทีว่าถ้ำสวรรค์นักรบอสูรตกอยู่ในอันตราย

เวลาที่เดินเร็วขึ้นหมายความว่าถ้ําสวรรค์นักรบอสูรจะพบกับภัยพิบัติเร็วขึ้น แม้ถ้ําสวรรค์นักรบอสูรจะได้รับการปกป้องจากท่าไม้ตายอมตะกลืนกินสิ่งมีชีวิต แต่มันก็ไม่สามารถอดทนต่อภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง

จิตวิญญาณสวรรค์ก็เลนไม่ปรากฏตัวแต่มันใช้หลายวิธีเพื่อบอกใบผู้คนที่อาศัยอยู่ในถ้ําสวรรค์นักรบอสูร นอกจากนี้ฟางหยวนยังตั้งใจให้พวกเขาสังเกตเห็น เขาส่งกองทัพอสูรปีออกจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและปรากฏตัวขึ้นทุกหนทุกแห่งในถ้ําสวรรค์นักรบอสูร

ความโกลาหลและหายนะครั้งใหญ่ปะทุขึ้น

เมืองภูผาได้รับผลกระทบเช่นกัน เจ้าเมืองภูผาซึ่งเป็นผู้อมตะต้องออกมาต่อสู้ด้วยตนเอง

 เพื่อยุติภัยพิบัตินี้ เราต้องจัดการแหล่งที่มาของมัน เมื่อข้าจากไป เมืองภูผาจะอยู่ในมือของพวกเจ้า!  เจ้าเมืองภูผาตะโกน

ลูกน้องของเขาพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม

เมื่อเจ้าเมืองภูผาไม่อยู่ พวกเขาจึงขาดความมั่นใจ

 ท่านอาจารย์ อย่ากังวล ข้าอยู่ที่นี่!  เจิ้งปู้ตู๋ตะโกนเสียงดัง ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้ มันดูค่อนข้างตลกและท่าให้ทุกคนสามารถหัวเราะออกมาได้อีกครั้ง

 อนาคตเป็นของเจ้า ศิษย์ข้า  เจ้าเมืองภูผาตบไหล่เจิ้งปู้ตู๋ก่อนจะเดินจากไป

ร่างแยกเจิ้งปู้ตู๋ของฟางหยวนมองชายชราจากไปและคิด ‘ร่างหลักโจมตีและจัดตั้งค่ายกลในสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา เมื่อเจ้าเมืองภูผาไปที่นั้น เขาจะถูกขังและต้องรอความช่วยเหลือจากข้า ฉากถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น’

หนึ่งเดือนภายในถ้ําสวรรค์นักรบอสูรผ่านไปอย่างรวดเร็ว

อสูรปียังโจมตีถ้ําสวรรค์นักรบอสูรอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ร่างหลักของฟางหยวนคอยควบคุมไม่ให้พวกมันสร้างความเสียหายมากเกินไป

เมื่อถึงจุดนี้ผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์ของถ้ําสวรรค์นักรบอสูรก็ถูกระดมกําลังเช่นกัน

เจิ้งปู้ตู๋เป็นหนึ่งในนั้น

เขาถูกนําตัวไปยังหุบเขาแห่งหนึ่งและรวมกลุ่มกับผู้ใช้วิญญาณที่อายุใกล้เคียงกัน

นี่เป็นเส้นทางที่จิตวิญญาณสวรรค์ก็เลนสร้างขึ้นอย่างลับๆ มันอนุญาตให้คนผู้หนึ่งเข้าและออกจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

ผู้นํากลุ่มคือราชาอสูรรุ่นปัจจุบัน เขาเป็นชายชราร่างผอม เขาบอกสถานการณ์กับเด็กเหล่านี้ด้วยตนเองที่เราพบหมอกสีทองในแม่น้ําสายนี้ ที่นั่นพิเศษมาก ยิ่งคนผู้หนึ่งอายุน้อยเท่าใด คนผู้นั้นก็ยิ่งเข้าไปได้ง่ายเท่านั้น ตอนนี้นักรบอสูรส่วนใหญ่ติดอยู่ที่นั่น พวกเจ้าต้องเข้าไปช่วยพวกเขาออกมา

นี่เป็นการจัดเตรียมของฟางหยวน จุดประสงค์ของเขาก็คือเพื่อทําให้แน่ใจว่าร่างแยกเจิ้งปู่จะได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมในภารกิจนี้

ปัจจุบันเจิ้งปู้ตู๋เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง เขาเป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นและครอบครองอินทรีย์หางศร

ด้วยความมุ่งมั่นของเจิ้งปู้ตู๋ที่ต้องการช่วยเหลืออาจารย์ เขาจึงต้องการรับภารกิจนี้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของเขาก็ตาม

การแสดงที่น่าทึ่งของเขาทําให้ทุกคนเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงและยกย่องเขาเป็นอย่างมาก

 เราต้องพึ่งพาพวกเจ้าแล้ว แม้พวกเจ้าจะอายุยังน้อย แต่โลกกําลังตกอยู่ในอันตราย เราต้องการความแข็งแกร่งของพวกเจ้า พวกเจ้าต้องเป็นผู้กอบกู้โลก! ราชาอสูรประกาศและปลุกเร้าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทุกคน

เจิ้งปู้ตู๋ลอบกลอกตาอยู่ในใจ แต่ภายนอกเขาแสดงออกอย่างกระตือรือร้น เขาเป็นคนแรกที่เข้าไปในสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีทองสามารถเดินไปได้ราวกับมันเป็นพื้นดินทั่วไป

มีอสูรปีจํานวนมากอยู่ที่นี่ อสูรปีที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับจักรพรรดิอสูร ไม่มีสัตว์อสูรเดียวดาย แต่พวกมันยังเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สําหรับผู้ใช่วิญญาณวัยเยาว์

นักรบอสูรทั้งหมดที่เข้ามาก่อนหน้ากลายเป็นรูปปั้นสีทองที่ไม่สามารถเคลื่อนไหว

เจิ้งปู้ตู๋เริ่มสังหารอสูรปีและช่วยเหลือผู้คน เขาทําหน้าที่เป็นผู้นํากลุ่มและมีความโดดเด่นที่สุด

ผู้อมตะได้รับการช่วยเหลือจากเจิ้งปู่ต์ที่ละคน เขากลายเป็นผู้มีพระคุณของคนเหล่านั้น

 ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่งข้าจะได้รับการช่วยเหลือจากเด็กน้อยผู้หนึ่ง  ผู้อมตะหลายคนถอนหายใจด้วยความคิดที่คล้ายคลึงกัน

 ขอบใจเด็กน้อย หากเจ้าพบปัญหาในอนาคต เจ้าสามารถมาหาข้าที่เมืองอินทรีย์ศักดิ์สิทธิ์! นักรบอินทรีย์ผู้นี้เคยถูกฟางหยวนฆ่าตายในชีวิตก่อนหน้า แต่ในชีวิตนี้ร่างแยกของฟางหยวนกลับช่วยชีวิตเขา

 อาจารย์ของข้าคือเจ้าเมืองภูผา ผู้ใดเห็นท่านบ้าง?  เจิ้งปู้ตู๋ถามทุกคน

 เสี่ยวเป็นเด็กดีจริงๆ เขาไม่เคยยอมแพ้ที่จะช่วยเหลืออาจารย์ของเขา 

 เขาเป็นเด็กดีที่มีความกตัญญ 

 เสี่ยวตู๋ เจ้าเข้าไปไม่ได้ หมอกสีทองสามารถเร่งเวลาด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ อายุขัยของเจ้าจะลดลงอย่างรวดเร็ว 

 ข้าไม่กลัว! ข้าต้องช่วยท่านอาจารย์ ความสําเร็จทั้งหมดของข้าในวันนี้เกิดจากการชี้แนะของท่านอาจารย์ ข้ายินดีสละชีวิตของข้าเพื่อช่วยท่าน!  เจิ้งปู้ตู๋ไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะแสดงบุคลิกของวีรบุรุษที่มีคุณธรรมของตนเองออกมา

 นี่เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน ยิ่งเวลาเดินเร็วเท่าใด ข้าก็ยิ่งก้าวหน้าเร็วเท่านั้น อีกไม่กี่วันข้าก็จะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามแล้ว ยิ่งขาแข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ข้าก็ยิ่งสามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากเท่านั้น ข้าต้องช่วยท่านอาจารย์ของข้า!   เจิ้งปู้ตู๋ตะโกนเสียงดังและทําให้แน่ใจว่าหลายคนจะได้ยินคํากล่าวของเขา

 เด็กน้อย ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียสละตนเองโดยเปล่าประโยชน์ นี่คือวิญญาณอายุยืน มันสามารถยืดอายุขัย และลดการสูญเสียของเจ้า ราชาอสูรมาถึงและมอบวิญญาณอายุยืนให้เจิ้งปู้ตู๋

แต่เจิ้งปู้ตู๋ปฏิเสธ  ท่านปู่ ท่านแก่แล้ว ท่านควรใช้มัน มันจะทําให้ท่านอายุยืนยาว 

ราชาอสูรมีความสุขมาก เขารู้สึกว่าตนเองมองคนไม่ผิด เขากล่าวด้วยน้ําเสียงสนุกสนาน เด็กดี เด็กดี ข้ามีมากกว่านี้ ตอนนี้เจ้าต้องใช้มันเพื่อรักษาความเยาว์วัยเอาไว้ มิฉะนั้นเจ้าจะไม่สามารถเข้าไปในหมอกสีทอง 

 อา…ข้าเกือบลืมไป ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกยากลําบากมากขึ้นเรื่อยๆ  เจิ้งปู้ตู๋แสดงออกราวกับเขากําลังตัดสินใจเรื่องที่ยากลําบากก่อนจะรับวิญญาณอายุยืนเอาไว้และใช้มัน

ทั้งหมดเป็นแผนการของฟางหยวน

มันทําให้ร่างแยกเจิ้งปู้ตู๋มีข้ออ้างที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ในไม่ช้าเขาก็ก้าวเข้าสู่ระดับห้าภายใต้สายตาของทุกคน

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท