เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1866 ชั้นที่แปด

บทที่ 1866 ชั้นที่แปด

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1866 ชั้นที่แปด

มันเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

หญ้าสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม และเมฆสีขาว

ท้องฟ้าไม่มีดวงอาทิตย์แต่มันยังสว่างสดใส

มีดอกไม้ป่าที่งดงามมากมายกําลังบานสะพรั่ง

กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามสายลมและพัดผ่านใบหน้าของฟางหยวน

ฟางหยวนตะลึง

 นี่คือชั้นที่แปดของปีศาจคลั่งงั้นหรือ?  เขาประหลาดใจ

ตามการอนุมานของฟางหยวน ชั้นที่แปดควรเหมือนชั้นที่เจ็ดแต่มีความปั่นป่วนของพลังงานแห่งเต๋ที่รุนแรงกว่าสําหรับชั้นที่เก๊ มันควรเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยเทพอมตะแรกกําเนิดซึ่งมีแกนกลางเป็นวิญญาณอมะตระดับเก้าในตํานาน วิญญาณต้นก่าเนิด!

แต่หลังจากฟางหยวนเข้าสู่ชั้นที่แปด เขากลับพบโลกใบเล็ก

 ข้าเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ? ฟางหยวนคิด

แต่เขาก็ปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว

หลังจากตรวจสอบสภาพแวดล้อม การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย โลกนี้ดูธรรมดามากมันไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ําสวรรค์ทั่วไปมันเป็นโลกขนาดเล็กและ…อ่อนแอ

ขณะที่ฟางหยวนกําลังคิดเรื่องนี้ เขาก็ได้ยินเสียงแตกดังขึ้น

น้ําไหลลงมาจากท้องฟ้าอย่างกะทันหัน

ฟางหยวนรู้สึกถึงภัยคุกคามจากมัน เขามั่นใจว่าตราบเท่าที่เขาสัมผัสมัน เขาจะตาย แม้เขาจะใช้เกราะหวนคืนเขาก็อาจอยู่ได้ไม่นาน

โชคดีที่น้ําตกไหลเร็วมากและไม่ได้เคลื่อนเข้ามาหาเขา

 โลกใบนี้กําลังจะพังทลาย!  ฟางหยวนมองไปในระยะไกล

น้ําตกกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง โลกใบเล็กราวกับถูกแยกออกเป็นสองส่วนและในไม่ช้ามันก็แยกออกจากกัน

ท้องฟ้า เมฆ ทุ่งหญ้า และดอกไม้ถูกน้ําตกกลืนกิน

อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดอยู่ในน้ําตก มันเหมือนสัตว์ร้ายที่กลืนกินทุกสิ่งเข้าไปด้วยความหิวโหย

รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง มันเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ น้ําตาแห่งความว่างเปล่า! 

ฟางหยวนเร่งซ่อนตัว

เมื่อน้ําตาแห่งความว่างเปล่าใกล้เข้ามา ฟางหยวนไม่หลบ เขากระทั่งพุ่งเข้าไปหามัน

แต่มันกลับไม่ทําลายล่างเขา

โลกใบเล็กหดเล็กลงเรื่อยๆ

ฟางหยวนบินสูงขึ้นไปในน้ําตาแห่งความว่างเปล่าก่อนจะหลุดออกจากขอบโลก

นี่คือ? หัวใจของเขาสั่นสะท้านขึ้น

เขาเหมือนแมลงตัวน้อยที่บินมาถึงมหาสมุทรอันกว่างหญ่

ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตทําให้ฟางหยวนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้นัยสําคัญ

แต่เขาไม่ได้อยู่เพียงลําพัง

ที่นี่มีโลกจํานวนนับไม่ถ้วน

โลกเหล่านี้เหมือนฟองอากาศหลากหลายสีสัน บางส่วนพึ่งก่อตัวขึ้น บางส่วนกําลังเติบโต และบางส่วนกําลังถูกทําลาย

โลกใบเล็กที่ฟางหยวนอยู่ก่อนหน้านี้ถูกทําลายลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสั้นๆมันกลายเป็นเสี้ยวจันทร์สองชั้น

ปากของฟางหยวนอ่าค้างเล็กน้อย เขาตกใจมาก

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาตระหนักถึงลักษณะที่แท้จริงของชั้นที่แปด

มันเป็นมิติที่ไร้ขอบเขตแต่ท่ามกลางความว่างเปล่าอันมืดมิดกลับมีโลกใบเล็กจํานวนนับไม่ถ้วนถือกําเนิดและแตกดับไป

 นี่!! ฟางหยวนพบว่าโลกใบเล็กที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้ถูกทําลายล้างไปแล้วและเหลือทิ้งไว้เพียงเส้นด้ายสีขาว

มันคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต่า!

แม้มันจะดูเหมือนเส้นด้ายแต่มันเป็นพลังงานแห่งเต๋ที่ไม่ธรรมดา

 มันคือพลังงานแห่งเต๋ชนิดใด?  ฟางหยวนไม่เคยเห็นพลังงานแห่งเต๋เช่นนี้มาก่อน

มันเป็นพลังงานแห่งเต๋ที่พิเศษมาก

โลกใบเล็กก่อนหน้ามีทั้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งกาลเวลาเส้นทางแห่งไม้และเส้นทางแห่งเมฆา

แต่ตอนนี้มันกลับเหลือเพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ดูเหมือนเส้นด้ายสีขาวโปร่งแสงทิ้งไว้เบื้องหลัง

ฟางหยวนสามารถมองเห็นร่องรอยของเส้นทางแห่งห้วงมิติ เส้นทางแห่งกาลเวลา เส้นทางแห่งไม้และเส้นทางแห่งเมฆาจากพลังงานแห่งเต๋เส้นด้าย

มันเป็นพลังงานแห่งเต๋ชนิดใด? มันสามารถรวมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋หลายชนิดเอาไว้งั้นหรือ?ฟางหยวนรู้สึกสับสนก่อนจะได้รับค่าตอบ

 ข้าเข้าใจแล้ว นี่คือเส้นทางสวรรค์! 

 มันคือเสวรรค์! 

ในชั้นที่เจ็ดฟางหยวนเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งความฝันหรือเส้นทางอื่นๆ แต่มีพลังงานแห่งเต๋สองสายที่ขาดหายไป

หนึ่งคือเส้นทางมนุษย์ อีกหนึ่งคือเส้นทางสวรรค์

ฟางหยวนเคยเห็นพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางมนุษย์มาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นพลังงานแห่งเบนเส้นทางสวรรค์

 พลังงานแห่งเต๋เส้นทางสายอื่นถูกทําลาย มีเพียงพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์เท่านั้นที่เหลืออยู่นี่หมายถึงสิ่งใด? ฟางหยวนมองไปยังพลังงานแห่งเบนเส้นทางสวรรค์

ฟางหยวนเฝ้ามองมันอย่างระมัดระวังโดยไม่พยายามสัมผัส

เขาติดตามเส้นด้ายสีขาวไป หลังจากชั่วครู่ การเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า

หลุมด่าปรากฏขึ้นและดูดกลืนพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์เข้าไป

หลุมด่าถูกย้อมไปด้วยสีสันที่หลากหลายก่อนที่มันจะระเบิดออก

ฟองอากาศสีฟ้าขาวปรากฏขึ้นแทนที่

มันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ฟางหยวนตรวจสอบและลอบตกใจเมื่อพบว่าฟองอากาศสีฟ้าขาวกลายเป็นโลกใบใหม่ มีพื้นดินและท้องฟ้าปรากฏขึ้น ทุกสิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงตามกฎบางอย่าง

หลังจากผ่านไปหลายสิบลมหายใจ โลกใบเล็กก็ขยายใหญ่ขึ้นถึงจุดที่ฟางหยวนสามารถเข้าไป

ความเร็วในการเติบโตของมันค่อยๆหยุดลง

ฟางหยวนเข้าไปในโลกที่เกิดใหม่ใบนี้

มันไม่เหมือนโลกใบเดิมที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ เมฆลอยอยู่บนท้องฟ้า เกาะลอยอยู่กลางอากาศเถาวัลย์จํานวนนับไม่ถ้วนรัดพันโลกใบนี้เอาไว้ราวกับตาข่าย

 มันเป็นพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ แต่รูปลักษณ์ของโลกใบนี้แตกต่างออกไป  ฟางหยวนรู้สึกถึงบางสิ่งแต่ยังไม่สามารถทําความเข้าใจมันได้อย่างชัดเจน

ฟางหยวนมีลางสังหรณ์ที่รุนแรงว่าตราบเท่าที่เขาเข้าใจมัน ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ดังนั้นเขาจึงเฝ้ามองโลกใบนี้ตั้งแต่มันถือกําเนิดจนถูกทําลายล้าง

ฟางหยวนหมกมุ่นอยู่กับมันและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง

 การทําลายล้างโลกใบเล็กเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน แท้จริงแล้วสิ่งนี้ท่าให้เกิดพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์

ฟางหยวนสังเกตอย่างระมัดระวังและพบว่าหลังจากการกําเนิดและการทําลายล้างโลกใบเล็กทุกครั้งพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์จะเติบโตขึ้นเล็กน้อย

บางครั้งหลุมดําจะดูดกลืนเส้นด้ายสีขาวสามหรือสี่เส้นเข้าไปและให้กําเนิดโลกที่มีรากฐานที่แข็งแกร่งมาก

แต่หลังจากมันถูกทําลายล้าง มันกลับเหลือเส้นด้ายสีขาวเพียงหนึ่งหรือสองเส้น

 พลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์สามารถสูญหายได้เช่นกัน

 บางทีพลังงานแห่งเดีที่ข้าเห็นอาจยังไม่ถึงมาตรฐานของเทพปีศาจไร้ขอบเขต

เขาอาจต้องการสร้างพลังงานแห่งเดําบนเส้นทางสวรรค์ที่ตรงตามความคาดหวังของเขา!

หากเป็นเช่นนั้น แล้วเขาต้องการสร้างพลังงานแห่งเต๋เช่นไร?

จิตใจของฟางหยวนสั่นไหวเมื่อเขารู้สึกว่าเทพปีศาจไร้ขอบเขตสร้างถปีศาจคลั่งขึ้นมาเพื่อไล่ล่าชีวิตนิรันดร์

เทพปีศาจไร้ขอบเขตไล่ล่าชีวิตนิรันดร์ แต่เต่สวรรค์ไม่อนุญาณ วิญญาณชะตากรรมกําหนดให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องตาย ดวงวิญญาณของพวกเขาต้องเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตาย

วิญญาณชะตากรรมคือสิ่งใด?

โดยพื้นฐานแล้วมันก็คือส่วนหนึ่งของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์

 เทพปีศาจไร้ขอบเขตต้องการชีวิตนิรันดร์ แต่เขาไม่สามารถก้าวข้ามเตสวรรค์ เขาตระหนักถึงเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงพยายามค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางสวรรค์  ฟางหยวนคาดเดา

เทพปีศาจไร้ขอบเขตเคยบุกโจมตีวงสวรรค์ แต่เขาไม่ใช่ปีศาจต่างโลก เขาไม่สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม

อย่างไรก็ตามเขายังไม่ยอมแพ้ เขาทํางานหนักขึ้นเพื่อก้าวไปข้างหน้า เขาต้องการค้นหาสาเหตุที่เขาไม่สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรมและทําความเข้าใจเส้นทางสวรรค์อย่างถ่องแท้

ความทะเยอทะยานและวิธีการของเขา กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกชื่นชม

 แล้วข้าจะรวบรวมร่องรอยของพลังงานแห่งเดําบนเส้นทางสวรรค์เหล่านี้ได้อย่างไร?  ฟางหยวนพบปัญหา

เขาลองหลายวิธีแต่พวกมันล้วนไร้ประโยชน์

เขาสังหรณ์ว่ากระทั่งเขาจะนําคฤหาสน์วิญญาณอมตะรังโจรระดับแปดมาที่นี่ มันก็ยังไร้ประโยชน์หลังจากทั้งหมดมันเห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้เกิดจากวิธีการระดับเก้าของเทพปีศาจไร้ขอบเขต

 ข้าต้องควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะของเทพปีศาจไร้ขอบเขตโดยตรง ฟางหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เขาไม่รู้ว่าเขาจะเข้าไปยังชั้นที่เก่าได้อย่างไร

เส้นทางของชั้นที่เจ็ดชัดเจนมาก แต่ในชั้นที่แปด ฟางหยวนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าไม่มีเบาะแสใดที่นําไปสู่ชั้นที่เก้า

ฟางหยวนไม่รู้แม้แต่ทิศทาง เขาทําได้เพียงล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น

 จนถึงตอนนี้ นี่คือโลกที่ใหญ่ที่สุดที่ข้าเคยเห็น แต่ดูเหมือนมันก่าลังจะถูกทาลาย ไปดูข้างในกันเถอะ ฟางหยวนคิดและเข้าไปในโลกใบนี้

 คารวะท่านนักปราชญ์! 

โลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญา

 ท่านนักปราชญ์ ท่านมาเพื่อช่วยโลกใบนี้ใช่หรือไม่? 

 ท่านนักปราชญ์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ของท่าน! 

สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีร่างกายเหมือนเมฆหมอกร่างมนุษย์ พวกเขาก่าลังพูดคุย

 นักปราชญ์?  ฟางหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตระหนักถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง  นั่นหมายความว่ามีนักปราชญ์คนอื่นนอกจากข้า? 

 ถูกต้อง นักปราชญ์ผู้หนึ่งสวมชุดคลุมสีเขียวและโพกศีรษะด้วยผ้าสีขาว มีดอกบัวเบ่งบานขึ้นทุกย่างก้าวที่เขาเดินเขาเป็นผู้สร้างสระบัวเขียว

 นักปราชญ์อีกคนเดินเท้าเปล่า เขาส่วนชุดสีเหลือง เขาเป็นคนใจดี เขาเป็นผู้สร้างปฐพี่สีเหลือง

 ยังมีอีกคนที่ดูดุร้าย เขาทั้งสูงและแข็งแกร่ง ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะได้ยินเสียงคารามของสัตว์ร้ายดังขึ้นเขาเป็นผู้สร้างทุ่งเต่คลั่ง 

มนุษย์หมอกเหล่านี้บอกฟางหยวน

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท