เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1894 ลงและขึ้น

บทที่ 1894 ลงและขึ้น

บทที่ 1894 ลงและขึ้น

ฟางหยวนพาเซียหลินไปยังหมู่บ้านชาวประมงและพบผู้น่าหมู่บ้าน

เมื่อพวกเขาพบกัน ฟางหยวนค้นวิญญาณผู้นําหมู่บ้านทันที ผู้นําหมู่บ้านตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะก่อนจะฟื้นคีนสติโดยไม่มีข้อสงสัย

ฟางหยวนเปรียบเทียบข้อมูลกับชีวิตก่อนหน้าและพบว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง

เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า เขายังใช้ตัวตนผู้ใช้วิญญาณพเนจรเพื่อติดต่อมนุษย์เหล่านี้

ก่อนอื่นเขาทําทายผู้ใช้วิญญาณของหมู่บ้านและเอาชนะทุกคนได้อย่างง่ายดาย ต่อมาเขามอบวิญญาณ เปลือกหอยวารีและเคล็ดลับการหลอมรวมมันให้กับพวกเขา

ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งมาก

จากนั้นฟางหยวนก็พาพวกเขาด่าลงไปใต้ทะเล เพื่อฝึกฝนวิธีใช้วิญญาณเปลือกหอยวารีและสอนวิธีบรรเทาอาการกัดกร่อนของน้ํามันดิบ

ระหว่างกระบวนการเหล่านี้ ฟางหยวนให้ความสําคัญกับการสั่งสอนเซี่ยหลินเป็นพิเศษ

ชีวิตก่อนหน้าเขามอบวิญญาณให้เซียหลินเท่านั้น แต่ชีวิตนี้เขาต้องการเลี้ยงดูนางอย่างเหมาะสม เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อส่งข้อมูลเข้าสู่จิตใจของนางโดยตรง ในเวลาเดียวกันเขาก็ช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดมากมายของนาง

ฟางหยวนไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงนานนัก เมื่อเขาจากมา ชาวบ้านทั้งหมดคุกเข่าลง

เซียหลินต้องการติดตามฟางหยวนแต่เขาปฏิเสธ  เราจะได้พบกันอีกในอนาคต 

เซี่ยหลินไม่สามารถทําสิ่งใดและทําได้เพียงหลั่งน้ําตาขณะเฝ้ามองฟางหยวนหายตัวไปเท่านั้น

ฟางหยวนกลับมาที่หอคอยเกียรติยศ แต้มบุญของเขาเพิ่มขึ้นสิบแต้ม

ภารกิจเริ่มต้นของหอคอยเกียรติยศเป็นภารกิจระดับต่ํา แต้มบุญสูงสุดที่สามารถได้รับคือสิบแต้ม

ครั้งนี้ฟางหยวนรวบรวมน้ํามันดิบและสอนวิธีรวบรวมน้ํามันดิบให้กับชาวบ้านทําให้พวกเขาสามารถดํารงชีวิตอยู่ต่อไป เขาทําภารกิจนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ตอนนี้เฉินกงเจิ้งและคนอื่นๆถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ มีเพียงคนเดียวที่อยู่ที่หอคอยเกียรติยศ

เขาคือเสี่ยวหมิงเฉิน

เมียวหมิงเฉินมองหอคอยเกียรติยศและรู้สึกถึงความเชื่อมโยงลึกลับบางอย่าง แต่เขาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใดและ จะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนี้

วิธีการของเทพอมตะสวรรค์พิภพลึกลับมาก เขาไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้ราวกับมันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ผู้อมตะไม่สามารถต่อสู้กันและไม่สามารถทําร้ายชนพื้นเมืองของที่นี่

อย่างไรก็ตามมีความข้อยกเว้นอยู่ในกฏนี้

ตัวอย่างเช่นฟางหยวนสามารถค้นวิญญาณผู้นําหมู่บ้านชาวประมง และให้ความรู้มากมายแก่เซี่ยหลินผ่านวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา

นี่ไม่ถือเป็นการโจมตีงั้นหรือ?

แน่นอนว่าเป็น

แต่ฟางหยวนไม่มีเจตนาร้าย เขาพยายามช่วยคนเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ถูกจํากัดโดยกฏดังกล่าว

อย่างไรก็ตามหากฟางหยวนมีเจตนาร้าย วิธีการเหล่านั้นจะไม่สามารถใช้งาน เขาต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบย้อนกลับจากความล้มเหลว

อีกตัวอย่างหนึ่งคือการเก็บรวบรวมน้ํามันดิบ

น้ํามันดิบส่วนเกินถูกเก็บไว้ในมิติช่องว่างของฟางหยวน

โดยทั่วไปแล้วนอกจากทรัพยากรอมตะบนเกาะเริ่มต้น ผู้อมตะภายนอกไม่สามารถนําทรัพยากรอื่นๆเข้าไปในมิติช่องว่างของตน

แต่ฟางหยวนนําน้ํามันดิบเก็บไว้ในมิติช่องว่างเพื่อทําภารกิจให้สําเร็จ ด้วยการลดปริมาณร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของสถานที่แห่งนั้น มันจะช่วยให้ทรัพยากรอื่นสามารถเติบโตขึ้น

นี่เป็นเรื่องที่ดีต่อสภาพแวดล้อมของเกาะ ดังนั้นมันจึงไม่ถูกจํากัดโดยกฎ

ฟางหยวนไม่เพียงทําภารกิจสําเร็จ แต่เขายังได้รับน้ํามันดิบส่วนหนึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาได้กําไรมากกว่าคนอื่นๆ

มีภารกิจมากมายอยู่บนหอคอยเกียรติยศแต่มันมีความแตกต่างระหว่างภารกิจ

ในชีวิตก่อนหน้า เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆ ค้นพบความลับมากมาย แต่ตอนนี้พวกมันกลายเป็นข้อมูลที่มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่ล่วงรู้

ฟางหยวนค่อยๆเดินเข้าไปหาหอคอยเกียรติยศ

เสียงฝีเท้าของเขาขัดจังหวะความคิดของเมียวหมิงเฉิน เขาหันหลังกลับและตกตะลึงเมื่อเห็นฟางหยวน  ชูอึ้ง! 

ฟางหยวนยิ้ม  พี่เมี่ยว ความเชื่อมต่อระหว่างท่านกับหอคอยเกียรติยศอ่อนแอเกินไป การเชื่อมต่อดังกล่าวมีไว้เพียงเพื่อค้นหาสถานที่แห่งนี้เท่านั้น มันไม่มีประโยชน์กับที่นี่ ข้าขอแนะนําให้ท่านทําภารกิจให้สําเร็จและสะสมแต้มบุญ 

ทัศนคติของฟางหยวนทําให้เสี่ยวหมิงเฉินประหลาดใจ

หลังจากทั้งหมดเขาเห็นฟางหยวนเพิกเฉยต่อเฉินตันและเฉินกงเจ๋งด้วยตาของตนเอง

เขาให้ความสนใจกับคํากล่าวของฟางหยวนและรู้สึกตกใจ เขารู้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างข้ากับหอคอยเกียรติยศ! นี่เป็นความลับที่ข้าไม่เคยเปิดเผย เขารู้ได้อย่างไร? เว้นเพียงเขาจะเป็นเหมือนข้าและสามารถสัมผัสตําแหน่งของวาฬมังกรฟ้าหรือบางทีเขาอาจไม่รู้ตําแหน่งแต่มีความเชื่อมโยงในรูปแบบอื่น?

เมียวหมิงเฉินมองฟางหยวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เขาไม่ได้เปิดปากถาม

ฟางหยวนแสดงท่าที่ยโสต่อหน้าเฉินกงเจิ้ง มันไม่มีประโยชน์ที่เสี่ยวหมิงเฉินจะบังคับเขา

หากเขาต้องการบอกข้า เขาจะเป็นฝ่ายเปิดปากกล่าว หากข้าพยายามถาม ข้าจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย  เมี่ยวหมิงเฉินลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

ฟางหยวนเดินผ่านเขาและชี้นิ้วไปยังข้อความที่อยู่บนหอคอยเกียรติยศ  ท่านควรรับภารกิจนี้ มันค่อนข้างเหมาะสมกับท่าน ทําภารกิจและสะสมแต้มบุญ มันไม่ใช่การทําความดีแบบผิวเผิน การสอนให้คนจับปลาดีกว่าการจับปลาให้พวกเขา 

หัวใจของเสี่ยวหมิงเฉินสั่นสะท้านขึ้น เขากลืนน้ําลายก่อนจะกล่าวสองค่า  ขอบคุณ 

 ด้วยความยินดี  ฟางหยวนยิ้ม

การให้คําแนะนําบางอย่างแก่เยี่ยวหมิงเฉินไม่ใช่เรื่องทั่วไป

ด้านหนึ่ง มันเป็นการหว่านความแตกร้าว อีกด้านหนึ่ง เขาต้องการเตรียมการบางอย่างที่จะส่งผลกระทบต่อ ทะเลตะวันออก

ความลับเกี่ยวกับความสามารถของเสี่ยวหมิงเฉินถูกประกาศออกมาในชีวิตห้าร้อยปีของฟางหยวน

เสี่ยวหมิงเฉินค่อนข้างมีชื่อเสียงในกลุ่มผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออก หากเขาถูกบังคับให้เข้าสู่ทางตันโดยเฉินกงเจิ้ง มีความเป็นไปได้ที่บรรพชนทะเลปราณหรืออู่ส่วยจะสามารถรับเขาเข้าร่วม

ฟางหยวนไม่รีบรับภารกิจแต่เดินไปอีกด้านหนึ่งของหอคอยเกียรติยศและแลกเปลี่ยนสมบัติ

ในชั่วพริบตา แต้มบุญที่เกินร้อยแต้มของเขาก็ลดลงเหลือเพียงหลักเดียว มันตกลงจากอันดับแรกลงสู่อัน ดับสุดท้าย

เมื่อเมียวหมิงเฉินเห็นเหตุการณ์นี้ เขาเต็มไปด้วยความสงสัย  ชูอิงใช้แต้มบุญนับร้อยแต้มแลกเปลี่ยนสิ่งใด?

ฟางหยวนรับภารกิจและหายตัวไปอีกครั้ง

เสี่ยวหมิงเฉินเดินไปยังอีกด้านหนึ่งของหอคอยเกียรติยศเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ฟางหยวนแลกเปลี่ยน

แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากทั้งหมดมีสมบัติอยู่มากเกินไป

 ชูอิงจงใจแสดงความปรารถนาดีต่อข้าก่อนหน้านี้เพื่อให้ข้าช่วยเขาซ่อนข้อมูลนี้หรือไม่? เมี่ยวหมิงเฉินคิด แต่เขาก็ส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว

แต้มบุญของฟางหยวนปรากฏอยู่บนหอคอยเกียรติยศ มันไม่สามารถเก็บซ่อน ในไม่ช้าผู้อมตะคนอื่นๆจะค้นพบมัน

ด้วยแสงสีขาวที่ส่องประกายขึ้น ฟางหยวนถูกส่งไปยังก้นทะเล

น้ําทะเลขุ่นมัว ทรายปั่นป่วน กิ่งก่าเพลิงยักษ์กําลังก่อความวุ่นวายขึ้น

กิ้งก่าเพลิงตัวนี้ไม่มีเกล็ดศีรษะของมันใหญ่แต่ร่างกายแบนราบ แขนขาของมันหนาและสัน มันมีหนวดเหมือนกรงเล็บพยัคฆ์ เหงือกของมันส่องประกาย ฟันและกรงเล็บของมันแหลมคมมาก

นี่คือสัตว์อสูรเดียวดาย ราชันกิ่งก่าเพลิงพยัคฆ์

ภารกิจของฟางหยวนคือการปราบปรามมัน

ฟางหยวนไม่รีบร้อนดําเนินการ เขาสํารวจสภาพแวดล้อมเป็นอันดับแรก

ไม่นานเขาก็ขมวดคิ้วเพราะเขาไม่สามารถหาสาเหตุในการอาละวาดของราชนกิ่งก่าเพลิงพยัคฆ์ ร่างกายและจิตใจของมันไม่มีสิ่งผิดปกติ แต่มันกลับคลุ้มคลั่งและทําลายสภาพแวดล้อมอย่างป่าเถื่อน

ไม่เพียงเท่านั้นมันยังทําร้ายตัวเอง

หลังจากทดลองโจมตี ฟางหยวนค้นพบอีกว่าพลังการต่อสู้ของราชันกิ่งก่าเพลิงพยัคฆ์ตัวนี้บรรลุถึงระดับสัตว์อสูรบรรพกาล

 นี่เป็นสถานการณ์เดียวกับที่กลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินพบในชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

ในชีวิตก่อนหน้า เขาทําภารกิจที่เกี่ยวกับเซียหลินเป็นส่วนใหญ่ เขาไม่พบสิ่งนี้ หลังจากทดลองรับภารกิจนี้ เขาพบว่าเขาไม่สามารถมองเห็นความลับที่ซ่อนอยู่ของมัน

แท้จริงแล้วราชันกิ่งก่าเพลิงพยัคฆ์มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

มันกินเกลือและทราย นั่นทําให้น้ําทะเลบริสุทธิ์

บริเวณที่ราชันกิ่งก่าเพลิงพยัคฆ์อาศัยอยู่ น้ําทะเลสามารถดื่มได้โดยตรง

หากเป็นไปได้ฟางหยวนจะไม่ฆ่าราชันกิ่งก่าเพลิงพยัคฆ์ตัวนี้ หากเขาทําสามารถให้มันสงบลง เขาจะได้รับแต้มบุญมากขึ้น

แต่สถานการณ์ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้

ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฆ่ามัน

ศพของราชนกิ่งก่าเพลิงพยัคฆ์ถือเป็นกําไรของฟางหยวน เขาสามารถเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

เป็นเพียงเวลานี้ที่เหรินซิ่วผิงถูกส่งกลับไปยังหอคอยเกียรติยศ

คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

เมื่อพวกเขาเห็นการมาถึงของเหรินซิ่วฝั่ง เฉินเซียวก็เปิดปากกล่าว  ยินดีด้วยน้องเหริน ตอนนี้อันดับของเจ้าอยู่บนจุดสูงสุดของหอคอยเกียรติยศแล้ว 

 อา…นี่เป็นไปได้อย่างไร?  เหรินซิ่วผิงไม่เชื่อในตอนแรกแต่หลังจากเห็นมันด้วยตาของตนเอง เขาทั้งประหลาดใจและยินดี

ชื่อของเขาอยู่ในอันดับหนึ่ง กระทั่งเฉินกงเจิ้งก็ยังเป็นเพียงที่สอง

ใบหน้าของเฉินกงเพิ่งค่อนข้างมืดมนเล็กน้อย

เหรินซิ่วผิงมองเฉินกงเจิ้งอย่างระมัดระวัง เขาสามารถเอาชนะผู้อมตะระดับแปดแต่มันก็ทําให้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย

เฉินกงเจิ้งมองเหรินซิ่วผิง

เหรินซิ่วผิงเร่งป้องหมัดและโค้งคํานับ  นายท่าน 

เฉินกงเจิ้งพยักหน้า  เหรินซิ่วผิง ในความคิดเห็นของเจ้า ชูอิงแลกเปลี่ยนสิ่งใดที่ท่าให้อันดับของเขาตกลงไปอยู่ในอันดับสุดท้าย? 

เหรินซิ่วผิงปืนงงก่อนที่เขาจะตระหนักว่าชื่อของฟางหยวนอยู่ในอันดับสุดท้าย เขาขมวดคิ้ว  ชูองยอมสละแต้มบุญของเขา แน่นอนว่าสิ่งที่เขาแลกเปลี่ยนต้องมีประโยชน์มากสําหรับเขา 

หากมันมีประโยชน์กับเขา มันก็ควรมีประโยชน์กับคนอื่นๆเช่นกัน

แต่มันคือสิ่งใด?

กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกันมาระยะหนึ่งแล้ว

ด้วยแสงสีขาว ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันอันดับของเขาบนหอคอยเกียรติยศก็พุ่งขึ้นสู่อันดับหนึ่งอีกครั้ง

ชูอิง เก้าสิบแปดแต้ม!

กลุ่มผู้อมตะกลายเป็นพูดไม่ออก

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท