เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1897 เข้าสู่ความฝัน

บทที่ 1897 เข้าสู่ความฝัน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1897 เข้าสู่ความฝัน

แดนศักดิ์สิทธิ์เจียนเป็น

วังขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้และเสียงจักจั่น

ประตูวังเปิดออก สาวใช้มนุษย์วิหคทั้งหมดคุกเข่าลงทักทายเซี่ยชาที่เดินออกมาด้วยใบหน้ามืดครื้ม

นางทดลองใช้วิธีการต่างๆมานับไม่ถ้วนแต่ไม่มีวิธีใดทําให้นางสามารถก้าวข้ามระดับห้าเข้าสู่ระดับหก

ตอนนี้นางเหลือเพียงวิธีเดียว นั่นคือซื้อวิญญาณอมตะทะเลวิญญาณที่สองระดับหกจากฟางหยวน

เซียชาเคยเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่นางถูกจับโดยฟางหยวนขณะที่มิดช่องว่างของนางถูกเขากลืนกิน

หลังจากได้รับการปล่อยตัว ฟางหยวนฉวยโอกาสขายวิญญาณทะเลวิญญาณที่สองให้นางเพื่อรีดไถทรัพยากรอมตะ

เซียชาสามารถบ่มเพาะอีกครั้ง ตอนนี้นางกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า แต่นางไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

ความพยายามของนางในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะล้มเหลวทั้งหมด

 เห้อ…  เซียชาถอนหายใจกับความจริงที่โหดร้าย

 เตรียมน้ําสะอาดให้ข้าอาบ นอกจากนี้กระจายข่าวว่าข้าออกมาแล้ว ขอให้ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองและสามมาที่นี่  เซียชาออกคําสั่งสาวใช้มนุษย์วิหคที่อยู่ด้านข้าง

อย่างไรก็ตามหลังจากรอเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองและสามกลับไม่ปรากฏตัว ทั้งสองบอกว่าพวกเขามีเรื่องสําคัญที่ต้องจัดการ พวกเขาไม่สามารถมาได้

 สารเลว!  เซี่ยชาสาปแช่ง ความรู้สึกเย็นเยียบพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของนาง

แม้นางจะตระหนักอย่างชัดเจนว่าไม่ช้าก็เร็ววันนี้จะต้องมาถึง แต่เมื่อมันมาถึงจริงๆ นางยังรู้สึกหวั่นใจ

นางเคยเป็นศูนย์กลางของอํานาจมาก่อน นางเสียสละทุกอย่างเพื่อตระกูลเซีย แต่ตอนนี้นางเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่ต้องอดทนต่อการดูหมิ่นของผู้อื่น

ในอดีต ผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่สองและสามของตระกูลเซียต้องให้ความเคารพนางในฐานะผู้นํา แท้จริงแล้วการขึ้นสู่สถานะปัจจุบันของคนทั้งสองล้วนมาจากความช่วยเหลือและการเลี้ยงดูของเซี่ยชาทั้งสิ้น

 ดูเหมือน…คนเลวเหล่านี้ต้องการปลดปล่อยตนเอง  เซียชามองไปยังห้องโถงที่ว่างเปล่าและถอนหายใจ

นางไม่รู้สึกโกรธมากนัก ส่วนใหญ่เป็นความรู้สึกหมดหนทางและความเศร้า

นางไม่สามารถกล่าวว่าพวกเขาเนรคุณได้เต็มปาก ในความเป็นจริงเชียชาเข้าใจทางเลือกของผู้อมตะตระกูลเซี่ยเหล่านี้อย่างชัดเจน

เพราะนาง ตระกูลเซียจึงถูกฟางหยวนกรรโชกทรัพย์อย่างรุนแรง สมบัติในคลังของพวกเขาลดลงอย่างมาก พวกเขาใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างรากฐานของตระกูลตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่มันกลับถูกมอบให้กับฟางหยวน

แม้เซียชาจะสามารถฟื้นฟูการบ่มเพาะ แต่นางก็ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทรัพยากรที่นางต้องใช้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

แล้วพวกเขาควรมอบทรัพยากรให้เซี่ยชาหรือเก็บไว้เพื่อตนเอง?

หลังจากตื่นตระหนกและลังเล ในที่สุดกลุ่มผู้อมตะของตระกูลเซียก็เริ่มมีข้อตกลงร่วมกันโดยไม่แจ้งให้เซียชาทราบ

ตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดล่าดับที่หนึ่งของตระกูลเซียยังว่าง การบ่มเพาะระดับห้าของเซี่ยชาไม่อนุญาตให้นางเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในโลกของผู้อมตะ

เซียชาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่นางจะมอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้สาวใช้มนุษย์วิหคเพื่อให้นางนําไปส่งมอบให้กับผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สอง

แต่ในตอนเย็นค่าตอบจากผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองกลับท่าให้เซี่ยชาโกรธอีกครั้ง

 แม้แต่ตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งก็ไม่มีค่าอีกต่อไปแล้ว  เซียชากัดฟันแน่น

ปรากฏว่านางยื่นข้อเสนอให้กับผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองว่านางยินดีมอบตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งให้เขา เขาสามารถนั่งบนบัลลังก์ของผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งที่เคยเป็นของเซี่ยชาได้อย่างถูกต้อง เพื่อแลกกับทรัพยากรในการบ่มเพาะจํานวนหนึ่ง

แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลเซียกลับไม่รับข้อเสนอ เขาปฏิเสธนางอย่างสุภาพ

เห็นได้ชัดว่าเขาบรรลุข้อตกลงกับผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สามเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองกําลังจะทําให้เซี่ยชาเป็นหุ่นเชิดของพวกเขาและปล่อยให้นางเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งต่อไป

สถานการณ์ของตระกูลเซียไม่เหมือนตระกูลปา

ปาชื่อปาของตระกูลปาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเชียชา แต่เขาถูกผลักลงจากตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับ ที่หนึ่งและถูกแทนที่โดยปาเต่อซึ่งกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดคนใหม่ของตระกูล

สําหรับผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองและสามของตระกูลเซีย พวกเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ขณะเดียวกัน ในฐานะฝ่ายธรรมะ พวกเขาไม่กล้าจัดการเซียชาที่เป็นผู้มีพระคุณของตนเอง พวกเขายินดีให้เชียชาอยู่ในตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งต่อไปเพื่อรักษาชื่อเสียงของพวกเขาเอาไว้

เซียชารู้ว่าอิทธิพลของนางที่มีต่อตระกูลเซียมาถึงจุดอันตราย มันกําลังจะหลุดลอยไป

นางต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นนางจะถูกผลักออกจากสังคมระดับสูงของตระกูลอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตามนางไม่มีทางหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้เพราะนางไม่มีเงินทุนที่จะเจรจาหรือทําธุรกรรม

สถานการณ์ของเซียชาเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทัศนคติของกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เริ่มเปลี่ยนไปแล้

บุคคลสําคัญที่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือวหยง

เขาอาศัยวังสวรรค์และทักษะทางการเมืองเพื่อยกระดับชื่อเสียงและอิทธิพลของตนเอง

การร่วงหล่นลงของเซี่ยชาและปาชื่อปาทําให้เขามีโอกาสที่หาได้ยาก

แม้ถั่วเว่ยหยินจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว แต่ถ้ําสวรรค์คุณธรรมที่อยู่เบื้องหลังเขาเป็นศูนย์รวมมนุษย์เห็ด พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ สิ่งนี้เป็นข้อเสียเปรียบทางการเมืองของลั่วเว่ยหยินที่วหยงสามารถใช้ประโยชน์

ลัวเว่ยหยินไม่สามารถหยุดรูหยงจากการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แห่งอานาจ

กองกําลังพันธมิตรของภาคใต้ถูกก่อตั้งขึ้นแล้วโดยมีวหยงเป็นแกนนํา เขาสนับสนุนให้กองกําลังพันธมิตรภาคใต้เผชิญหน้ากับฟางหยวนอย่างจริงจัง และหยุดยอมรับการกรรโชกทรัพย์จากฟางหยวน

สิ่งที่วหยงใช้เป็นเครื่องมือคือความเกลียดชังของผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่มีต่อฟางหยวน

ในค่ําคืนอันมืดมิด กายาแห่งความฝันของฟางหยวนเดินทางไปพร้อมกับจอชิวหยู

ธุรกรรมลับเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝันพึ่งจบลง

 ท่านจอ เราควรแยกกันที่นี่  กายาแห่งความฝันของฟางหยวนยิ้ม

นี่เป็นร่างกายาแห่งความฝันชั่วคราวที่สร้างขึ้นจากอาณาจักรแห่งความฝัน มันเป็นกายาแห่งความฝันระดับหกและจะระเบิดตัวเองเมื่อเวลาผ่านไป

จ่อชิวหยูป้องหมัดและถอนหายใจ  ฟางหยวน ไม่ใช่ว่าข้าต้องการทําให้เรื่องยากขึ้น แต่ธุรกรรมนี้มีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด หากเราถูกเปิดเผย ตระกูลจื่อของข้าจะพังพินาศ 

กายาแห่งความฝันก่นเสียงเย็น จื่อชิวหยูไม่พอใจกับราคาก่อนหน้าอีกต่อไป เหตุผลที่เขาใช้เป็นข้ออ้างก็คือท่าทีที่ก้าวร้าวมากขึ้นของกองกําลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะภาคใต้

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อขอขึ้นราคาเท่านั้น

ฟางหยวนต้องการอาณาจักรแห่งความฝัน แต่สถานการณ์ปัจจุบันการรีดไถฝ่ายธรรมะของภาคใต้กลายเป็นเรื่องยากลําบาก ดังนั้นธุรกรรมลับระหว่างจือชิวหยูกับฟางหยวนจึงกลับมาเป็นวิธีการหลักของเขาอีกครั้ง

ตระกูลพื่อเป็นผู้ดูแลอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนสามารถขโมยอาณาจักรแห่งความฝันผ่านจอชิวหยู

 ข้าจะแจ้งเรื่องนี้กับร่างหลัก  กายาแห่งความฝันกล่าวและบินจากไป

จ่อชิวหยมองกายาแห่งความฝันบินหายไปด้วยใบหน้าเย็นชา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการโจมตีกายาแห่งความฝันแต่เขาไม่มีวิธีจัดการมัน นอกจากนั้นเขายังกังวลว่าร่างหลักของฟางหยวนอาจซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้

ในความเป็นจริงร่างหลักฟางหยวนยังอยู่ที่ทะเลตะวันออก ธุรกรรมนี้อยู่ภายใต้การดูแลโดยอู่ส่วย

หากจ่อชิวหยูเคลื่อนไหว เขาจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดี

หลังจากไม่นานกายาแห่งความฝันก็กลับไปถึงวังมังกร

 เราไม่สามารถทําธุรกรรมกับตระกูลพื่อต่อไปเว้นเพียงเราจะอนุญาตให้เขาขึ้นราคา  กายาแห่งความฝันกล่าวขณะนํากายาแห่งความฝันอีกสองสามร่างออกมา  อาณาจักรแห่งความฝันกลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เราจะได้รับ

นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

ฟางหยวนกับจอชิวหยุไม่ได้ทําข้อตกลงใดๆต่อกัน

จ่อชิวหยสามารถขึ้นราคาโดยใช้ข้ออ้างเรื่องทัศนคติของผู้อมตะภาคใต้

 ศัตรูหลักของเรากําลังรออยู่ข้างหน้า หลังจากผ่านอุปสรรคนี้ ตระกูลจือจะไม่สําคัญอีกต่อไป  อู่ส่วยกล่าว

ตอนนี้อู่ส่วยยังไม่สามารถเคลื่อนไหว ยิ่งเขาเคลื่อนไหวมากเท่าใด วังสวรรค์ก็จะสังเกตเห็นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามากเท่านั้น

ท่าไม้ตายอมตะหมอกชวนฝันต้องเก็บไว้ใช้กับวังสวรรค์ การเปิดเผยมันโดยใช้กับจอชิวหยูเป็นการสูญเสียที่ไม่จําเป็น

หากเขาเปิดเผยไพ่ตายล่วงหน้า วังสวรรค์จะหัวเราะอย่างมีความสุขแม้แต่ในความฝัน

ความโลภเล็กๆน้อยๆจะทําลายแผนการใหญ่

นอกจากนี้การปล่อยให้ภาคใต้สามารถรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้จะสร้างความเดือดร้อนให้วังสวรรค์มากขึ้นในอนาคต

การทําลายศัตรูโดยตรงอาจไม่ใช่วิธีที่จะทําให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างเช่นการปล่อยเซียชาและปาชื่อปา

ตอนนี้พวกเขาเริ่มถูกกีดกันจากตระกูลของตนเอง

บางทีฟางหยวนอาจลอบสนับสนุนพวกเขาในอนาคต

สถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขาอาจกล่าวได้ว่าเกิดจากฟางหยวน แต่นอกจากฟางหยวน พวกเขาก็ไม่สามารถพึ่งพาผู้อื่นได้อีก

ในทางตรงข้าม ฟางหยวนต้องการให้คนเหล่านี้ทําหน้าที่เป็นหูเป็นตาของเขา ซ่อนพวกเขาไว้ในกองกําลัง ฝ่ายธรรมะของภาคใต้เพื่อให้ได้รับอิทธิพลบางส่วน

ตอนนี้ฟางหยวนยังขาดวิธีการควบคุมพวกเขา เกี่ยวกับเรื่องนี้ร่างแยกกาลเวลากําลังทํางานอย่างหนักทั้งก ลางวันและกลางคืนเพื่ออนุมาน

 บีม บีม บีม… 

ด้วยเสียงระเบิดเป็นชุดติดต่อกัน กายาแห่งความฝันกลายเป็นกลุ่มก้อนของอาณาจักรแห่งความฝัน

ทั้งหมดเป็นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งปฐพี

อู่ส่วยนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรขณะส่งดวงวิญญาณของตนเองเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท