เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1899 ภารกิจระดับสูง

บทที่ 1899 ภารกิจระดับสูง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1899 ภารกิจระดับสูง

คฤหาสน์วิญญาณบ้านหยกทอง

 สาวน้อย เจ้าเชิญพวกเรามาที่นี่เพื่อสิ่งใด? 

 บอกมาเร็ว ขายังต้องทํางาน 

 ถูกต้อง นี่เป็นครั้งเดียวในแต่ละปีที่ตลาดทะเลแห่งนี้เปิด เราจะเสียเวลาและเงินกับการมาที่นี่! 

ผู้ใช้วิญญาณหลายคนมารวมตัวกันในบ้านหยกทองและกล่าวกับเซียหลิน

พวกเขาหมดความอดทนกับการรอคอยแล้ว

เซี่ยหลินมองไปรอบๆและเผยรอยยิ้ม  ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ ดังนั้นข้าจะกล่าวสั้นๆ จากนี้ไปเกาะแห่งนี้จะเป็นอาณาเขตของข้าและอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า หากทุกคนต้องการมาที่นี่เพื่อทําธุรกรรม ข้ายินดีต้อนรับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องเสียค่าธรรมเนียม นอกจากนั้นพวกเจ้าจะไม่สามารถอยู่บนเกาะแห่งนี้นานเกินไป 

 วิธีที่พวกเจ้าจะสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้เป็นเวลานนาน คือการเข้าร่วมกับข้าและเป็นลูกน้องของข้า 

เงียบ…

หลังจากนั้นความโกลาหลก็ปะทุขึ้น

ผู้ใช้วิญญาณระดับสามหลายคนรู้สึกไม่มีความสุข

 สาวน้อย เจ้ากล้าหาญเกินไปแล้ว 

 เด็กสมัยนี้ ฮ่าฮ่า พวกเขาไม่รู้ว่าความกลัวคือสิ่งใด 

 เจ้าคิดว่าตนเองสามารถเย่อหยิ่งหลังจากสังหารผู้ใช้วิญญาณระดับสามผู้หนึ่งงั้นหรือ? อย่าลืมว่าเจ้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสอง 

เผชิญหน้ากับค่าถามมากมาย เซี่ยหลินรู้สึกกังวล แต่เมื่อนึกถึงค่าสั่งของท่านชู นางก็ทําได้เพียงฝืนยิ้มและตอบตามคําแนะนํา  ไม่จําเป็นต้องสงสัยคํากล่าวของข้า ตอนนี้พวกเจ้าจะได้รู้ว่าข้าพึ่งพาสิ่งใด 

 มันคือสิ่งใด?  บางคนถาม

เซี่ยหลินยิ้มแต่ในความเป็นจริงกระทั่งนางก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้แผ่นดินกลับเริ่มสั่นไหว

 เกิดสิ่งใดขึ้น?  บางคนกรีดร้องเมื่อแผ่นดินไหวแรงขึ้นเรื่อยๆ

 แผ่นดินไหวงั้นหรือ!?  ผู้คนเริ่มตื่นตระหนก

โชคดีที่บ้านหยกทองเป็นคฤหาสน์วิญญาณ มันมีการป้องกันบางอย่าง อย่างไรก็ตามโลกภายนอกตกสู่ความโกลาหลไปแล้ว เสียงกรีดร้องดังขึ้นทุกหนทุกแห่ง

 ไม่ ข้าต้องรีบกลับไปดูร้านของข้า! 

 ข้าก็ต้องไปเช่นกัน! 

ผู้ใช้วิญญาณพยายามวิ่งออกไป แต่ทันใดนั้นแสงสีเหลืองก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น

แสงสีเหลืองปกคลุมทั้งเกาะและกีดขวางทางเข้าออกของบ้านหยกทอง

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณไม่สามารถผ่านปราการแสงสีเหลืองและกลายเป็นยิ่งตื่นตระหนก  เกิดสิ่งใดขึ้นกับโลกใบนี้? 

 นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา 

 เซียหลิน เจ้าต้องรู้บางอย่าง! 

บางคนตะโกนและทําให้ทุกคนหันหน้าไปทางเซี่ยหลิน

ในความเป็นจริงเซียหลินก็ตกใจเช่นกัน แต่ฟางหยวนลอบส่งเสียงมาหานางและบอกวิธีจัดการกับสถานการณ์ นางกล่าว  ทุกคน ไม่จําเป็นต้องตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นประโยชน์สําหรับทุกคน ข้าจะไม่พูดมาก คอยดูอยู่เงียบๆ 

เซี่ยหลินเก็บความลับบางอย่างเอาไว้ ดังนั้นกลุ่มผู้ใช้วิญญาณจึงไม่กล้าดูถูกนาง

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติแต่เป็นสถานการณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น

แต่ผู้ใดที่สามารถทําสิ่งนี้?

ทันใดนั้นคําๆหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของผู้ใช้วิญญาณทุกคน

ผู้อมตะ!

นี้เป็นวิธีการระดับอมตะ

กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือฟางหยวนกําลังซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเล

เขานําทรัพยากรอมตะออกมาจากมิติช่องว่างของตนและใส่เข้าไปค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อซ่อมแซมมัน

นั่นทําให้เกิดแสงสีเหลืองส่องประกายขึ้นทั่วเกาะ

พื้นดินปรากฏขึ้นรอบๆเกาะและทําให้เรือที่จอดอยู่ไม่สามารถเคลื่อนที่

เมื่อแสงสีเหลืองจางหายไป เกาะแห่งนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าเท่าตัว

จากนั้นคลื่นน้ําก็สาดซัดและน่าสัตว์น้ําจํานวนมากเข้ามา

ฟางหยวนแก้ไขค่ายกลบนเส้นทางแห่งวารีหลังจากซ่อมแซมค่ายกลบนเส้นทางแห่งปฐพี

ในที่สุดค่ายกลวิญญาณอมตะก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์คลื่นขนาดใหญ่ค่อยๆสงบลง

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่หยุด

เขาเพิ่มค่ายกลย่อยเข้าไป

หลังจากนั้นเขาก็โบกมือและมอบบางสิ่งให้กับเซียหลิน

แสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและปกคลุมร่างของเซียหลินเอาไว้ทั้งหมด

เซียหลินไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่ค่ายกลย่อยที่ฟางหยวนออกแบบทําให้นางได้รับความสามารถใหม่มากมาย

นางสามารถใช้ความสามารถเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายราวกับการหายใจ

ตอนนี้นางสามารถเคลื่อนพื้นดินของเกาะและแยกทะเลได้ด้วยหนึ่งความคิด

 ครัน… 

เป็นเพียงเวลานี้ที่บ้านหยกทองขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นวังขนาดใหญ่โตที่วิจิตรงดงาม

แน่นอนว่านี่เป็นการกระทําของฟางหยวน เขาลอบเชื่อมต่อบ้านหยกทองเข้ากับค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเล

การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ทุกคนตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

เซี่ยหลินเผยรอยยิ้มบางแต่นางลอบตกใจมากอยู่ภายใน

เสียงของฟางหยวนดังขึ้นในหูของนางอีกครั้ง

นางกล่าวตามคําแนะนํา  ทุกคน พวกเจ้าเห็นมันกับตาของตนเองแล้ว ข้าโชคดีที่สามารถฝากตัวเป็นศิษย์ของผู้อมตะ ท่านอาจารย์ของข้าพึ่งจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะและสั่งให้ข้าปกป้องสถานที่แห่งนี้ 

หลังกล่าวจบคํา แสงสีเหลืองก็พุ่งเข้าห่อหุ้มร่างกายของทุกคนและทําให้พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหว

ทุกคนถูกยกขึ้นสู่อากาศโดยไม่สามารถต่อต้าน

 นี่…นี่…นี่… 

 ปาฏิหาริย์อมตะ นี่คือปาฏิหาริย์อมตะ โลกนี้มีผู้อมตะอยู่จริงๆ! 

 ข้าขอถามท่านหญิงเซียหลินด้วยความเคารพ เหตุใดท่านอาจารย์ของท่านหญิงจึงสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขึ้นที่นี่? ข้าสงสัยว่าท่านผู้อมตะวางแผนใดเอาไว้? 

เซียหลินยิ้ม นางพึ่งรู้ว่าท่านชูเป็นผู้อมตะเช่นกัน นางตกใจไม่น้อยกว่าคนอื่นๆ

 เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้ามีสิ่งใดจะพูดเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนหน้านี้ของข้าหรือไม่?  เซี่ยหลินกวาดตามองไปรอบๆและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่น

ไม่มีผู้ใดกล้าตั้งคําถามกับนางอีก ทุกคนก้มศีรษะลง บางคนถึงกับคุกเข่าลง ณ จุดนั้นและบอกว่าพวกเขาต้องการติดตามเซี่ยหลิน ขณะที่บางคนต้องการเป็นศิษย์ของผู้อมตะ

ฟางหยวนใช้คําแนะเซี่ยหลินก่อนที่เขาจะจากไป

แม้ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าจะมีร่องรอยของผู้อมตะ แต่ไม่ว่าจะเป็นชีวิตก่อนหน้าหรือชีวิตนี้ ฟางหยวนก็ยังไม่เคยเห็นผู้อมตะชนพื้นเมืองมาก่อน

ผู้อมตะเป็นตํานานของมนุษย์ แต่พวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

ครั้งนี้ฟางหยวนแสดงปาฏิหาริย์อมตะและจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ เมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ผู้คนมากมายจึงต้องการเข้าร่วมกับเซียหลินและกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนาง

ชีวิตก่อนหน้า ฟางหยวนช่วยให้เซี่ยหลินกลายเป็นเทพธิดาเงือก ชีวิตนี้เขาเริ่มต้นด้วยการสร้างกองกําลังให้กับเซี่ยหลิน

หลังจากนี้เซี่ยหลินจะสร้างกองกําาลังของตนเองและปฏิบัติตามค่าแนะนําของฟางหยวน

แม้นางจะไม่สามารถท่าหลายสิ่ง แต่ฟางหยวนทิ้งเจตจํานงเอาไว้เพื่อสั่งสอนและช่วยเหลือนาง

กล่าวได้ว่าการลงทุนกับเซียหลินของเขาไม่น้อยกว่าชีวิตก่อนหน้า

ด้วยความสําเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปฐพี ฟางหยวนสามารถซ่อมแซมค่ายกลบนเส้นทางแห่งปฐพี แต่เขายังต้องใช้ทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี่จํานวนมาก

ภารกิจระดับกลางมีความยากที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันผู้อมตะยังต้องลงทุนในบางกรณีอีกด้วย

หลังจากทั้งหมดการได้รับแต้มบุญไม่ใช่เรื่องง่าย

ฟางหยวนกลับไปที่หอคอยเกียรติยศ

ภารกิจนี้ทําให้เขาได้รับแต้มบุญหนึ่งร้อยแต้ม นี่คือขีดจํากัดสูงสุดสําหรับภารกิจระดับกลาง

ด้วยเหตุนี้ชื่อของเขาจึงยึดครองบัลลังก์อันดับหนึ่งบนหอคอยเกียรติยศโดยไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอน การได้รับแต้มบุญหนึ่งร้อยแต้มของเขาทําให้ทุกคนรู้สึกหดหูใจเป็นอย่างมาก

แต่คราวนี้ฟางหยวนไม่รีบร้อนจากไป

เขาเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับหอคอยเกียรติยศ

เนื่องจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปฐพี่ของเขาเพิ่มสูงขึ้น เขาจึงต้องการทดลองทําความเข้าใจคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้

หากเขาเข้าใจมัน เขาอาจสามารถสร้างช่องโหว่และใช้ประโยชน์จากหอคอยเกียรติยศ

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนไม่สามารถทําสิ่งใดและต้องปฏิบัติตามกฏเท่านั้น แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเลิกล้มความคิดที่จะยึดครองหอคอยเกียรติยศ

หลังจากตรวจสอบมัน ฟางหยวนกลับรู้สึกผิดหวัง

หอคอยเกียรติยศไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งปฐพี่แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งเสียง เส้นทางมนุษย์ และเส้นทางสวรรค์

เพื่อให้ได้รับมัน อย่างน้อยข้าต้องเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางทั้งสี่สาย  ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขึ้นกับตนเอง

มันเป็นเรื่องยากที่จะยึดครองหอคอยเกียรติยศในเวลานี้

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทําตามกฏต่อไป

เขาต้องรับภารกิจและทํามันให้สําเร็จ

เมื่อแต้มบุญของฟางหยวนบรรลุถึงเก้าร้อยแต้ม เฉินเซียวก็กรีดร้องออกมา  ในที่สุดข้าก็ได้รับป้ายตําแหน่งคนดี! 

เฉินเซียวแทบหลั่งน้ําตาด้วยความยินดี

เขารีบบอกเฉินกงเจิ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในไม่ช้าแต้มบุญของผู้อมตะตระกูลเฉินก็เริ่มเพิ่มขึ้น

ตามมาด้วยเหรินซิ่วผิงและตงฮัว

ตอนนี้มีสี่กลุ่มอยู่บนหอคอยเกียรติยศ

กลุ่มแรกคือฟางหยวน

กลุ่มที่สองคือผู้อมตะตระกูลเฉินที่น่าโดยเฉินกงเจิ้ง

กลุ่มที่สามคือเหรินซึ่งผิงและตงชั่ว

กลุ่มสุดท้ายคือเสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆที่ยังไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับป้ายตําแหน่งคนดี

เมื่อแต้มบุญของฟางหยวนบรรลุถึงระดับหนึ่งพัน เขามองหอคอยเกียรติยศและหัวเราะอยู่ภายใน ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักถึงความสําคัญของตําแหน่งคนดี คนเหล่านี้ช่างโชคร้ายนัก บางทีพวกเขาอาจถูกสะกดข่ม โดยโชคของข้า

ฟางหยวนเริ่มแลกเปลี่ยนสมบัติอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาใช้แต้มบุญหนึ่งพันแต้มแลกกับป้ายตําแหน่งคนดีจริงๆ

ด้วยตําแหน่งนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถรับภารกิจระดับสูง

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท